บทที่ 79 ไปบ้านท่านป้าจาง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 79 ไปบ้านท่านป้าจาง

บทที่ 79 ไปบ้านท่านป้าจาง

กู้เสี่ยวหวานคิดอย่างว้าวุ่นว่าควรจะทำอย่างไรกับหน่อไม้เหล่านี้ดี?

ร้านจิ่นฝูเสนอราคาหนึ่งร้อยเหรียญต่อหนึ่งชั่ง หน่อไม้หนึ่งร้อยชั่งก็ราคาสิบตำลึงเงิน

หน่อไม้หนึ่งร้อยชั่งก็นับว่าไม่มากนัก

“แล้วพี่ฉือโถวล่ะ? เขาขุดมาได้เท่าไร?”

“พี่ฉือโถวแข็งแกร่งและเฉลียวฉลาด ของเขาน่าจะหนักเกือบสองร้อยชั่ง!” กู้หนิงผิงรีบพูด

“อืม พี่ฉือโถวฉลาด!” กู้เสี่ยวอี้ก็เกลี้ยกล่อม

“ดี!”

สองร้อยชั่งนับเป็นยี่สิบตำลึง ในสองวันได้ขุดสองร้อยชั่งทำเงินได้ยี่สิบตำลึงเงิน ในหมู่บ้านนี้นับว่าไม่เลวเลย!

ฉือโถวคนนี้ความอดทนต่อสถานการณ์ความยากลำบากสูง กู้เสี่ยวหวานคิดกับตัวเอง

กู้เสี่ยวหวานมองมุมบ้านที่เต็มไปด้วยหน่อไม้ และหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงนำมันใส่ตะกร้าจนเต็ม ซึ่งมีน้ำหนักประมาณสามสิบชั่ง ดังนั้นนางจึงพูดกับกู้หนิงผิงว่า “หนิงผิง พวกเราไปบ้านท่านป้าจางกันเถอะ”

“ท่านพี่ ข้างนอกมืดมาก อีกอย่างหิมะก็ใกล้ตกแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยไปเถอะ!” กู้หนิงอันเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานรีบร้อนจะออกไป จึงหยุดนางไว้ ข้างนอกมืดสนิทและหิมะกำลังจะตก ออกไปตอนนี้ค่อนข้างไม่ปลอดภัย กู้หนิงอันรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

“ไม่เป็นไร!” กู้เสี่ยวหวานส่ายหัว หากไปบ้านของท่านป้าจางพรุ่งนี้คงจะสายเกินไป วันนี้ตกลงกับเถ้าแก่ร้านหลี่ว่าจะต้องส่งหน่อไม้ก่อนที่ร้านจะเปิดในวันพรุ่งนี้ นางสัญญากับเถ้าแก่ร้านเอาไว้อย่างดิบดี ยิ่งกว่านั้นเมื่อเริ่มทำกิจการ เถ้าแก่ร้านหลี่ต้องอยากทำอาหารจานนี้ให้ดีที่สุดเป็นแน่แท้ หากไม่มีวัตถุดิบเถ้าแก่หลี่คงจะโทษตัวเองอย่างแน่นอน

หลังจากนั้นคงจะเป็นเรื่องยากหากจะทำการค้ากับร้านจิ่นฝู

ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในคืนนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ต้องไปที่บ้านของท่านป้าจาง และบอกกล่าวให้ท่านป้าจางเข้าใจ

เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมกู้เสี่ยวหวานได้ กู้หนิงอันทำได้เพียงยอมแพ้และหาตะเกียงที่แทบจะไม่สามารถส่องสว่างได้มา นางไม่รู้ว่าใครทำพังและทิ้งมันเอาไว้ พวกเขาจึงเก็บมันกลับมา

กู้เสี่ยวหวานถือตะเกียง กู้หนิงผิงแบกตะกร้า ทั้งมุ่งหน้าไปที่บ้านตระกูลจาง

เมื่อเดินทางมาถึงที่บ้านตระกูลจาง โชคดีที่บ้านของท่านป้าจางเพิ่งจะกินมื้อเย็นกันเสร็จ ดึกดื่นเพียงนี้แล้วยังเห็นกู้เสี่ยวหวาน ท่านป้าจางรู้สึกกังวลเล็กน้อย โดยคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับกู้เสี่ยวหวาน และรีบเอ่ยถาม “สาวน้อยกู้ เป็นอะไรหรือเปล่า นี่ดึกแล้วนะ!”

สายลมหนาวพัดผ่านเย็นเยือกแทบจะทำให้ใบหน้าแข็งไปหมด ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงรีบเดินตามท่านป้าจางเข้าไปในบ้าน แม้ว่าบ้านจะไม่อุ่น ทว่าอากาศถ่ายเท ดีกว่าภายนอกเป็นอย่างมาก

ฉือโถวนั่งอยู่ใต้โคมไฟ และเมื่อเห็นพวกกู้เสี่ยวหวานเข้ามา จึงรีบเอ่ยทักทาย “เสี่ยวหวาน หนิงผิง พวกเจ้ามาแล้ว!”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและขอให้กู้หนิงผิงปลดตะกร้าบนหลังของเขาลงต่อหน้าทุกคน เด็กหญิงชี้ไปที่หน่อไม้ในตะกร้าแล้วพูดว่า “ท่านป้าจาง พวกข้าขุดหน่อไม้พวกนี้ได้ พวกข้านำมาทั้งหมดสามสิบชั่ง และต้องการความช่วยเหลือจากพี่ฉือโถว!”

ครั้นท่านป้าจางได้ยินดังนั้น จึงถามกลับว่า “สาวน้อยกู้ ช่วยเหลืออะไร? ตราบใดที่ช่วยได้ ข้าจะช่วยแน่นอน!”

กู้เสี่ยวหวานเห็นอาการประหม่าของป้าจาง จึงมองไปที่ใบหน้าที่จริงจังของฉือโถวพลางสงสัยว่านางพูดจริงจังเกินไปหรือเปล่าเลยทำให้ป้าและคนอื่น ๆ ตกใจ

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าแค่อยากขอให้พี่ฉือโถวช่วยขายหน่อไม้สิบกว่าชั่งนี้เมื่อเขาเข้าไปในเมืองในวันพรุ่งนี้”

“ว่าอย่างไรนะ? หน่อไม้พวกนี้มีคนซื้อจริง ๆ อย่างนั้นหรือ” ท่านป้าจางคลี่ยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้ยินว่านางขายหน่อไม้ได้

“เจ้าค่ะ วันนี้ข้าเข้าไปในเมือง มีร้านอาหารจะรับซื้อหน่อไม้พวกนี้” กู้เสี่ยวหวานเลือกที่จะไม่พูดความจริงที่ว่านางไปที่ร้านอาหารเพื่อขายสูตรอาหาร และไม่ได้บอกว่านางไปหาใคร บอกเพียงแต่ว่ามีคนรับซื้อมันไป

หากเรื่องราวนี้รั่วไหลมากเกินไป ก็คงจะสะดุดตามากเกินไป

“จริงหรือ?” ท่านลุงจางที่เงียบขรึมอยู่นานเดินเข้ามาถามด้วยความตื่นเต้น

“จริงเจ้าค่ะ!” เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของท่านป้าจาง กู้เสี่ยวหวานก็กล่าวต่อ “นอกจากนี้ ราคาก็ไม่ถูกเช่นกัน!”

กู้เสี่ยวหวานขายทั้งหมดนี้ได้

“เท่าไรต่อหนึ่งชั่ง?” เสี่ยวฉือโถวถาม

กู้เสี่ยวหวานเหยียดนิ้วออกแล้วพูดว่า “หนึ่งร้อยเหรียญต่อหนึ่งชั่ง!”

“อะไรนะ?” ท่านป้าจางอุทานขึ้นอีกครั้ง ท่านลุงจางก็ตกตะลึงและมองกู้เสี่ยวหวานอย่างไม่เชื่อสายตา

“ข้าได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่!” ท่านป้าจางไม่รีรอให้กู้เสี่ยวหวานตอบและถามขึ้นอีกครั้ง ราวกับว่าคำพูดของกู้เสี่ยวหวานเหมือนกับความฝัน

“ท่านป้าจาง ท่านได้ยินถูกแล้ว!” กู้เสี่ยวหวานเน้นย้ำ “สิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปคือหนึ่งร้อยเหรียญต่อหนึ่งชั่ง!”

จากนั้นท่านป้าจางก็ฟื้นสติคืนจากอาการประหลาดใจของนาง

ไม่กี่วันมานี้ ฉือโถวคิดว่าขุดหน่อไม้มาได้ประมาณสามร้อยชั่ง ดังนั้นถ้าขายทั้งหมดสามร้อยชั่ง ทั้งหมดก็จะเป็นเงินสามสิบตำลึงไม่ใช่หรือ?

ภายในระยะเวลาสองวันนี้ คุณสามารถหาเงินได้สามสิบตำลึง?

หลังจากฟังคำพูดของกู้เสี่ยวหวานแล้ว เสี่ยวฉือโถวก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่อเห็นท่าทางที่มั่นคงของกู้เสี่ยวหวานแล้ว เสี่ยวฉือโถวก็รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่ล้อเล่นกับพวกเขาอย่างแน่นอน

เมื่อคิดว่าหน่อไม้ที่ขุดได้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้และยังสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินจำนวนไม่น้อย เสี่ยวฉือโถวก็รู้สึกตื่นเต้น

เมื่อครู่ใต้โคมไฟนี้ เขาใช้เข็มจิ้มตุ่มน้ำบนมือ การขุดหน่อไม้ฤดูหนาวไม่กี่วันนี้ ไม่รู้ว่ามีแผลพุพองขึ้นที่มือมากแค่ไหน

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ความทุกข์ยากทั้งหมดที่ได้รับในไม่กี่วันนี้ก็นับว่าคุ้มค่า

“ท่านป้าจางเจ้าคะ ครอบครัวของข้ามีเรี่ยวแรงน้อย และข้าก็ไม่ได้ขุดหน่อไม้มามาก ดูสิ ข้ามาที่นี่พร้อมกับตะกร้านี้ ดูสิว่ามีกี่ชั่ง พรุ่งนี้ข้าจะขอให้พี่ฉือโถวช่วยขายมันให้” มันเป็นความตั้งใจของกู้เสี่ยวหวาน หน่อไม้ที่ขุดขึ้นเองที่บ้านไม่ได้ตั้งใจจะขาย

กู้เสี่ยวหวานดองผักไว้มากมาย และไม่มีปัญหาในการเก็บมันไว้ถึงสองสามเดือน เช่นเดียวกับหน่อไม้ฤดูหนาว ตราบใดที่ไม่มีรา พวกมันสามารถกินได้ถึงสองหรือสามเดือน ยิ่งกว่านั้น เวลานี้หิมะกำลังจะตก และเมื่อหิมะปกคลุมแล้ว หน่อไม้ในฤดูหนาวจะไม่สามารถขุดได้ ดังนั้นนางจึงวางแผนที่จะเก็บหน่อไม้ทั้งหมดไว้ใช้เองและเก็บไว้เป็นอาหารอย่างดี

มีเพียงบ้านของกู้เสี่ยวหวานที่ขุดขึ้นมาเล็กน้อยและเสี่ยวฉือโถวก็ขุดหน่อไม้มาเช่นกัน ถ้าเสี่ยวฉือโถวขายได้ แต่หน่อไม้ในครอบครัวของนางไม่ได้ถูกขายออกไป ท่านป้าจางย่อมเกิดสงสัย ยิ่งกว่านั้นถ้ากู้เสี่ยวหวานไม่ขายหน่อไม้หนึ่งชั่งในราคาหนึ่งร้อยเหรียญ ท่านป้าจางจะไม่ครุ่นคิดเกี่ยวกับมันได้อย่างไร และเมื่อกู้เสี่ยวหวานพบผู้ซื้อ นางจะขายบางส่วนอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นหากครอบครัวของท่านป้าจางขายหน่อไม้ทั้งหมดให้ผู้ซื้อที่กู้เสี่ยวหวานพบ นางก็ย่อมรู้สึกไม่ดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ……………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

จะพาบ้านท่านป้าจางรวยไปด้วยแล้ว เป็นการตอบแทนบุญคุณที่ดีเลยค่ะ

ไหหม่า(海馬)