บทที่ 79 พวกเขากำลังจะแต่งงานกัน

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

หลังจากความรักอันแสนอบอุ่นในครั้งนี้ก็จบลง หลานเสี่ยวถางก็ถูกสือมูเฉินอุ้มไปล้างตัวจนสะอาด จากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปยังห้องนอนด้วยกัน

เขาที่เพิ่งจะห่มผ้าให้เธอและพูดว่า : “ เสี่ยวถาง ผมยังมีบางอย่างที่ต้องจัดการ ถ้าจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วละก็ผมจะพาคุณไปที่ทะเลสาบจิ้งอู๋ที่มีชื่อเสียงของที่นี่ “

“ อื้ม” หลานเสี่ยวถางพยักหน้า : “ นายก็อย่าหักโหมเกินไปละ “

“ นอนนะคนดี คุณยังหายดีไม่หมด ในส่วนของพรุ่งนี้เช้าก็ยกเลิกแล้วกันนะ “ สือมูเฉินก็จุ๊บไปที่ริมฝีปาก

พอหลานเสี่ยวถางได้ยิน ก็รีบหลับตา

ณ เวลานี้ ที่คฤหาสน์ของสือเพ่ยหลิน ที่ถูกกักบริเวณมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว เฉินจื่อโร่วที่พลิกไปพลิกมาแต่ก็ยังนอนไม่หลับ

ถึงอย่างนั้นแล้วเธอก็ลุกขึ้นไปเปิดไฟ จากนั้น ก็นั่งตรงหน้าต่างและมองออกไปข้างนอก

ในเวลานี้ ก็มีรถคันหนึ่งขับเข้ามา เธอถึงกับตกใจและเกิดความรู้สึกแปลกใจ สือเพ่ยหลินกลับมาแล้ว !

เฉินจื่อโร่วรีบวิ่งไปปิดไฟ คิดแล้วคิดอีก จากนั้นก็รีบกลับไปนอนบนเตียง

คนดูแล 24 ชั่วโมงที่สือเพ่ยหลินส่งมา ก็พักอยู่ห้องข้างๆเธอ สือเพ่ยหลินกลับมา แทนที่จะไปห้องนอน แต่เขากลับไปที่ห้องของคนดูแล

เฉินจื่อโร่วได้ยินการเคลื่อนไหว ใจก็ถึงกับตกลงตาตุ่ม หรือว่า แม้แต่แบบนี้สือเพ่ยหลินก็ชอบอย่างนั้นหรอ?

เธอค่อยๆลุกขึ้นอย่าเงียบๆ เดินไปที่ประตูแล้วก็แง้มเปิดตูออกเล็กน้อย

ได้ยินแค่เสียงสะท้อนของสือเพ่ยหลิน : “ คุณเฉินช่วงนี้ปกติดีใช่ไหม ?”

คนดูแลตอบ : “ คุณเฉินถึงแม้จะยังไม่ค่อยชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้ แต่ถึงอย่างไรเรื่องสุขภาพก็ไม่มีปัญหาอะไร มีเพียงแต่อารมณ์เสียบ้างเล็กน้อย “

“ ถ้าเธออารมณ์เสียงคุณก็พยายามปลอบโยนเธอหน่อยแล้วกัน “ สือเพ่ยหลินพูดต่ออีกว่า : “ พยายามทำให้เธอจิตใจสงบ “

พอเฉินจื่อโร่วได้ยิน ในใจก็รู้สึกมีความสุข เพราะเขาก็ยังมีความเป็นห่วงเธออยู่บ้าง ?

ก็ได้ยินสือเพ่ยหลินพูดอีกว่า : “ สำหรับฉันแล้วเด็กคนนี้สำคัญมาก ฉะนั้นแล้วต้องระมัดระวัง ไม่ว่าจะยังไงก็ตามห้ามให้เกิดความผิดพลาด

คนดูแลตอบรับ : “ รับทราบค่ะ คุณสือ แล้วคุณจะคุณจะค้างที่นี่ไหม ? ถ้าเกิดว่าจะค้างที่นี่ ระวังอย่าไปนอนห้องเดียวกับคุณเฉินนะคะ

“ ก่อนที่เด็กจะคลอดออกมา ห้ามแตะต้องตัวเธอ “ สือเพ่ยหลินพูดต่อว่า : “ ห้ามให้เด็กเกิดความผิดพลาดอะไรทั้ง คุณจำไว้ให้ดี “

“ ใช่ค่ะ “ คนดูแลพยักหน้า : “ ฉันดูแลคุณเฉินเป็นอย่างดีค่ะ “

“ อืม ฉันจะไปห้องนอนไปเอาของหน่อย พรุ่งนี้ห้ามบอกเธอนะว่าฉันกลับมา “ สือเพ่ยหลินพูด

“ รับทราบค่ะ คุณสือ “ คนดูแลพยักหน้า : “อ๋อใช่ค่ะ ในตอนกลางวันคุณเฉินหาสมุดทะเบียนบ้านของคุณ “

สือเพ่ยหลินขมวดคิ้ว ต่อมาก็หัวเราะอย่างเย็นชา : “สมุดทะเบียนบ้านไม่ได้อยู่ที่บ้าน ไม่ต้องปล่อยให้เธอหา เออใช่สิ สุดสัปดาห์นี้ฉันจะพาคนของตระกูลจินมากินข้าว พวกเขาอาจะมานั่งเล่น ฉันก็เลยจะบอกเธอไว้ก่อนว่าปล่อยให้เค้านอนกลางวัน แล้วก็เฝ้าเค้าไว้ ไม่ให้ลงมาข้างล่าง

หลังจากที่กำฉับเสร็จ สือเพ่ยหลินก็เดินออกมาจากในห้อง จากนั้นก็มาตรงประตูห้องนอน

พอเฉินจื่อโร่วได้ยินคำพูดพวกนั้น เธอก็สั่นไปทั้งตัว แล้วเธอก็ได้ยินว่าสือเพ่ยหลินจะมา ก็เลยรีบปิดประตูและเร่งฝีเท้ากลับขึ้นไปบนเตียง

เธอเพิ่งจะขึ้นมาบนเตียง สือเพ่ยหลินก็เข้ามาในห้องพอดี

สือเพ่นหลินรีบหยิบของอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ค่อยๆออกไปอย่างเงียบๆ

เฉินจื่อโร่วก็รีบลืมตาขึ้นมาทันที เห็นเพียงเงาของสือเพ่ยหลินที่อยู่ตรงประตู

“ พี่เพ่ยหลิน “ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นทำให้สือเพ่นหลินตกใจจนตัวสั่น

เขาหันกลับมา : “ เธอตื่นละหรอ ?”

“ พี่จะไปไหน ?” เฉินจื่อโร่วก็เปิดผ้าห่มแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง

“ ฉันมีธุระนิดหน่อยอะ เธอนอนเถอะ “ ในขณะที่สือเพ่ยหลินก็เอื้อมมือจับที่ประตู

ถึงแม้เฉินจื่อโร่วจะเห็นเขา แต่เขาก็ไม่ยอมเข้ามาคุยด้วยสักคำ หน้าอกเธอถึงกับยกขึ้นยกลง มองไปที่เขา ก็ถือโอกาสนี้พูดเลย : “ พี่เพ่ยหลิน พี่จะแต่งงานกับฉันเมื่อไหร่ ?”

“ สมุดทะเบียนบ้านไม่ได้อยู่ที่ฉัน ” สือเพ่ยหลินพูดอย่างเย็นชา

ทุกครั้ง เขาก็จะพูดประโยชน์นี้ แต่ก็เห็นชัดอยู่ว่าเมื่อกี้เขาพูดว่าต้องต้อนรับคนของตระกูลจิน ! เฉินจื่อโร่วรีบลงมาจากเตียง แล้ววิ่งไปอยู่ตรงหน้าของสือเพ่ยหลิน ดึงเขาเอาไว้ : “ พี่เพ่ยหลิน พี่กะจะไม่แต่งงานตั้งแต่แรกใช่ไหม ? พี่จะเอาแค่เด็กที่อยู่ในท้องใช่ไหม ?”

พอสือเพ่ยหลินได้ยินเธอพูดแบบนั้น ในใจก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เขาขมวดคิ้ว : “ มันใช่สักทีไหนกันละ ? เพียงแค่พ่อแม่ฉันยังไม่เห็นด้วยก็เท่านั้น ”

“ ฉันรู้ ไม่ใช่เพราะพวกเขาเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่เป็นพี่ที่ไม่อยากแต่งกับฉัน !” เฉินจื่อโร่วชี้ไปที่ห้อง : “ ตั้งแต่ที่ฉันเข้ามาอยู่ที่นี่ พี่เคยมีสักครั้งไหมที่กลับมาค้างที่นี่ ? ฉันรอพี่ทุกวัน ถูกพี่ขังไว้ที่นี่จะก้าวออกไปสักก้าวก็ไม่ได้ พี่เคยมาดูฉันบ้างไหม ?!”

“ จื่อโร่ว อย่ามาท้าทายกับความอดทนของฉันนะ ” สือเพ่ยหลินข่มความอารมณ์เอาไว้

“ พี่เพ่ยหลิน พี่เปลี่ยนไปแล้ว !” เฉินจื่อโร่วโกรธจนตัวสั่น : “ ถ้าเกิดว่าพี่ไม่แต่งงานกับฉัน เด็กคนนี้ฉันก็ไม่เอา !”

น้ำเสียงของเธอก็ค่อยๆเบาลง ทันใดนั้น ในห้องก็เงียบลงอย่างน่าประหลาด

แสงไฟที่มืดสลัว สายตาที่เย็นชาของสือเพ่ยหลินจ้องมองไปที่เฉินจื่อโร่ว เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังถูกงูพิษจ้องมองและความหนาวก็ปกคลุมไปทั่วร่างกาย

เธอตัวสั่น : “ พี่เพ่ยหลิน ฉัน…… ”

สือเพ่ยหลินหรี่ตาลงมอง : “ เธอกล้าไม่เอาเด็กไว้ก็ลองดู ? !”

ดูเหมือนว่า เพียงแค่เธอพูดอะไรออกมาสักคำ เขาก็สามารถที่จะบีบคอเธอให้ตายได้ในทันที

เฉินจื่อโร่วตัวสั่นเล็กน้อย และในหัวเธอก็หมุนเร็วขึ้น : “ พี่เพ่ยหลิน อันที่จริงแล้ว ฉันเคยเห็นรายงานที่เกี่ยวข้องกับสตรีมีครรภ์ว่าคนที่ตั้งท้องอยู่นั้นควรที่จะต้องมีอารมณ์ที่ดี ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว มันจะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเด็ก……”

สือเพ่ยหลินไม่ได้พูดอะไร และสายตาก็ยังคงจ้องไปที่เธอต่อไป

“ พี่เพ่ยหลิน พี่ก็รู้ว่าฉันรักพี่มากแค่ไหน ความปรารถนาของฉันก็คือแต่งงานกับพี่และมีหน้ามีตาสังคม……”เฉินจื่อโร่วค่อยๆดึงเสื้อผ้าของสือเพ่ยหลินอย่างระมัดระวัง : “ เพราะฉะนั้นพี่แต่งงานกับฉันได้ไหม ?”

ในขณะที่พูด เธอก็จับมือของเขาไปวางไว้บนท้องน้อยๆของเธอ : “ ฉันรู้ว่าฐานนะครอบครัวฉันก็ธรรมดา ต่างจากตระกูลจินอย่างมาก แต่ทว่า ฉันรักพี่จริงๆนะ ใน ท้องของฉันยังสายเลือดของพวกเราอยู่นะ ฉันรับรองเลยว่าถ้าหลังจากที่เราแต่งงานกัน สภาพจิตใจของฉันจะดีมาก ลูกก็จะขาวขาวอ้วนอ้วน……”

ดูเหมือนว่าสือเพ่ยหลินกำลังไตร่ตรองอยู่ ผ่านไปสักพัก แววตาของดูแน่วแน่และชัดเจนขึ้น : “ สมุดทะเบียนบ้านฉันเอามันมาไม่ได้ แต่ในเมื่อเธออยากจะแต่งาน ฉันก็จัดงานแต่งให้กับเธอ ”

เขาคิดแล้วว่าการแต่งงานก็มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก พอถึงตอนนั้นก็จะได้รับการคุ้มครองและผลประโยชน์อย่างมาก นอกจากนี้ ในกรณีที่ได้รับใบสมรสแล้ว การหย่ามันก็จะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

แต่สำหรับแต่งงานแล้ว ถึงแม้จะดูเหมือนว่าเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับบนโลกนี้ แต่ทว่า ถ้ารอเด็กคลอดออกมา และเขาประกาศงานทันทีมันก็ไม่นับว่าเป็นการแต่งงาน

ยิ่งไปกว่านั้น เฉินจื่อโร่วที่เป็นแบบนี้ ถ้าเกิดไม่มีงานแต่งเพื่อเป็นการปลอบใจละเธอละก็ ถ้าแท้งขึ้นมาหรือเด็กคลอดออกมาแล้วผิดปกติ สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องที่มีผละกระทบถึงแก่ชีวิต

เฉินจื่อโร่วที่ได้ยินสิ่งที่สือเพ่ยหลินพูด ก็รู้สึกเหมือนกับดอกไม้ที่ผลิบาน เธอกอดไปแขนของสือเพ่ยหลินด้วยความตื่นเต้น : “ มันดีมากเลยค่ะ สามี ฉันรักพี่นะ !”

ในขณะที่พูดนั้น เธอก็เขย่งปลายเท้า แล้วจุ๊บไปบนแก้มของสือเพ่ยหลินหนึ่งที

สือเพ่ยหลินก็ไม่ได้หลบ แต่ทว่า ในสายตาของกลับเย็นชาลง

“ ตกลง เรื่องานแต่งฉันจะจัดการให้เร็วที่สุด ก่อนที่ท้องของเธอจะป่องออกมา ” สือเพ่ยหลิน : “ สองวันนี้ฉันจะส่งคนมาให้มาวัดตัวเธอแล้วก็สั่งตัดชุดแต่งงาน ”

เฉินจื่อโร่วตื่นเต้นมากจนตาเป็นประกาย เธอพยักหน้า : “ โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะสามี !”

“ ฉันมีเรื่องยุ่ง ไปก่อนละกัน ” หลังจากที่สือเพ่ยหลินพูดจบ ก็ดึงมือตัวเองออกอย่างเย็นชาและหันหลังเดินจากไป

เขาที่ลงมาชั้นล่าง จุดบุหรี่ มองดูควันที่ลอยขึ้นไป สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา

งานแต่งกต้องจัดให้โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้คนรู้ว่าเจ้าสาวนั้นท้อง และหลังจากงานแต่งแล้ว เฉินจื่อโร่วก็ยังคงจะถูกกักบริเวณอยู่ที่บ้านเหมือนเดิมและจะไม่มีใครเห็นเธอ

พอรอเด็กคลอดออกมา หน้าที่ของเธอก็เสร็จสิ้น พอถึงเวลาที่จะให้เธอจากไปแล้ว

พอถึงตอนนั้น แก้ไขปัญหาด้านร่างกายของเขาแล้ว เรื่องการแต่งงานกับตระกูลจิน ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่การจัดฉาก แต่ถ้า Times Group ยอมเสียผลประโยชน์สักหน่อยก็คงน่าจะไม่มีปัญหาอะไร

จนกระทั่ง……

ภาพเหตุการณ์ที่หลานเสี่ยวในวันนั้นก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของสือเพ่ยหลิน

พอนึกถึงภาพเหตุการณ์นั้นแล้ว นิ้วมือของเขาก็สั่น จากนั้นก็โดนขี้เถ้าของบุหรี่ ก็รู้สึกเจ็บพักหนึ่ง

สือเพ่ยหลินก็สะบัดขี้เถ้าออก แล้วก็ดูดบุหรี่เข้าไปอย่างแรงๆ ผ่านไปสักพัก จิตที่ฟุ้งซ่านก็ค่อยๆ สงบลง จากนั้นก็หันกลับไปเปิดประตูรถแล้วขับออกไป

วันรุ่งขึ้น สื่อชั้นนำรายงานว่าคุณชายทายาทของ Times Group จะจัดงานวิวาห์ในเมืองหนิงเฉิงในเดือนมกราคม และตัวตนที่ลึกลับของเจ้าสาว

ฉะนั้นแล้ว คนทั่วไปต่างก็เดาว่า นี่เป็นโครงเรื่องเจ้าชายกับซินเดอเรลล่าที่สมบูรณ์แบบ

ทุกคนต่างก็อิจฉาเจ้าสาวที่ลึกลับคนนี้ ยังมีคนอีกไม่ใช่น้อยที่ชื่นชมความภักดีที่มีต่อความรัก จึงเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นหลังที่ร่ำรวย

ส่งผลให้หุ้นของ Times Group เพิ่มขึ้น 1.2 ล้าน% ในวันนั้น

หลานเสี่ยวถางก็ทราบข่าวในเช้าวันนั้นเช่นกัน เมื่อสือมูเฉินคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว และบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ การตอบสนองแรกของเธอ : “ มูเฉิน ก่อนหน้านี้พวกเราเคยพนันกันไว้ว่าภายใน 1 ปีนี้เฉินจื่อโร่วจะแต่งงานกับตระกูลสือไหม ? ดูเหมือนว่าฉันจะชนะ ”

สือมูเฉินยิ้มมุมปาก : “ จัดงานแต่งแล้วยังไง แต่ยังไม่แน่ว่าจะได้เอาใบสมรสได้หรือเปล่า ”

พอพูดจบ เขาก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้จึงขยับเข้าไปใกล้หูของหลานเสี่ยวถาง : “ เสี่ยวถาง ตามที่เราพนันกันไว้ ถ้าเกิดว่าคุณชนะ ฉันจะช่วยให้คุณมีลูก…… ”

หลานเสี่ยวถาง :“……”

ในช่วงกลางวัน หลานเสี่ยวถางแทบจะเรียนและเขียนโปรแกรม พอถึงตอนเย็น 5 โมง เธอได้รับสายจากสือมูเฉิน บอกให้เธอลงมาข้างล่าง จะมีคนส่งเธอมาหาเขาและเข้าร่วมงานเลี้ยง

ในตอนนั้นหลานเสี่ยวถางก็รู้สึกเขินเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะถาม : “ มูเฉิน นั่นไม่ใช่งานของกลุ่มลูกค้าของ Time Group ไม่ใช่หรอ ? ถ้าเกิดว่าฉันไปละก็มันไม่เหมาะสมหรือเปล่า ?”

“ มีอะไรไม่เหมาะสม ?” สือมูเฉิน : “ คุณต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้บ่อยๆ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปเดี๋ยวคุณก็จะรับมือกับเรื่องนี้พวกนี้ได้เอง อนาคตหน้า พวกเรายังจะมีโอกาสอีกหลายครั้งที่จะได้ไปร่วมงานด้วยกัน ”

หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าที่เขาพูดก็ดูมีเหตุผล ดังนั้นจึงไปชุดราตรีที่เขาส่งมา และไปสวนโบราณของเมืองไห่หลินพร้อมกับคนขับ

เช้าวันนี้ของทางหย่าหยุน ก็ได้รับข้อความจากเฉินจื่อโร่วที่ส่งถึงเธอโดยเฉพาะ และด้วยเหตุนี้จึงรู้ว่าเฉินจื่อโร่วกำลังจะแต่งงานกับสือเพ่ยหลิน

เดิมทีฉันคิดว่าเป็นเรื่องโกหก แต่ทว่าพอเธอเปิดเข้าไปดูเวยป๋อ ก็เห็นเรื่องทั้งหมดในอินเทอร์เน็ต

สักผัก เธอก็รู้สึกอิจฉาริษยาจนตาเขียว

เฉินจื่อโร่วเป็นเพื่อนสมัยเรียน ฐานะของตระกูลเฉินเป็นยังไงไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ ถึงแม้ฐานะของตระกูลทางของเธอก็ไม่ถือว่าดีนัก แต่ถึงอย่างไรก็ตามเธอก็เหนือกว่าเฉินจื่อโร่วมาก

ครั้งก่อนที่เจอ เฉินจื่อโร่วก็ไม่ใช่ว่าตามติดแล้วก็เอาใจเธอ แต่ทว่านี่เวลาเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน เฉินจื่อโร่วก็กลายเปลี่ยนเป็นคนละคนในทันทีและกลายมาเป็นคุณผู้หญิงของ Time Group

ด้วยความแตกต่างแบบนี้ จะให้ทางหย่าหยุนจะไม่โกรธได้อย่างไร?!

ในขณะที่กำลังเบื่อ รองนายกเทศมนตรีก็ที่อยู่ข้างๆก็ยื่นมือออกไปหาเธอด้วยท่าทางที่ผิดปกติ เธอพยายามระงับความโกรธเอาไว้ และมองไปที่สือมูเฉินที่เดินมาจากไกลๆ

ภายใต้แสงไฟสีส้มที่ส่องไปยังเขา ดูเหมือนเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความแวววาวและหรูหรา

ถึงแม้เขาจะไม่ชอบเธอ แต่ทว่าพอเธอเห็นเขาแล้วก็ยังคงทำให้เธอรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย

ทางหย่าหยุนที่กำลังจะยิ้ม ก็เห็นด้านหลังสือมูเฉินที่ตามมาด้วยหลานเสี่ยวถาง

ทันใดนั้น เธอก็ถึงกับยิ้มไม่ออกเลยทีเดียว