ตอนที่ 168

ในไม่ช้าซุปปลาหนึ่งหม้อก็ถูกกวาดจนเกลี้ยงโดยทุกคน

เหยาเพิ่งจี้นั่งลงบนเกาอี้ ซึมซับรสชาติที่ค้างอยู่ในลําคอ

จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นและกล่าวกับหลี่เหนียนฟานด้วยความเคารพ: “นายน้อยหลี่ขอบคุณสําหรับการต้อนรับ ข้าขออําลา”

หลี่เหนียนฟานมองไปที่ เหยาเพิ่งจี้เงียบไปครู่หนึ่งและถอนหายใจเบา ๆ : ” ผู้เฒ่าเหยา เดินระวังๆ”

ข้าไม่รู้ว่าจะได้เจอเขาอีกหรือเปล่า

เหยาเพิ่งสั่นสะท้านไปทั่วพร้อมกับสีหน้าเศร้าสร้อยและในที่สุดก็พยักหน้าอย่างเจ็บปวดและเดินออกจากบ้าน

หลี่เหนียนฟานมองไปที่ด้านหลังของเขาและอดไม่ได้ที่จะแสดงอารมณ์อ่อนไหวเล็กน้อย

ชีวิตไม่แน่นอนเหมือนเฟยหงเหยียบหิมะ

(ผู้แปลก็ไม่ทราบว่ามันหมายความว่าอะไรเหมือนกัน)

ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนหรือเซียน พวกเขาจะพบปัญหาเดียวกันในที่สุดและเจ้าค่าของชีวิตก็มักจะอยู่ที่นั่น

ถ้าข้ารู้ว่าความตายกําลังใกล้เข้ามาข้ากลัวว่าข้าจะเป็นเหมือนผู้เฒ่าเหยา

ไม่น่าแปลกใจที่นักปราชญ์คนนั้น ต้องการค้นหาหนทางที่จะมีชีวิตยืนยาวอย่างไม่ลดละ ชีวิตนั้นสั้นเกินไป ดังนั้นใครจะเต็มใจที่จะจากไป

หลี่เหนียนฟานส่ายหัวและเริ่มสร้างสายล่อฟ้า มันไม่ดีที่จะคิดมากเกินไป

เหยาเพิ่งจี้ เดินไปตามถนนบนภูเขาอย่างใจเย็นและเดินช้าๆลงจากภูเขา

ทันทีที่เขามาถึงเชิงเขาฉันม่านหยุนและผู้อาวุโสทั้งสี่ก็มองดูเขาด้วยความกังวล

“อาจารย์ ปรมาจารย์สามารถช่วยชีวิตท่านได้ไหม” ฉันม่านหยุนถามอย่างกังวล

เหยาเพิ่งจี้ส่ายหัว ความเศร้าในใจของเขาเหมือนน้ําท่วมโลก มันเหมือนกับเด็กที่เห็นพ่อแม่ของเขาหลังจากถูกครูวิพากษ์วิจารณ์ดวงตาของเขาเป็นสีแดงเล็กน้อยและเสียงของเขาก็แหบ: “อย่าไปคิดเลย ยังไงข้าก็ต้องตายอยู่แล้ว!”

ดวงตาของฉันม่านหยุนกลายเป็นสีแดงทันทีสะอื้นและพูดว่า: “อาจารย์ ข้าจะไปขอร้องปรมาจารย์!”

“หยุด!” เหยาเพิ่งจิรีบหยุดและพูดด้วยความสิ้นหวัง: “ปรมาจารย์ รู้ว่าจุดจบของข้าใกล้เข้ามาแล้ว เขาได้ทําซุปเต้าหูหัวปลาเป็นพิเศษสําหรับข้า ยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่จะออกไปปรมาจารย์เขาพูดกับข้าเป็นพิเศษว่า “เดินระวังๆ” ความหมายมันไม่สามารชัดเจนไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

ฉันม่านหยุนและคนอื่น ๆ ต่างก็เสียใจและไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าไม่ต้องเสียใจหรอก ซุปนั้นอร่อยมาก เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะได้กิน! เมื่อข้าได้กินอาหารแบบนี้ข้าก็ไม่เสียใจที่ต้องตาย ! เจ้าต้องอิจฉาแน่ๆ”

เหยาเพิ่งจี้ยิ้มอย่างกะทันหันจากนั้นโบกมือ“เอาล่ะ พวกเจ้ากลับไปเถอะ ทัณฑ์สวรรค์จะมาในอีก 2 วัน ให้ข้าอยู่ที่นี่อย่างเงียบ ๆ”

“อาจารย์!”

ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ําตาของฉันม่านหยุนเล็กลงและนางกําลังคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง แต่เมื่อเห็นว่าเหยาเพิ่งได้กลายเป็นผู้ที่สิ้นหวังและจมลงไปในส่วนลึกมหาสมุทร นางก็ทําอะไรไม่ได้

“ถ้าข้าตาย อย่ามาหาศพของข้า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม……”

ก่อนที่จะรู้ตัวมันก็ตกกลางคืนแล้ว

หลี่เหนียนฟาน ยังคงหมกมุ่นอยู่กับการทําสายล่อฟ้า เพราะมันมีไว้ป้องกันฟ้าผ่าเเขาจึงไม่สามารถทําอย่างลวกๆได้ และหลี่เหนียนฟานก็ยิ่งคิดหนักมากขึ้น เพราะมันเป็นของใหม่ที่สุดที่เขาสร้างขึ้นดังนั้น เขาต้องลองก่อน และตรวจสอบว่ามันสามารถป้องกันฟ้าผ่าได้ไหม

วิธีที่ดีที่สุดในการทดสอบคือการชักว่าวและล่อสายฟ้าแลบ เหมือนคนที่ประดิษฐ์สายล่อฟ้าในชาติที่แล้วของเขา!

ในความเป็นจริง หลี่เหนียนฟานก็พร้อมที่จะทําเช่นนั้น

วัสดุในการทําว่าวไม่สามารถหาได้ง่ายกว่านี้อีกแล้ว มันสามารถหาได้ทุกที่ในสวน

หลังจากตั้งสายล่อฟ้าแล้ว เขาก็ชักว่าวธรรมดาขึ้น มันดูเหมือนผีเสื้อขนาดใหญ่ที่ไม่มีลวดลายกําลังบินขึ้น

หลี่เหนียนฟานมองไปรอบ ๆ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น เขาหยิบปากกาและกระดาษและเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่สี่ตัวลงบนว่าว

มานี่สิ!

ด้วยคําพูดที่ดูยั่วยุเช่นนี้ เขาคิดว่ามีโอกาสที่ฟ้าจะผ่าลงมามากขึ้น

หลี่ เหนียนฟาน พอใจกับผลงานชิ้นเอกของเขามากและยิ้มเล็กน้อย: “ทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่ยังขาดของอีกหนึ่งอย่าง”

ต้าจีถามอย่างสงสัย: “นายน้อย ท่านขาดอะไรไปหรือ”

หลีเหนียนฟานพูดอย่างสบาย ๆ :“เมื่อฟ้าร้องและฟ้าผ่าเราต้องการหนูทดลองที่ไม่กลัวตาย ถือว่าวและวิ่งออกไปล่อสายฟ้า ด้วยวิธีนี้เราจึงสามารถเห็นผลของมันได้ มันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน หากทําไม่ได้ มันยังมีวิธีอื่นๆ”

เขาถือว่าวก่อนหาวแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: “เสี่ยวต้าจีมันเริ่มดึกแล้ว เข้านอนเถอะ”

ต้าจี พยักหน้าและพูดอย่างชาญฉลาด: “นายน้อย ฝันดี”

ค่อยๆกลางคืนลึกขึ้น

ต้าจี เดินออกจากประตูอย่างระมัดระวังและมาที่ประตูลานบ้านเบา ๆ

สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยที่ยืนอยู่อยู่บนต้นไม่วิ่งไปมาอย่างมีความสุข “ท่านพี่!”

“เงียบ ๆ อย่าเสียงดัง” ต้าจีทําท่าทางให้นางเงียบๆ จากนั้นก็จับขนของนางแล้วพูดด้วยความประหลาดใจ: “หางที่แปดของเจ้ากําลังงอกออกมาแล้ว”

“โว้ย ท่านพี่แต่ละอย่างในสวนพวกมันไม่ใช่คนแล้ว! พวกมันรังแกข้าอย่างหนัดและตอนนี้ทั้งตัวของข้าก็ยังเจ็บอยู่” จิ้งจอกตัวน้อยยกอุ้งเท้าขึ้น “ดูสิขนบนตัวข้าหายไปหลายจุด.”

“ก็เจ้าขี้เกียจขนาดนี้ถ้าไม่บังคับแบบนี้ เมื่อไหร่เจ้าจะเก่งขึ้น”

ต้าจี ตบหัวของจิ้งจอกตัวน้อย นางยกมือขึ้นโบก ศพที่ถูกแช่น้ําแข็งปรากฏขึ้นที่ด้านข้างและมีแรงกดดันอันรุนแรงแผ่ออกมาจากศพ มันศักดิ์สิทธิ์และเต็มไปด้วยความสูงส่ง

สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยตกใจและขาของนางแทบจะยื่นไม่อยู่

“ท่านพี่ นี่มัน …”

“นี่ คือ ศพเซียน !” ต้าจีมองไปที่ศพนั้นและพูดว่า “ข้าจะใช้มันเพื่อปลุกเลือดในร่างกายของเจ้า”

“เซียน … ศพเซียน?”

จิ้งจอกตัวน้อยตกตะลึงจ้องมองไปที่ศพด้วยดวงตาเบิกกว้าง นางต้องการลองจับดู แต่ก็ไม่กล้า

ตอนนี้พี่สาของนางแข็งแกร่งแค่ไหนกันนา? แม้แต่ศพของเซียนก็ยังงมร

สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยกล่าวด้วยความคาดหวังอย่างยิ่ง: “ท่านพี่ มันจะทําให้ข้ามีเก้าหางใช่ไหม”

“น่าจะไม่มีปัญหา”

ต้าจีพยักหน้า “ข้าตรวจดูศพนี้และพบว่าความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างเซียนกับมนุษย์อยู่ที่จิตวิญญาณแห่งสวรรค์ซึ่งถูกเรียกว่าปราณเซียน ถ้าไม่มีปราณเซียนก็จะไม่ใช่เซียน และเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรของเรามีสายเลือดโบราณอยู่ในร่างกายแม้ว่าจะมีแค่เล็กน้อย แต่ก็ถือว่ามีรากฐานของปราณเวียนอยู่ในร่าง ตราบเท่าที่เจ้าดูดซับปราณเซียนนี้ เจ้าก็จะสามารถกระตุ้นสายเลือดโบราณได้และกลายเป็นจิ้งจอกเก้าหาง”

“สุดยอด!” สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยเหลือบตาขึ้น หางของมันกระดิกไปมา

ตราบใดที่ข้ากลายเป็นจิ้งจอกสวรรค์ข้าจะไม่ถูกรังแก

“เมื่อเจ้ากลายเป็นจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเท่านั้นที่เจ้าจะสามารถปลุกความสามารถและพลังเวทย์ของเจ้าได้ และจะสามารถช่วยนายท่านได้ไม่มาก็น้อย” ต้าจีกลัวว่าจิ้งจอกตัวน้อยจะอ่อนแอเกินไปจนไม่สามารถอยู่ในสายตาของนายน่ายได้

“โอเคกลั้นหายใจข้าจะเอาปราณเซียนออกจากศพนี้และมอบมันให้กับเจ้า!” ดวงตาของ ต้าจี มืดลงและนางก็กล่าวอย่างเคร่งขรึม

หลังจากนั้นนางก็ยกมือขึ้นไปที่กึ่งกลางคิ้วของบรรพบุรุษตระกูลหลิวทันใดนั้นก็มีร่องรอยของออร่าสีขาวบริสุทธิ์ไหลออกมาจากทุกส่วนของร่างกายของบรรพบุรุษตระกูลหลิวมาที่กึ่งกลางคิ้ว ..

เปรี้ยง!

ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็มืดมน เมฆมืดคละคลุ้งและแสงสายฟ้าก็ไหลผ่านหมูเมฆดจอสรพิษสีเงิน

เหยาเพิ่งที่กําลังจะตายในถ้ําจู่ๆใบหน้าก็ดําคล้ํา เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างเงียบงันและเริ่มสงสัยในชีวิต

“ทัณฑ์สวรรค์ของข้ายิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ พระเจ้า ข้าต้องทําอะไรบางอย่างที่ทําสวรรค์โกรธเคือง จนต้องการให้บ้าตายอย่างอนาถเชียวหรือ?”