บทที่ 87 รีดไถ (ต้น)
เจียงลั่วฝู โยนถุงผ้าขนาดเท่าผลส้มเบอร์ใหญ่ให้ ซูอัน และพูดว่า “เอาล่ะตอนนี้เจ้าไสหัวกลับไปที่ห้องเรียนของเจ้าได้แล้ว!”
ซูอัน รับถุงผ้ามาแล้วรีบเปิดออกดูทันที ซึ่งเขาเห็นว่าด้านในมันมีสมุนไพรอยู่สองสามชนิดและผลึกสีแดงที่มีขนาดประมาณนิ้วของเขา
ซึ่งมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นมาถาม “นี่คืออะไร?”
เจียงลั่วฝู ตอบว่า “ทั้งหมดในนั้นคือทรัพยากรสำหรับบ่มเพาะของเจ้า สมุนไพรใช้สำหรับผสมกับน้ำเอาไว้แช่ตัวส่วนผลึกสีแดงนั่นคือหินพลังชี่
ซึ่งเจ้าสามารถดูดซับมันได้โดยตรงเข้าสู่ร่างกายของเจ้า”
แต่แล้วนางก็พูดต่ออย่างรวดเร็วด้วยความกลัวว่า ซูอัน จะเข้าใจผิด
กับการกระทำของนาง “นักศึกษาทุกคนจะได้รับถุงทรัพยากรแบบนี้เหมือนกันหมด แต่จำนวนที่เจ้าได้รับตอนนี้คือจำนวนที่นักศึกษาในชั้นเรียนสีเหลือง
จะได้รับ”
“นี่คือหินพลังชี่ เหรอ?” ซูอัน เพ่งดูผลึกสีแดงใกล้ ๆ มันดูเหมือนกับทับทิมที่เขารู้จักในชีวิตก่อนหน้านี้
“เจ้าไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยเหรอ? นี่เจ้าฝึกฝนมาจนถึงระดับปัจจุบันได้ยังไงกันเนี่ย?” เจียงลั่วฝู ถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง
ซูอัน ไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับคียบอร์ดของเขา
ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็วและพูดว่า “เดี๋ยวนะ ตอนนี้ท่านก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอไงว่าข้ามีพรสวรรค์ในระดับเหนือล้ำ ทำไมข้าถึงยังได้ทรัพยากรเท่ากับชั้นเรียนสีเหลืองอยู่อีกแบบนี้? อย่างน้อยๆข้าก็ควรจะได้รับทรัพยากรเท่ากับชั้นเรียนนภาไม่ใช่เหรอไงต่อให้ท่านจะปกปิดพรสวรรค์ของข้าต่อคนอื่นโดยที่ไม่ส่งข้าไปเรียนที่ชั้นเรียนนภาก็ตาม?”
เจียงลั่วฝู บ่นอย่างเย็นชาในการตอบสนองของเขา “เจ้าคิดว่าข้าสามารถปรับปริมาณทรัพยากรบ่มเพาะให้กับนักศึกษาได้ตามใจนึกงั้นเหรอ? ทรัพยากรบ่มเพาะที่นักศึกษาทุกคนในสถาบันได้รับนั้นถูกจัดสรรมา
โดยราชสำนัก เราจำเป็นต้องลงบันทึกทรัพยากรบ่มเพาะทุกอย่างที่เราแจกจ่ายให้กับนักศึกษาเพื่อให้ราชสำนักตรวจสอบทุกครั้ง แต่ถ้าเจ้าไม่รังเกียจที่จะให้ใครรู้เกี่ยวกับระดับพรสวรรค์ของเจ้า ข้าจะให้ทรัพยากรเจ้าเพิ่มก็ได้เจ้าเอาไหมล่ะ?”
“อ่า ถ้างั้นก็ช่างมันเถอะ ๆ ” ซูอัน ตอบกลับด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน เขามีคีย์บอร์ดอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการเสี่ยงเพิ่มกับอีแค่หินพลังชี่
ไม่กี่ก้อน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ออกไปซะ!” เจียงลั่วฝู กลัวว่าถ้านางปล่อยให้ไอ้เด็กคนนี้ยียวนนางนานเกินไปนางอาจจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ทุบไอ้เด็กคนนี้
จนตายก็ได้
หลังจากออกจากห้องของอาจารย์ใหญ่ ซูอัน ก็เริ่มรู้สึกกังวลกับพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำของตัวเองซึ่งเขาคิดว่าในอนาคตมันน่าจะสร้างปัญหาให้กับเขาแน่นอนหากมีคนรู้เข้า
ในเวลาไม่นานนัก ซูอัน ก็เดินไปห้องเรียนที่เขาแยกทางกับ เว่ยสั่ว
ซึ่งเขาพบว่าตอนนี้ที่นั่งมันเกือบเต็มแล้ว
ในเวลาเดียวกัน นักศึกษาในห้องเรียนก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวภายนอก ดังนั้นพวกเขาแทบทุกคนจึงหันไปมองที่ประตูด้วยสายตาสงสัย
หืม? ไม่ใช่ว่านี่มันเพิ่งเปิดภาคเรียนเหรอ ไหงมันดูเหมือนว่าข้าเป็นนักศึกษาที่ย้ายเข้ามาร่วมในช่วงกลางเทอมแบบนี้?
อาจารย์ที่ยืนอยู่หน้ากระดานเป็นชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดา เขาเป็นคนประเภทที่ใคร ๆ จะไม่ค่อยจดจำสักเท่าไหร่หากรวมตัวอยู่กับคนหมู่มาก
เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับข่าวที่ ซูอัน จะเข้าร่วมชั้นเรียนของเขาด้วย อาจารย์หยุดบทเรียนและโบกมือให้ ซูอัน เข้ามาในห้องเรียนทันที “ทุกคน นี่คือนักศึกษาใหม่ที่จะเข้าร่วมกับเราตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกคนพร้อมใจกันทักทายเขาที!”
“ยินดี~ต้อนรับ~”
เสียงปรบมือจากเพื่อนร่วมชั้นดังขึ้นในขณะที่ทุกคนเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงที่ยืดยาวแต่ไร้ชีวิตชีวา
ซูอัน อดไม่ได้ที่จะจำวันเวลาของเขาในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ฉากตรงหน้าเขาคุ้นเคยเกินไปสำหรับเขา!
“เพื่อนร่วมชั้นใหม่ มาที่นี่และแนะนำตัวเอง” อาจารย์วัยกลางคนกล่าว
เมื่อได้ยินคำสั่ง ซูอัน จึงเดินไปที่หน้าห้องและพูดว่า “ซูอัน
ชายรักต่างเพศ” เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไปทันที
อาจารย์วัยกลางคน: “…”
หะหมดแล้วเหรอ?
นักศึกษาหญิงในห้องบางคนเริ่มกระซิบกันเอง
“ว้าว เขาดูไม่เหมือนใครดีเหมือนกันนะเนี่ย ข้าชอบ!”
“เขาดูสุภาพดีจัง!”
“แต่เขาดูเหมือนคนเจ้าชู้”
“เฮ้ คนที่หน้าตาดีอย่างเขาจะไม่เป็นคนเจ้าชู้ได้ยังไง? ที่สำคัญ
ความเจ้าชู้ก็เป็นหนึ่งในเสน่ห์ไม่ใช่เหรอไง?”
…
ในทางกลับกัน นักศึกษาชายกลับมีการตอบสนองที่แตกต่างกันมาก พวกเขามองไปที่ ซูอัน ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ไอ้เวรนี่มันน่ากระทืบจริง ๆ ที่มาโปรยเสน่ห์กับสาว ๆ แบบนี้!”
“หน้าตาดีตรงไหนกัน? ข้ายังหล่อกว่ามันตั้งเยอะ!”
“โธ่เว้ย ไหงถึงเป็นผู้ชายอีกแล้ว! ผู้หญิงในห้องของเรายิ่งมีน้อย ๆ
อยู่ด้วยไอ้บ้าเอ๊ย!”
…
ซูอัน มองไปที่คะแนนความโกรธหลายร้อยคะแนนที่เขาได้รับในทันที มันทำให้เขารู้สึกว่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขาดูน่ารักกว่าเดิมอีกหลายเท่า
“นี่ นี่!”
จากระยะไกล เว่ยสั่ว โบกมือให้ ซูอัน
ซูอัน ขมวดคิ้วพร้อมกับลังเลเล็กน้อย เขาต้องการหาผู้หญิงสวย ๆ
นั่งด้วยแต่หลังจากกวาดสายตามองอย่างรวดเร็วเขาก็พบว่าในห้องนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้าตาเลยสักคนดังนั้นท้ายที่สุดเขาจึงเลือกที่จะเดินไปหา
เว่ยสั่ว อย่างจำใจ
ต๊อก ต๊อก ต๊อก!
อาจารย์วัยกลางคนเคาะแท่นวางหนังสือ “เอาล่ะ ๆ มาเรียนต่อกัน
เมื่อครู่ถึงไหนแล้วนะ?”
เขาพลิกหนังสืออย่างรวดเร็วก่อนจะพูดต่อ “อ่า ตรงนี้นี่เอง…
“ควบคุมคนบาปด้วยการลงโทษ ชมเชยผู้ทำความดี ตบรางวัลอย่างเหมาะสมแก่ผู้ที่ทำงานเพื่อปวงประชา บังคับใช้กฎหมายขับไล่ผู้ที่แสวงหาผลกำไรอย่างผิดกฎหมาย สร้างพาณิชยกรรมแต่เน้นเกษตรกรรมเพราะความเสื่อมของภาคเกษตรจะส่งผลให้บ้านเมืองระส่ำระส่ายจากภายใน หากผลผลิตมีมากเกินให้ประชาชนบริจาคเพื่อแลกสถานะที่สูงขึ้น ประชาชนจะได้มีกำลังใจมุมานะกับอนาคต…”
ประโยคยืดยาวหลั่งไหลออกมาเรื่อยๆเหล่านี้ทำให้ดวงตาของ ซูอัน เป็นประกาย เขาเข้าใจทุกคำที่อาจารย์ผู้นี้เอ่ย แต่เมื่อร้อยเข้าด้วยกันแล้ว คำเหล่านี้มันดูไม่สมเหตุสมผลสำหรับเขาสักเท่าไหร่
“เขากำลังพูดถึงอะไร” ซูอัน หันไปมอง เว่ยสั่ว ซึ่งกำลังแสดงสีหน้าสับสน
“ข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” เว่ยสั่ว ส่ายหัว
“บทเรียนนี้คืออะไร” ไม่ว่ายังไง ซูอัน เคยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย
มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่เขาจะไม่รู้หนังสือที่นี่ในทันใด