บทที่ 58 ข้าได้ยินผิดอย่างนั้นหรือ
แต่ว่าฮ่องเต้หมิงหยวนที่ทรงกริ้วอยู่นั้น กลับบอกให้มู่หรูกงกงเรียกหยวนชิงหลิงเข้าไป
อ๋องซุนมองนางด้วยสายตาสงสาร เขารู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ทำให้นางต้องเข้าไปรองรับอารมณ์แทนเขา ได้ยินว่าหลานห้ารักษาตัวอยู่ในวัง ควรจะไปบอกหลานห้าหน่อยดีกว่า เพื่อให้เขาช่วยหาทางพาพระชายาออกมา
หยวนชิงหลิงเดินเข้ามาในตำหนัก แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนกลับไม่เงยหน้ามามอง พลางพูดขึ้น “คุกเข่าลง!”
หยวนชิงหลิงทำตามรับสั่งทันที “คารวะฝ่าบาท!”
ภายในตำหนัก เงียบลง มู่หรูกงกงกำลังเก็บกวาดเศษแผ่นหมึกและกระดาษบนพื้น เป็นของที่ฝ่าบาททรงกริ้วแล้วขว้างใส่อ๋องซุน
และบนพื้นนั้นก็มีไข่มุกหนันตกอยู่หนึ่งเส้น ซึ่งห่างจากหยวนชิงหลิงไม่ถึงห้าฟุต
ฮ่องเต้หมิงหยวนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบ “เมื่อครู่มู่หรูกงกงมารายงานว่า เจ้าจะมารับโทษกับข้าที่ทำไข่มุกหนันหายเอง เจ้าไปทำหายที่ไหน?”
“ทูลเสด็จพ่อ ในตำหนักฉินคุนเพคะ” หยวนชิงหลิงตอบ
“แล้วเจ้าลองดูสิ บนพื้นนั่นใช่ไข่มุกหนันที่เจ้าทำหายในตำหนักฉินคุนหรือไม่?” ฮ่องเต้หมิงหยวนถามขึ้นอีกครั้ง
หยวนชิงหลิงหันไปมอง “ใช่ เพคะ”
“ไข่มุกหนันเส้นนี้ คนของฮองเฮาเป็นคนนำมาให้ เจ้าจะบอกว่าคนของฮองเฮาขโมยไข่มุกหนันของเจ้างั้นหรือ?” เสียงของฮ่องเต้หมิงหยวนนั้น เริ่มฟังดูโมโหแล้ว
แต่ว่าเหมือนกำลังให้โอกาสนางอยู่
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉันรู้ว่าใครเป็นคนเอาไป”
“ว่าไงนะ?” ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะออกมาอย่างเย็นยะเยือก “เจ้ารู้ว่าใครขโมยไปงั้นหรือ?”
“รู้เพคะ หม่อมฉันเห็นว่าใครเอาไป” นางก็ยังยืนหยัดในคำตอบนี้
“ใคร?” ฮ่องเต้หมิงหยวนกริ้วอย่างมากแต่ก็ยังยิ้มอยู่
หยวนชิงหลิงตอบเสียงนิ่ง “แม่นมสี่!”
ฮ่องเต้หมิงหยวนกริ้วจนตบโต๊ะ “เหลวไหล!”
มู่หรูกงกงรีบพูดขึ้นทันที “พระชายา อย่าพูดมั่วนะพ่ะย่ะค่ะ ท่านเองก็รู้ว่าแม่นมสี่เป็นคนของไท่ซ่างหวงไม่ใช่หรือ?”
หยวนชิงหลิงพูดออกมาอย่างลำบาก “ข้ารู้……” แล้วเสียงก็หายไป เพราะความรู้สึกที่รู้ฐานะแม่นมสี่แต่ไม่กล้าถาม
ฮ่องเต้หมิงหยวนใช้สายตาเย็นชามองมาที่นาง คำพูดนี่ ฟังดูเหลวไหลเกินไปแล้ว พูดออกมาใครก็ไม่มีทางเชื่อ
และในตอนที่รู้สึกว่าเหลวไหล กลับทำให้ฮ่องเต้หมิงหยวนมีความรู้สึกบางอย่าง
หยวนชิงหลิงไม่น่าจะโง่ขนาดใส่ร้ายคนของไท่ซ่างหวง
ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงสงบสติอารมณ์ลง
แม่นมเป่าบอกว่า แม่นมสี่เป็นคนนำไข่มุกหนันไปมอบให้ ถ้าลองคิดกลับกัน คำพูดนั้นก็คือโยงไปถึงแม่นมสี่ และสิ่งที่หยวนชิงหลิงต้องการก็คืออนาคตของหลานห้า แต่ทำไมถึงต้องยืมมือคนอื่นด้วย?
ควรจะไปด้วยตนเองถึงจะดูน่าเชื่อ
หยวนชิงหลิงยังคงคุกเข่าอยู่ ด้วยสีหน้าที่ดูนิ่งสงบ
ปัญหานี้ นางได้โยนไปให้ฮ่องเต้หมิงหยวน
ว่าควรจะเรียกคนของไท่ซ่างหวงมาไต่สวนหรือไม่ มันก็คือการตัดสินใจของเขา
ฮ่องเต้หมิงหยวนครุ่นคิด พลันตรัสว่า “รับสั่งออกไป เชิญฮองเฮากับแม่นมสี่มาที่ห้องทรงพระอักษร”
คนในตำหนักมารับคำสั่งแล้วออกไปทันที
และก่อนที่แม่นมสี่กับฮองเฮาจะมาถึง เสียนเฟยเองก็มาถึงแล้ว
เสียนเฟยนั่งไม่ติดแล้ว ต้องรู้ให้ได้เรื่องที่หยวนชิงหลิงมอบไข่มุกหนันให้กับฮองเฮา นางรู้ว่าตอนนี้สถานการณ์กำลังค่อยๆ เปลี่ยนไป นางอยู่รักษาตัวแต่ในตำหนักต่อไปไม่ได้แล้ว
รักษานานแล้ว จนลูกสะใภ้อกตัญญูคนนั้นไม่เห็นหัวนาง
ที่นางมาครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะไข่มุกหนัน เพียงแค่อยากจะออกมาเคลื่อนไหวบ้าง เพื่อให้หยวนชิงหลิงรู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่
เสียนเฟยเอาชาบำรุงกำลังมาให้ พอหลังจากที่เข้ามาในตำหนักก็เห็นหยวนชิงหลิงคุกเข่าอยู่ บนพื้นก็มีไข่มุกหนันตกอยู่ นางจึงหันไปมองฮ่องเต้ที่มีสีหน้าโมโห มู่หรูกงกงเองก็ยืนอยู่ด้านข้างไม่พูดอะไร ในใจนางก็นิ่งไม่น้อย
นางพอจะดูออกว่าที่พระองค์โกรธนั้นคงเป็นเพราะเรื่องที่หยวนชิงหลิงนำไข่มุกหนันไปให้ฮองเฮา แม้ว่านางจะรู้ว่าเรื่องนี้อาจจะส่งผลไปถึงบุตรชายตัวเอง แต่ถ้าหยวนชิงหลิงถูกลงโทษ นางก็จะสะใจไม่น้อย
นางฉีกยิ้มออกมา “ฝ่าบาท กระหม่อมรู้ว่าพระองค์ทรงยุ่งกับงานในราชสำนัก และก็เป็นห่วงการป่วยของฮองเฮา จึงได้ต้มชาบำรุงกำลังมาให้เพคะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นเสียงเรียบ “วางไว้เถอะ”
เสียนเฟยวางชาลง พลันหันไปมองหยวนชิงหลิง ลังเลอยู่นิดหน่อยจึงพูดขึ้น “พระชายาอ๋องฉู่ก็อยู่หรือ?ถ้างั้นกระหม่อมไม่รบกวนพระองค์แล้วเพคะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงพูดขึ้น “ในเมื่อมาแล้ว เรื่องนี้ก็เกี่ยวกับบุตรชายของเจ้าด้วย นั่งลงก่อนเถอะ”
พอได้ยินว่าเกี่ยวกับอ๋องฉู่ เสียนเฟยก็แทบอยากจะเข้าไปเอาชีวิตนางทันที
นางข่มความโกรธไว้ พร้อมกับฉีกยิ้มออกมา “เพคะ!”
นางเดินเข้าไปนั่งลง แล้วสมองก็ผุดความคิดบางอย่าง ฝ่าบาทต้องคิดว่าที่หยวนชิงหลิงประจบฮองเฮานั้นคงเป็นความประสงค์ของหลานห้า หลานห้าไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ ดูแล้วเขาออกจะระวังตัวขนาดนั้น จะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?
ช่างได้ผู้หญิงที่ไม่ดีเลย
ถ้าหากว่าครั้งนี้หลานห้าต้องถูกฝ่าบาทตัดหางปล่อยวัดอีกละก็ นางไม่มีทางปล่อยหยวนชิงหลิงไปแน่
ทำไมต้องมาเจอกับผู้หญิงแบบนี้ด้วย?ถ้าหากตอนนั้นได้อภิเษกกับฉู่หมิงชุ่ย จะมีเหตุการณ์ในวันนี้ได้อย่างไร?
เสียนเฟยยิ่งคิดก็ยิ่งฉุน ในใจก็พลันรู้สึกเกลียดหยวนชิงหลิงเข้ากระดูกแล้ว
หยวนชิงหลิงที่คุกเข่าหลังตรง จะไม่สามารถสัมผัสถึงรังสีอำมหิตจากสายตาของเสียนเฟยได้อย่างไร?แต่นางก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะถึงอย่างไรเสียนเฟยก็ไม่ได้ชอบนางอยู่แล้ว
“ฮองเฮาเสด็จ!” มีเสียงรายงานจากด้านนอกตำหนัก
ฮ่องเต้หมิงหยวนยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณ มู่หรูกงกงจีงรีบออกไปทันที พอมองเห็นฮองเฮาที่มาพร้อมกับแม่นมเป่า และแม่นมสี่เองก็มาถึงแล้วเช่นเดียวกัน เขาจึงเข้าไปโค้งคำนับ “ฮองเฮา ฝ่าบาทเชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ!”
และเขาก็มองไปที่แม่นมสี่ สีหน้าของนางดูนิ่งสงบ ไม่มีความรู้สึกใดๆ
มู่หรูกงกงจึงพูดขึ้น “แม่นม เชิญด้านใน!”
ฮองเฮาและแม่นมเป่าเดินอยู่ด้านหน้า ส่วนแม่นมสี่ก็เดินตามหลังมา ทั้งสามคนเข้าไปในตำหนักพร้อมกัน
เสียนเฟยเห็นฮองเฮาเสด็จ จึงรีบเข้าไปคารวะ “หม่อมฉันคารวะฮองเฮาเพคะ”
ฮองเฮาค่อยๆ หันมามองนาง “เสียนเฟยก็อยู่ด้วย”
นางจึงเดินเข้าไป พร้อมชำเลืองมองหยวนชิงหลิงครั้งหนึ่งด้วยสายตาเยือกเย็น พร้อมกับคำนำฮ่องเต้หมิงหยวน “ฝ่าบาท หม่อมฉันมาแล้วเพคะ”
“นั่งลงเถอะ!” ฮ่องเต้หมิงหยวนผายมือให้
แม่นมสี่เองก็เดินเข้ามา พลางคำนับ “ข้าน้อยคารวะฝ่าบาท!”
ฮ่องเต้มองนางด้วยความเคารพ แม่นมสี่ถือว่าอยู่กับเขามาตั้งแต่เล็ก และคอยช่วยพูดกับเสด็จพ่อมาโดยตลอด ถ้าหากว่าเรื่องในวันนี้ หยวนชิงหลิงพูดให้ร้ายนาง เขาไม่มีทางปล่อยไปแน่
“ไม่ต้องมากพิธี!” ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
แม่นมสี่จึงถอยลงไป พลางเชิดหน้ามองตรง โดยที่ไม่มองหยวนชิงหลิงเลยสักนิด
ฮ่องเต้หยวนชิงหลิงจึงเริ่มถามขึ้น “แม่นมสี่ ไข่มุกหนันนี้ท่านเป็นคนนำไปมอบให้ฮองเฮาใช่หรือไม่?”
แม่นมสี่ไม่ลังเลแล้วตอบทันที “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยเป็นคนนำไปเองเพคะ”
“พระชายาใช้ให้เจ้านำไปให้ใช่หรือไม่?” ฮ่องเต้หมิงหยวนถามอีกครั้ง
แม่นมสี่พยักหน้า “ใช่เพคะ!”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหันไปมองหยวนชิงหลิงด้วยสายตาอาฆาต พลันถามขึ้น “ตอนที่พระชายาบอกให้เจ้านำไปให้นั้น ได้ฝากให้เจ้าไปพูดอะไรหรือไม่?”
สีหน้าของแม่นมเป่าถอดสีทันที
แม่นมสี่ตอบ “พระชายาบอกว่าตนเองนั้นมีสองเส้น แต่ว่าฮองเฮายังไม่มี นางจึงอยากตอบแทนคุณเลยมอบให้ฮองเฮาเพคะ”
“นอกจากนั้นล่ะ?”
แม่นมสี่ส่ายหน้า “ไม่มีอย่างอื่นแล้วเพคะ”
มู่หรูกงกงได้ยินดังนั้น จึงพูดขึ้น “แม่นมลองคิดดีๆ ว่ายังฝากอย่างอื่นอีกหรือไม่ ที่ให้ฮองเฮาช่วยพูดเรื่องอ๋องฉู่กับฝ่าบาท?”
แม่นมสี่ส่ายหน้า “ไม่เคยพูดเพคะ”
ฮ๋องเต้หมิงหยวนเริ่มมีสีหน้าไม่ดี “ฮองเฮา?”
ฮองเฮาอึ้งไปชั่วขณะ แล้วพูดขึ้น “ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับอ๋องฉู่เพคะ!”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะขึ้นมา “อย่างนั้นหรือ?ถ้างั้นข้าคงฟังผิดไป ใช่หรือไม่ยู่เป่า?”
แม่นมเป่าคุกเข่าลงพื้นอย่างแรง สีหน้าซีดขาว แล้วพูดเสียงกระตุกกระตัก “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อย……..ข้าน้อยคงจะฟังผิดไปเพคะ”