ตอนที่ 75 ศึกชิงตำแหน่งหัวหน้าของแผนกเกษตรกรรมเริ่มดำเนินการ 2

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 75 ศึกชิงตำแหน่งหัวหน้าของแผนกเกษตรกรรมเริ่มดำเนินการ 2

เขาควรจะอยู่ต่อสู้กับปลาหมึกยักษ์บนดาวเคราะห์เมิร์คไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงมาที่นี่?!

“คณบดีแกลลาเกอร์เชิญผมมาเพื่อให้คำแนะนำแก่พวกคุณ” ท่านพลเอกโอคาซีเดินเข้าไปหาสวี่หลิงอวิ๋น ก่อนจะจ้องมองเธอ “ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”

คณบดีแกลลาเกอร์เดินเข้ามาหลังจากได้ยินคำพูดของโอคาซี และคิดเกี่ยวกับมัน ฉันเป็นตาเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์ที่ไม่อยากจะเชิญคนที่หล่อเหลากว่าฉันมานักหรอก! ฮึ่ม! แค่จะจีบสาว ถึงกับต้องใช้ชายเฒ่าคนนี้มาเป็นข้ออ้าง แย่เสียจริง!

แม้ว่าอยากจะสาปแช่ง แต่คณบดีแกลลาเกอร์กลับไม่ได้พูดออกไปตรง ๆ

เขายังคงกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มว่า “โอ้ โอคาซีของผมเป็นเด็กดีที่มีจิตใจอันแสนอบอุ่น เพียงแค่ผมบอกว่าผมต้องการกำลังคน เขาก็ไม่รีรอในทันที องค์หญิงสาม เป็นยังไงครับ? อาจารย์ที่ผมหามาให้ท่านไม่เลวใช่ไหม? ผมจะให้พวกคุณเริ่มเรียนรู้ได้ โดยการที่ผมคอยเป็นผู้ช่วย ดีไหมครับ?”

สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้พูดอะไร ทว่าเหล่าชายหญิงทั้งหลายในแผนกเกษตรกรรมกลับพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง ดี ๆๆ! คณบดีแกลลาเกอร์ทำดีมาก!

ไม่เคยรู้สึกขอบคุณคณบดีแกลลาเกอร์เท่านี้มาก่อน!

มองดูท่านพลเอกโอคาซี! โอ้ว! เขาดูหล่อเหลากว่าในรายการถ่ายทอดสดถึงร้อยเท่า! นี่! ท่านพลเอกมองมาที่ฉันหน่อยค่ะ!

สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว “ไม่เจอกันแค่เดือนกว่าเองไม่ใช่เหรอคะ? พวกคุณจัดการปลาหมึกเสร็จแล้วหรือไง?”

“อืม ปลาหมึกที่อยู่บนดาวเคราห์เมิร์คมีระดับดาวที่ต่ำกว่า 3 ดาว เหล่าทหารรับมือได้อยู่แล้ว นอกจากนี้พ่อของผมจะแวะเข้าไปดู ผมเลยพอมีเวลาว่าง”

โอคาซีกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ผมได้ยินมาว่าท่านกำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าไม่ใช่เหรอครับ? สู้ ๆ!”

สวี่หลิงอวิ๋นสะบัดผมของตัวเอง “ก็ใช่ เฮ้ เดิมทีฉันไม่ได้อยากจะเข้าร่วมการต่อสู้สักหน่อย ถ้าวันหนึ่งใครทำให้ฉันโกรธจัดจนแทบทนไม่ไหว แล้วทุบตีหัวหน้าเข้า ฉันจะไม่กลายเป็นศัตรูกับคนทั้งโรงเรียนเลยหรือไง? ยอมซื่อตรงจะดีกว่า”

ดังนั้น ความซื่อตรงของเธอคือการออกไปแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าเหรอ? แบบนี้ก็ดี

ท่านพลเอกมองดูกลุ่มนักเรียนชายหญิงที่ส่วนใหญ่บรรลุถึงสามดาวแล้ว ทว่ายังมีบางคนที่หลงเหลืออยู่ในระดับสองดาว และที่น่าแปลกประหลาดที่สุดคือเด็กอ้วนที่มีระดับดาวถึงสี่ดาว!

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญระดับเก้าดาว เด็กชายจึงยังคงอ่อนไหวต่อความผันผวนของพลังงานเป็นอย่างมาก นอกจากเด็กชายคนนี้จะดูดซับพลังงานได้รวดเร็วแล้ว เขายังสามารถไล่ตามผู้เชี่ยวชาญระดับห้าดาวได้

“ท่านกำลังมองดูเบนเน็ตอยู่เหรอคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นถามโอคาซี่ด้วยรอยยิ้ม

โอคาซีพยักหน้า แน่นอนว่าเขารู้จักเด็กอ้วนคนนี้ และยังเห็นสวี่หลิงอวิ๋นใช้พลังจิตของเธอเข้าไปในโลกของเขาอีกด้วย

ทว่าสวี่หลิงอวิ๋นกลับไม่เคยเข้ามาในจิตใต้สำนึกของเขา!

นั่นทำให้พลเอกหนุ่มไม่มีความสุขเอาเสียเลย!

“ฉันจะบอกอะไรคุณให้ เบนเน็ตคนนี้เป็นคนอัจฉริยะ หึหึ น่าเสียดายที่เขาเจอฉันช้าไปหน่อย ไม่อย่างนั้นทักษะในอนาคตของเขาคงจะทะลุไปถึง 8 ดาว!”

โอคาซีไม่ตอบอะไร เพียงแต่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย และมองพิจารณา “จริงเหรอครับ?”

“ทำไม? ไม่เชื่อหรือไง?!” สวี่หลิงอวิ๋นหันกลับไปมองโอคาซี “คุณอยากจะเดิมพันไหมล่ะ? พนันว่าภายในหนึ่งเดือน เขาจะเลื่อนขั้นไปถึง 5 ดาวได้หรือไม่?”

“อืม!” โอคาซีจ้องมองเธอด้วยท่าทางน่ารักสดใสแบบหนุ่มน้อย ดวงตาคู่นั้นเจิดจรัสแวววาวราวกับแสงดาว ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข

“ถ้าอย่างนั้นเราจะเดิมพันอะไรกันดีล่ะ?” สวี่หลิงอวิ๋นคิดเกี่ยวกับมัน กลอกตาและทันใดนั้นเธอก็คิดออก “ฮ่า ๆๆ ถ้าท่านแพ้ ท่านจะต้องเป็นแฟนของฉันหนึ่งเดือน ทำความสะอาดบ้าน ซักผ้าและทำอาหารให้ฉันดีไหม? คิดว่ายังไงคะ?”

ทันทีที่นึกถึงชายรูปงามปรนนิบัติตนเอง เธอก็รู้สึกได้ถึงความสมบูรณ์แบบ!

ชาวเน็ตทั้งหลายต่างพากันอิจฉาสุด ๆ! แม่นางคนนี้กล้าดีอย่างไรถึงมาแย่งท่านพลเอกโอคาซีผู้เป็นที่รักไป! ไม่อยากจะเชื่อเลย?!

สวี่หลิงอวิ๋นอาฆาตแค้นอย่างมาก…เธอต้องการให้ชาวเน็ตทั้งปวงรู้สึกโศกเศร้า และอิจฉาริษยา!

หึหึหึ!

เมื่อโอคาซีได้ยินเรื่องการเดิมพัน เขาก็พยักหน้าขึ้นทันที โดยไม่แม้แต่จะคิด “ตกลงครับ!”

“อ๊ะ ท่านไม่คิดเกี่ยวกับมันหน่อยเหรอ?” สวี่หลิงอวิ๋นลูบคางตนเองและจ้องมองเขาด้วยความสงสัย “ท่านคงไม่จงใจไม่สอนเบนเน็ตเป็นอย่างดีเพื่อเอาชนะฉันหรอกใช่ไหมคะ?”

“จะเป็นไปได้ยังไง?” โอคาซีครุ่นคิด ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้เธอชนะ แต่จะทำให้เธอแพ้ได้อย่างไร?!

สวี่หลิงอวิ๋นฟังหูไว้หู ก่อนจะครุ่นคิด ลืมมันไปเสียเถอะ อย่างไรเสียเบนเน็ตก็อยู่ภายใต้ความดูแลของเขา!

“ท่านยังไม่ได้บอกเลยว่าถ้าท่านแพ้ล่ะ?” โอคาซีคิดต่อ หากเบนเน็ตไม่เป็นไปตามที่ความคาดหมายของเธอล่ะ

“โธ่? ท่านพลเอกโอคาซีมั่นใจในตัวเองจังเลยนะคะ?!” สวี่หลิงอวิ๋นยกยิ้ม และเสียง ‘ฮ่าฮ่า’ ก็ดังเล็ดลอดออกมา “ได้ ท่านพูดว่าถ้าฉันแพ้น่ะเหรอ? ฉันขอบอกท่านก่อนเลยนะว่าฉันจนมากและไม่มีเงินสักแดงเดียว!”

ไม่มีเงิน ดูสิว่าท่านจะทำอย่างไร!

โอคาซีหลุดยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว

รอยยิ้มที่งดงามนี้ทำให้ผู้คนที่เห็นถึงกับค้างหน้าจอเอาไว้! สวี่หลิงอวิ๋นถึงกับต้องยกยิ้มเมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายรูปงามที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงนับครั้งไม่ถ้วน จนน้ำลายไหลออกมา!

โอคาซีก้าวไปข้างหน้า และใช้มือสัมผัสเข้าที่คางของเธออย่างอ่อนโยน “น้ำลาย”

“อะไรนะ?” สมองของสวี่หลิงอวิ๋นยังคงไม่ตอบสนอง ก่อนจะใช้มือแตะเข้าที่คางของตนเอง “แหะ ๆๆ…น้ำลาย…อะไรนะ?! น้ำลาย?!”

ในที่สุดเธอก็ดึงสติของตนเองกลับมาได้ และเช็ดคาง มันอยู่ไหน?!

พาลโกรธจนปล่อยหมัดออกไปหาท่านพลเอก ทว่าโอคาซีไม่ขยับ เขายังคงปล่อยให้เธอแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม สวี่หลิงอวิ๋นก็ไม่ได้ใช้พลังดวงดาว เธอเพียงแค่ใช้หมัดของตัวเองเท่านั้น

หลังจากที่สวี่หลิงอวิ๋นต่อยออกไป และเตรียมพร้อมจะต่อยอีกครั้ง เธอกลับรู้สึกเขินอาย ทำไมมันดูเหมือนว่าแฟนสาวกับแฟนหนุ่มกำลังงอนกันล่ะ?!

ลืมมันไปซะ!

“คราวหน้าอย่ามาล้อเล่นอีกล่ะ ฮึ่ม! ระวังไว้เถอะ ฉันจะขอให้จักรพรรดิพ่อของฉันสั่งให้เราแต่งงานกัน!”

ดูสิว่าจะกลัวไหม! สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิด

โอคาซีกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ตกลง”

“ฮะ? ท่านพูดว่าอะไรนะ?” สวี่หลิงอวิ๋นขมวดคิ้ว ทำไมดูเหมือนว่าเธอจะได้ยินเขาพูดว่า ‘ตกลง’ ล่ะ? จะเป็นไปได้อย่างไร?

ท่านพลเอกจะตอบ ‘ตกลง’ ได้อย่างไร?

โอคาซีก้าวไปข้างหน้าและกุมมือของเธอเอาไว้ “ผมพูดว่า ‘ตกลง’ ครับ”

สวี่หลิงอวิ๋นตกตะลึง! ท่านพลเอกกำลังเข้าหาเธออยู่เหรอ?! เธอมองดูโอคาซี ก่อนจะสะบัดมือทิ้ง ใช้พลังดวงดาวแปลงเป็นกริช แล้วนำมันมาจี้เข้าที่คอของเขา “ตอบมา! นายเป็นใคร? ทำไมนายต้องแสร้งทำเป็นท่านพลเอกโอคาซีด้วย?!”

ต้องไม่ใช่โอคาซีอย่างแน่นอน!

โอคาซีคือใคร? นั่นคือชายหนุ่มรูปงามผู้อยู่สูงเกินเอื้อม เป็นไอดอลของประชาชนทั้งจักรวาล เป็นชายในฝันของหญิงสาว คนคนนี้ตอบ ‘ตกลง’ อย่างนั้นเหรอ?! ต้องเป็นตัวปลอมอย่างแน่นอน!

โอคาซีมองดูเธออย่างเหลืออด “เลิกก่อกวนได้แล้ว”

น้ำเสียงนี้เปรียบดั่งชายที่พูดอะไรไม่ถูกเมื่อต้องมองดูหญิงสาวผู้เป็นที่รักกำลังทำเรื่องน่าอับอาย

สวี่หลิงอวิ๋นยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าชายที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่โอคาซี!

อย่าพยายามหลอกลวงเธอเลย!

คณบดีแกลลาเกอร์คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ในการมองดูฉากที่น่าตลกขบขันนี้ น่าเสียดายที่เขาไม่ได้หยิบขนมติดไม้ติดมือมาด้วย ไม่อย่างนั้นเขาคงได้กินมันระหว่างมองดูฉากนี้!