ตอนที่ 34

The simple life of the emperor

ในขณะที่ขบวนเดินทางกำลังแล่นไปตามทะเลทรายที่ดูเหมือนจะไร้ที่สิ้นสุด เทียนหลางก็หันออกไปมองนอกหน้าต่างก่อนจะพูดกับหลินจินทง

”ผมหล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าทำไมเซียนพวกนั้นถึงถูกยกย่องมากนัก”

หลินจินทงก็หันไปมองเทียนหลางก่อนจะพูดขึ้น

”ดูเหมือนเธอจะไม่รู้สินะ ว่าเซียนนั้นถือว่าเป็นจุดสูงสุดของการบ่มเพาะที่เรียกได้ว่าสามารถผ่าภูเขาหรือแม่น้ำด้วยกันโจมตีเพียงครั้งเดียว เรียกได้ว่าแข็งแกร่งเหนือผู้บ่มเพาะทั่วไปเป็นอย่างมาก”

เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะรู้สึกสงสารเซียนในโลกนี้ยิ่งกว่าเดิม

เพียงแค่ระเบิดภูเขา ตัดผ่านแม่น้ำได้ก็ถือว่าเป็นเซียนแล้วงั้นเหรอ ? พวกนี้ใช้มาตรฐานไหนกันในการวัดถ้าหากพวกนี้ถูกนับเป็นหล่ะก็เทียนหลางมั่นใจได้เลยว่าพวกเขานั้นถูกจัดว่าเป็นเซียนชั้นล่างสุดของสุดอีกทีอย่างแน่นอน

เทียนหลางไม่พูดอะไรอีกเขาเพียงได้แต่ถอนหายใจ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้และดูเหมือนหลินจินทงจะสังเกตุเห็นเขาเลยเอ่ยถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

”เธอถอนหายใจอะไรงั้นเหรอ ?”

เทียนหลางที่ได้ยินก็หันมาพูดขึ้น

”คุณอยากให้ผมพูดจริง ๆ งั้นเหรอ ?”

”ทำไมหล่ะ ?”

เทียนหลางหัวเราะเล็กน้อย

”เพราะคุณอาจอยากจะฆ่าผมก็ได้”

หลินจินทงที่ได้ยินคำพูดของเทียนหลางก็ได้แต่สงสัยและมันก็ยิ่งทำให้เขาอยากรู้มากขึ้นเขาจึงรบเร้าเทียนหลาง

”เธอพูดเถอะ เพราะถึงฉันอยากจะฆ่าเธอก็ฆ่าไม่ได้อยู่ดี”

เทียนหลางที่ได้ยินก็หัวเราะก่อนจะเอ่ย

”แต่อย่างน้อยคุณก็ปล่อยผมทิ้งไว้กลางทะเลทรายแห่งนี้ได้อยู่นะ”

หลินจินทงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น

”ฉันไม่ทำอย่างงั้นเหรอน่า ถ้าเกิดฉันไม่ได้พาเธอกลับบ้านไปพร้อมกันหล่ะก็หลานฉันคงฆ่าฉันตายแน่ ๆ”

เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็มองหลินจินทงอย่างไม่เชื่อ

”ดูเหมือนคุณจะกลัวหลานคุณมากเลยนะ”

”ตั้งแต่ฉันเสียลูกสาวไป หลินเสวี่ยก็คือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน เธออาจจะยังไม่รู้แต่ว่าเธอหน่ะเหมือนกับแม่ของเธอเป็นอย่างมาก”

หลินจินทงพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา เทียนหลางมองเห็นความเศร้าเล็ดลอดออกมาจากดวงตาของเขาดูเหมือนเขาจะรักลูกสาวของเขาจริง ๆ เทียนหลางเห็นท่าทีของหลินจินทงเขาก็ยิ้มออกมา

”งั้นคุณอยากรู้อะไรหล่ะ ?”

”เรื่องที่ฉันสงสัย”

”โอ้ ~ งั้นคุณสงสัยเรื่องอะไรหล่ะ ?”

”เมื่อเช้าพวกเราได้พบกับเซียนจากสำนักอื่น ทุกคนล้วนแต่ยืนขึ้นเพื่อเคารพเขาแต่ทำไมมีเพียงเธอเท่านั้นที่ยืนขึ้นเฉย ๆ เท่านั้น ? ฉันอยากรู้ทำไมเธอถึงทำเช่นนั้น”

หลินจินทงเอ่ยถามพร้อมกับมองเทียนหลาง เทียนหลางยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น

”ก่อนที่ผมตอบคำถามของคุณ ผมอยากให้คุณตอบคำถามของผมเสียก่อน”

”ได้สิ”

หลินจินทงตอบรับ เทียนหลางยิ้มอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยถาม

”คุณคิดว่าโลกของเรานั้นใหญ่รึเปล่า ?”

เมื่อได้ยินคำถามของเขาหลินจินทงก็ขบคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

”แน่นอนว่ามันใหญ่มาก ต่อให้ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตก็สำรวจพวกมันไม่ทั่ว”

เทียนหลางที่ได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดังจนหลินจินทงและพ่อบ้านเหลาที่กำลังขับรถอยู่หันกลับมามอง เทียนหลางหัวเราะเสียงดังจนทำให้หลินจินทงอดที่จะถามออกมาไม่ได้

”เธอหัวเราะอะไรงั้นเหรอ ?”

”ฮะ ๆ ผมไม่คิดว่าในยุคที่วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีก้าวไกลแบบนี้ยังมีคนคิดอีกว่าโลกใบนี้นั้นกว้างใหญ่”

หลินจินทงขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถาม

”งั้นเธอจะบอกว่าโลกของเรานั้นเล็กงั้นเหรอ ?”

เทียนหลางมองหลินจินทงเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองนอกหน้าต่าง

”ดาวเคราะห์ดวงน้อย ๆ ดวงนี้คุณอาจจะมองว่ามันกว้างใหญ่เกินจะเอื้อมแต่ถึงอย่างงั้นในสายตาของผมมันเป็นเพียงแค่เศษฝุ่นในจักวาลอันกว้างใหญ่เกินกว่าที่คุณจินตนาการเอาไว้อีกมาก”

”ฉันรู้ว่าโลกของเรานั้นเล็กหากเทียบกับดาวดวงอื่น ๆ ในระบบสุริยะแล้วเธอพูดว่าโลกของเรานั้นเป็นเพียงเศษฝุ่น เธอมั่นใจแบบนั้นได้ยังไง ?”

”ฮ่าๆ คุณอาจจะอายุมากคุณปู่หลิน แต่โลกไม่ใช่ที่เดียวที่มีผู้คนอาศัยอยู่หรอกนะ”

เมื่อหลินจินทงได้ยินเขาก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา ไม่เว้นแม้แต่พ่อบ้านเหลาที่ดูใจเย็นตลอดเวลาก็ยังแสดงท่าทีตกใจออกมา

”ทะ… เธอพูดว่าอะไรนะ”

”หึๆ มีโลกมากมายนับร้อนนับพัน ดาวเคราะห์นับหมื่นนับแสนดวง คุณคิดเหรอว่าดาวเคราะห์ดวงเล็ก ๆ ดวงนี้จะเป็นสถานที่ที่ดี ?”

เทียนหลางเงียบไปสักพักก่อนจะพูดต่อ

”แล้วก็ไม่ใช่เพียงแค่โลกเท่านั้นหรอกนะที่มีผู้บ่มเพาะหน่ะ”

ยิ่งหลินจินทงได้ยินที่เทียนหลางพูดเท่าไหร่เขาก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นเขาไม่คิดว่าดาวดวงอื่นจะมีผู้บ่มเพาะอยู่ด้วยเขาอยากจะถามคำถามมากมายออกไปแต่มันกลับติดอยู่ในลำคอของเขา เขาได้แต่นั่งฟังเทียนหลางพูด

”ก่อนหน้านี้คุณถามผมใช่ไหมว่าทำไมผมถึงทำท่าทีแบบนั้นกับเซียนของพวกคุณ”

หลินจินทงพยักหน้า เทียนหลางยิ้มและพูดขึ้น

”ที่ผมแสดงท่าทีแบบนั้นก็เพราะเขานั้นไม่เหมาะและคู่ควรแก่การได้รับความเคารพจากผมไงหล่ะ”

”เพราะอะไรหล่ะ ?”

”เพราะเขาอ่อนแอไงหล่ะ”

เทียนหลางเงียบลงเล็กน้อย แต่หลินจินทงกลับแสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดในใจของเขากลับคิดว่าเทียนหลางยังคงเป็นแค่เด็กที่ไม่รู้อะไร แต่จากที่เขาพูดมาก่อนหน้านี้ทำให้หลินจินทงคาดว่าเทียนหลางอาจตามอาจารย์ของเขาเดินทางไปทุกที่ไม่เว้นแม้แต่ดาวดวงอื่นแล้วก็เป็นได้

เพราะเขาเคยอ่านเจอในตำราเก่าแก่ของสำนักว่าเซียนที่แกร่งกล้าบางคนนั้นสามารถเปิดประมิติไปยังภพภูมิอื่นได้ ในตอนแรกหลินจินทงนั้นไม่เชื่อ แต่เมื่อเขาได้ยินที่เทียนหลางพูดนั้นเขาก็เริ่มเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเทียนหลางก็พูดต่อ

”คุณอาจจะไม่รู้ว่าเซียนที่พวกเขาเชิดชูนั้นหากนับตามจริงเขานั้นไม่ได้ใกล้เคียงกับความเป็นเซียนเลยด้วยซ้ำ”

”เธอรู้ได้ยังไง ?”

หลินจินทงถาม เทียนหลางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น

”ผมเห็นอะไรมาเยอะกว่าที่คุณคาด หากคนในโลกนี้นับพวกเขาเป็นเซียนแล้วหล่ะก็เซียนในโลกอื่นคงถูกนับเป็นพระเจ้าในสายตาพวกคุณเป็นแน่”

เทียนหลางพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะ หลินจินทงที่ได้ยินเขาตกใจเป็นอย่างมาก หมายความว่ายังไง ? พระเจ้า ? จะมีคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจริง ๆ งั้นเหรอ ? หลินจินทงไม่แน่ใจไม่ความสงสัยของเขาจึงได้เอ่ยถามมันกับเทียนหลาง

”จริงงั้นเหรอ ?”

”แน่นอน ระดับการบ่มเพาะของพวกเขานั้นเป็นเพียงแค่ต้นของบันไดเท่านั้น ยังอีกไกลกว่าพวกเขาจะเรียกตัวเองว่าเป็นเซียนได้”

เทียนหลางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่หลินจินทง

”คุณสนใจรึเปล่า ?”

”หือ ? สนใจอะไรงั้นเหรอ ?”

หลินจินทงถามด้วยความสงสัย เทียนหลางมองเขาก่อนจะตอบ

”เส้นทางแห่งเซียนที่แท้จริงไงหล่ะ”