ตอนที่ 113 ตันไก่ป่า

สามีข้า คือพรานป่า

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 113 ตันไก่ป่า

หยุนเคอลุกขึ้นก่อนจะหยิบไก่ปาออกมาและยื่นให้หยุนเถียนเถียนด้วยท่าทางสบายๆ

“หยุนเคอ… ข้าขอบคุณเจ้ามาก รอให้เฉินเฉินอิ่มก่อน แล้วเราค่อยคุยกันดีไหม?”

หยุนเคอผู้พูดน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็รีบพยักหน้ารับทันที

หยุนเถียนเถียนถือไก่ป่ากลับบ้านไปอย่างระมัดระวังและวางแผนจะทําตันสูตรพิเศษ!

ทันใดนั้น เสียงของเสี่ยวเถาก็ดังขึ้น “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะเคี้ยวไก่ป่าให้เขาดื่มโดยไม่ใส่อะไรเพิ่มเลย? หากไม่มีสมุนไพร สารอาหารที่มีจะไม่สูญเปล่าหรือ?”

หยุนเถียนเถียนตกตะลึง “อะไรนะ? เจ้ากําลังจะขายของให้ข้าอย่างนั้นหรือ?”

เสี่ยวเถาแสร้งพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชา “เปล่าเลย ข้าเพียงคิดถึงเจ้า ดูเงินที่หมุนเวียนอยู่ในเถาเป่าสิ การขยายพื้นที่ขึ้นอยู่กับเงินหมุนเวียน ดังนั้นหากเจ้าไม่ใช่เงินซื้อของในเถาเป่าเลยทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์!”

หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้มด้วยความหงุดหงิด “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนตระหนี่และต้องการขายสินค้า แต่เด็กคนนี้อ่อนแอมาก ข้าเกรงว่าเขาจะไม่สามารถกินสมุนไพรอะไร

ได้!”

เสี่ยวเถาส่ายหัวทันที “เจ้าคงไม่รู้สินะว่าสมุนไพรของเถาเป่านั้นมีประโยชน์สูง อาหารเสริมต่างๆในยุคของเจ้าไม่อาจทัดเทียมได้ สมุนไพรของข้ามีสรรพคุณในการรักษาโรคได้อย่างชะงัดนักจึงสามารถให้เฉินเฉินดื่มได้!”

หยุนเถียนเถียนนิ่งไปครู่หนึ่งพลางครุ่งคิด เมื่อเห็นว่านางดูสนใจ เถาเป่าจึงรีบโยนหอสมุนไพรออกมาทันที!

หยุนเถียนเถียนชะงักเพราะยังไม่ได้ตกลงว่าจะรับสมุนไพรนี้หรือไม่ แต่เหตุใดเถาเป่าจึงทําราวกับกําลังบังคับ?

แต่เนื่องจากได้รับมาแล้วและไม่สามารถคืนได้ ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงนําไปตุ๋นกับไก่ปาอย่างช่วยไม่ได้ หนึ่งชั่วโมงต่อมาไก่ป่าตุ้นยาสมุนไพรก็ส่งกลิ่นหอมโชยไปทั่ว

“เฉินเฉิน เศร้าต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ออกมากินอาหารเถิด!”

เฉินเฉินเดินออกไปอย่างเชื่องช้าโดยไม่รู้ว่าจะข้ามผ่านเรื่องเหล่านี้ไปได้อย่างไร? ทว่าใบหน้าของเขาดูดีกว่าเดิมมาก

“ไม่เอาน่า! ลองชิมฝีมือของข้าหน่อยดีไหม?”

เฉินเฉินน้ําตาไหลทันทีที่เห็นไก่ป่าตุ้น!

การเป็นเด็กไม่ได้หมายความว่าจะวิเคราะห์อะไรไม่ได้ โดยเฉพาะเฉินเฉินที่ผ่านการเรียนหนังสือมาแล้วย่อมไตร่ตรองได้อย่างสมเหตุสมผล

“พี่สาวของข้าต้องลําบากจากการโดนกดขี่มาหลายปี ทั้งยังต้องทําดอกไม้ขายเพื่อให้ได้เงินมา ต้องเหนื่อยแค่ไหนกันนะ?

“ตอนอยู่ที่บ้านไม่เคยได้กินอะไรเลย แต่เมื่อมาหาพี่กลับได้กินตันไก่ปาอย่างดี ตลอดเวลาที่อยู่บ้านข้าต้องซ่อนตัวในห้องและไม่ออกไปเล่นที่ไหน เพราะกลัวว่าความเหนื่อยล้าจะทําให้หิวมากยิ่งขึ้น แต่เมื่ออยู่กับพี่สาวข้ากลับไม่ต้องอดทนต่ออะไรเลย!”

แม้ในบทเรียนจะบอกว่าเป็นลูกต้องกตัญญ แต่ลูกตัญญก็ต้องเอาชีวิตรอด ในยุคสมัยนี้ความกตัญญูกตเวทีนับเป็นสิ่งสําคัญที่สุด!

หยุนเทียนเถียนยิ้ม “เจ้าเป็นเพียงเด็กน้อยแต่กลับคิดขนาดนี้เชียวหรือ? ไม่ต้องกังวล… ตราบใดที่เจ้าเต็มใจอยู่กับข้า และทําตามความหวังดีที่พี่มอบให้ เจ้าจะไม่ขัดสน!ตั้งใจศึกษาเถิด การเรียนสําคัญกว่าสิ่งใด!”

“ลองคิดดู… ในอนาคตข้าก็ต้องแต่งงาน และหากครอบครัวของสามีข้าไม่สนับสนุนเจ้า! หากพวกเขารังแกหรือทําร้ายเจ้า เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดหรือบ่น! แต่ถ้าหากเจ้าตั้งใจเรียนก็จะประสบความสําเร็จด้วยตนเอง เช่นนั้นแล้วต่อให้ใครหน้าไหนก็จะไม่กล้าดูถูกหรือทําร้ายเจ้า!”

เฉินเฉินเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคําพูดเหล่านั้น! “ใช่แล้ว พี่สาวช่างดีกับข้านัก! ในเมื่อพี่ตั้งใจจะเลี้ยงดูข้า ข้าก็จะตั้งใจเรียนเพื่อเป็นการตอบแทน!

ในอนาคตเมื่อเขาได้เป็นขุนนางก็จะไม่มีใครสามารถรังแกเขาได้อีก แล้วเขาก็ไม่ต้องให้พี่สาวคอยปกป้องอีกต่อไปแล้ว เพราะเมื่อถึงวันนั้นเขาผู้แข็งแกร่งกว่าจะเป็นคนปกป้องพี่สาวคนนี้เอง!

แววตาของเฉินเฉินเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น โดยที่หยุนเถียนเถียนไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะสามารถสร้างคลื่นแห่งความมุ่งมานะในหัวใจของเด็กคนนี้ได้

เฉินเฉินดื่มน้ําสมุนไพรไก่ตุ้นทันที หลังจากเกิดเหตุร่างกายของเฉินเฉินค่อนข้างอ่อนแอ ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงหยิบหนังสือที่น้องชายตั้งใจจะอ่านออกมาเพื่อให้เขาได้พักผ่อนเสียก่อน

หยุนเสียนเถียนค่อยๆเดินออกจากห้องของน้องชาย ก่อนจะไปที่บ้านของหยุนเคอเพื่อเจรจาถึงเรื่องราวของพวกเขาทั้งสอง

หยุนเคอเตรียมเนื้อตากแห้งย่างไว้เพื่อต้อนรับหยุนเถียนเถียน

หยุนเถียนเถียนจ้องมองเนื้อชิ้นใหญ่ที่กําลังถูกย่างอยู่บนเตาด้วยแววตาทอประกายวูบไหว

นางจําได้ว่าหากอยากให้เนื้อหอมจะต้องอบด้วยกิ่งเมเปิ้ล นางจึงขึ้นภูเขาไปเก็บมาก่อนจะนํากิ่งเมเปิ้ลเปียกใส่ลงไปในไฟที่กําลังลุกโชน จนเกิดควันโขมงลอยอวบอวนและทําให้เนื้อหอมยิ่งขึ้น

“เอาล่ะ! การอบเนื้อด้วยกิ่งเมเปิ้ลต้องใช้เวลาทั้งคืน พรุ่งนี้ข้าจะมาดูใหม่!”

หลังจากพูดจบ หยุนเสียนเถียนจึงเดินกลับไปอย่างเย็นชา โดยไม่ทันสังเกตว่าหยุนเคอกําลังจ้องมองแผ่นหลังของนางด้วยแววตาล้ําลึก

เฉินเฉินไม่จําเป็นต้องกลับบ้านและสามารถอาศัยในบ้านพี่สาวได้อย่างเปิดเผย แม้จะต้องช่วยนางทํางานบ้านมากมายเพียงใดคงไม่หนักหนาเท่าการที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ต้องกลัวเลยว่าจะถูกทุบตีหรือไม่

หัวใจของเฉินเฉินเต็มไปด้วยความสุขและความเปรมปรีดิ์ น่าเสียดายที่ร่างกายของเขาอ่อนแรงจากอาการเจ็บป่วย หยุนเถียนเถียนจึงไม่ยอมให้เขาอ่านหนังสือสักที

เฉินผิงอันใช้เวลาทั้งวันในบ่อนก่อนจะตัดสินใจกลับบ้าน หลังจากชนะพนันและได้เงินมามากมาย แต่เฉินผิงอันกลับไม่รู้จักพอ เขายังคงลงเงินเดิมพันอย่างต่อเนื่องจนเสียหมดหน้าตัก!

แม้เฉินผิงอันจะอยากเดิมพันต่อมากแค่ไหน แต่เนื่องจากไม่เหลือเงินในมือแล้วจึงทําได้เพียงกลับบ้านเท่านั้น

หลินชวนฮวาเดาว่าเฉินผิงอันคงอารมณ์ไม่ดีแน่จึงต้องพูดอะไรอย่างระมัดระวัง ตลอดเวลาหลายปีที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ทําให้นางสามารถวิเคราะห์นิสัยและอารมณ์ของสามีได้อย่างแม่นยํา!

“สามี ท่านหายไปไหนมาทั้งวัน?! ข้าไม่รู้ว่าต้องทําอย่างไรดี เฉินเฉินไม่ยอมกลับบ้านเลย!”

เฉินผิงอันที่กําลังหงุดหงิดและรู้สึกไม่อยากสนใจเรื่องนี้ จึงกล่าวตอบด้วยน้ําเสียงเย็นชา “หากไม่อยากกลับมาก็ปล่อยเขาไป ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีขี้ครอกนั่นจะทําอาหารให้เขากินได้หรือไม่?! ไม่ต้องกังวล หากหิวเขาจะกลับมาเอง!”

สําหรับเฉินผิงอันแล้วการเลี้ยงดูใครสักคนจนเติบใหญ่เป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อย ไม่ต้องพูดถึงเฉินเฉิน การจะเลี้ยงดูเขาให้เติบโตได้ก็เป็นเรื่องลําบากไม่น้อย!