ตอนที่ 37 สาวกผู้ชั่วช้า
ยี่เทียนซินก้าวเท้าถอยหลังกลับไป ในตอนนั้นเองจิตใจของเธอก็ถูกความกลัวเข้ายึดครอง เธอไม่ได้รู้สึกกลัวมานานมากกว่าหลายปีแล้ว เธอที่ลืมความกลัวไปสนิทได้กลับมารู้สึกกลัวจนเจ็บปวดอีกครั้ง
ลู่โจวในตอนนั้นไม่แม้แต่จะชายตามองชาวยุทธ์ที่มีวรยุทธ์อยู่ในขั้นมหาราชครูอีกต่อไป ส่วนชาวยุทธ์ที่มีวรยุทธ์อยู่ในขั้นศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงหน้าของเขาก็คงจะทำได้เพียงดิ้นรนเอาชีวิตรอดเท่านั้น แม้แต่เหล่ายอดฝีมือทั้งสิบที่ฝึกฝนตัวเองจนมีวรยุทธ์ระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ยังไม่สามารถที่จะต่อกรอะไรกับลู่โจวได้เลย และแน่นอนนับประสาอะไรกับกลุ่มชาวยุทธ์ที่มีระดับวรยุทธ์อยู่ในขั้นศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงหน้าของตัวเขาในตอนนี้
สายตาของลู่โจวในตอนนี้กำลังจับจ้องไปที่ยี่เทียนซิน ในตอนนั้นเองเขาก็ยกมือขวาขึ้นมาเบาๆ ทันทีที่มือขวาชูสูงขึ้นตอนนั้นเองพลังอันมหาศาลก็ได้คว้าตัวของหวังฟูกุ่ยเอาไว้ พลังนั้นเองเป็นพลังของมืออันใหญ่ยักษ์
“อ๊ากก! “
หวังฟูกุ่ยในตอนนี้ไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกต่อไป คอของเขาถูกลู่โจวคว้าเอาไว้ในชั่วพริบตา
“ทุกคนในโลกน่ะล้วนรู้เรื่องเหรียญตราจักรวรรดินั้นดี แล้วทำไมมู่หลงไห่ถึงไม่ทันได้สังเกตเหรียญนั้นกันล่ะ? เจ้าน่ะไม่ได้แสดงเหรียญตรานั้นออกไปอย่างงั้นสินะ”
ชายคนนี้เป็นมือสังหารที่ยี่เทียนซินส่งมาเพื่อที่จะมาอาศัยในบ้านพักสกุลซี เมื่อเขาคนนี้เห็นลู่โจวและหยวนเอ๋อเป็นครั้งแรก ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทั้งสองคนจะเป็นเหล่าวายร้ายที่มาจากภูเขาทองหรือไม่ แต่เมื่อเขาเห็นเหรียญตราจักรวรรดิ ชายคนนี้ก็แน่ใจแล้วว่าแผนของยี่เทียนซินนั้นสำเร็จทุกอย่างและดำเนินการทำแผนการร้ายต่อไป ตัวเขาคิดจะลอบสังหารลู่โจวในกลางดึกของคืนคืนหนึ่ง แต่เมื่อคิดว่าชายคนนี้คือปรมาจารย์มหาวายร้ายที่อยู่บนภูเขาทอง หวังฟูกุ่ยก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ตัวเขากลัวว่าแผนการของยี่เทียนซินจะถูกจับได้เขาคนนี้ก็เลยรอโอกาสมาโดยตลอดจนถึงตอนนี้
หวังฟูกุ่ยในตอนนี้ถูกยกขึ้นให้ลอยเหนือพื้น ตัวเขาที่หายใจไม่ออกสีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไป
“เจ้า…เจ้าน่ะ…เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก…”
ชาวยุทธ์ที่ฝึกฝนตัวเองจนมีวรยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ได้เขาคนนี้จะต้องฝึกฝนเคล็ดวิชาสำเร็จไปอย่างน้อยๆ ก็ต้องหนึ่งอย่าง แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่สำคัญอะไร ต่อหน้าพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกของปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนี้จะไปมีเคล็ดวิชาไหนที่สามารถต่อต้านพลังนั้นได้กัน? แน่นอนว่าไม่
แคร็ก!
ลู่โจวในตอนนี้สีหน้าของเขายังคงดูไร้อารมณ์เช่นเคย เพียงแค่การขยับนิ้วเบาๆ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หวังฟูกุ่ยคอหักไป ดวงตาของเขาถลนออกมา
“ติ้ง! คุณได้สังหารคนชั่วที่มีวรยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ไป คุณได้รับ 200 แต้มบุญ! “
รางวัลใหญ่อย่างงั้นสินะ!
การตายของมือสังหารหวังฟูกุ่ยทำให้ยี่เทียนซินรีบเดินถอยหลังกลับไป เธอรีบขึ้นรถม้าสีแดงเข้มก่อนที่จะออกบินไปในท้องฟ้าไปในทันที เธอพยายามเก็บซ่อนความตื่นตกใจเอาไว้ก่อนที่จะสะบัดแขนเสื้อและเดินจากไป “พลังของเจ้านั้นน่ะอยู่ได้ไม่นานหรอก! อย่าได้เกรงกลัวไป! “
แม้ว่าเธอจะพูดแบบนั้นแต่ยี่เทียนซินก็ได้รีบขึ้นรถม้าก่อนที่จะเร่งความเร็วจากไป
ลู่โจวเหลือบตามองไปที่รอบตัวของเขา ในตอนนี้มีชาวยุทธ์ที่มีระดับวรยุทธ์อยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ถึง 15 คน ส่วนชาวยุทธ์อีกกว่าร้อยคนนั้นเป็นชาวยุทธ์ระดับมหาราชครู
“ฝางซง ข้าน่ะจะให้โอกาสเจ้า”
“…” ฝางซงในตอนนี้กลัวจนคิดอะไรไม่ออก ตัวของเขากำลังสั่นไปทั้งตัว “ท่านผู้อาวุโส…ข้าก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ข้าไม่เคยคิดเป็นศัตรูกับท่านเลย! ได้โปรดไว้ชีวิตผู้น้อยด้วย! “
ฝางซงรู้ดีว่าตัวเขาในตอนนี้คงไม่อาจที่จะหลบหนีชายชราที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ได้ทัน และเพราะแบบนั้นเองการอ้อนวอนขอร้องถึงความเมตตาจึงเป็นทางเลือดที่ดีกว่า ฝางซงนั้นเห็นมากับตาว่าชายชราคนนี้สามารถสังหารผู้ที่มีระดับวรยุทธ์เหนือตัวของเขาเองได้ในชั่วพริบตา
“จัดการกับชาวยุทธ์ระดับมหาราชครูให้หมดซะ ข้าจะมอบเคล็ดวิชาหยางทั้งหกให้กับเจ้าเอง” ลู่โจวได้พูดออกมาเบาๆ “ในตอนนี้จะอยู่หรอจะตาย…ก็ขึ้นอยู่กับที่เจ้าเลือกแล้ว”
ลู่โจวในตอนนั้นได้ยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆ ในตอนนั้นเองวิซซาร์ดสัตว์ขี่ของเขาก็บินลงมาจากท้องฟ้า สัตว์ขี่ตัวนี้ได้ส่องประกายระยิบระยับออกมาตลอดเวลา
‘สัตว์ขี่ในตำนาน! ‘ ฝางซงรู้สึกตกใจมาก ว่ากันว่าปรมาจารย์มหาวายร้ายที่อาศัยอยู่ในภูเขาทองใช้เวลาที่อยู่ในโลกเกือบพันปีไปกับการสะสมสมบัติล้ำค่ามากมายหลายชิ้น ตัวเขามีทั้งเคล็ดวิชาอันแข็งแกร่ง, อาวุธอันทรงพลัง สำหรับฝางซงที่ไม่เคยเชื่อข่าวลือนี้เลยในตอนนี้ตัวเขาก็ได้แต่เปลี่ยนความคิดไป
“หยวนเอ๋อพาพ่อของเจ้ากลับไปและมาเจอกับข้าที่หุบเขาตะวันฟ้าซะ”
“ศิษย์เข้าใจแล้วค่ะท่านอาจารย์! “
หยวนเอ๋อได้พาพ่อของเธอขึ้นหลังของวิซซาร์ดไป สัตว์ขี่ตัวนี้ส่งเสียงร้องออกมาก่อนที่จะเหยียบกลีบเมฆหายตัวไปบนท้องฟ้าสุดลูกหูลูกตา
ในตอนนั้นเองฝางซงก็ตัดสินใจได้ ตัวเขารีบคุกเข่าลงพร้อมกับกำหมัดแน่น “ข้าจะรับใช้ท่านผู้อาวุโสเอง! “
“ติ้ง! ผู้ฝึกยุทธ์ได้สวามิภักดิ์ต่อคุณ คุณได้รับแต้มบุญ 100 “
“ฝางซง, วรยุทธ์ขั้นศักดิ์สิทธิ์, ค่าความจงรักภักดี 5%, ผู้ใช้เคล็ดวิชาหยินทั้งสาม”
…
“เยี่ยมมาก! ” ลู่โจวในตอนนั้นได้ใช้เท้าของเขากระทืบไปที่พื้นอย่างรุนแรงก่อนที่จะบินไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นเองพลังในร่างกายของเขาก็ระเบิดออกมาราวกับพายุเฮอริเคน ในตอนนั้นชาวยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ คนได้แต่เหลียวมองตัวของลู่โจวที่อยู่บนท้องฟ้าด้วยความหวาดผวา
“ยี่เทียนซินน่ะหนีไปแล้ว! เวรเอ๊ย! “
“ถอยเร็ว! “
“ยี่เทียนซิน เจ้านั้นทำกับพวกเราไว้แสบมาก! พวกเราจะจัดการกับเธอแน่! “
ในตอนนั้นเองไม่กี่อึดใจเท่านั้น รถม้าสีแดงเข้มก็ได้ลอยไปไกลเกินระยะสายตา
ในตอนนั้นเอง พลังร่างอวตารตนหนึ่งก็ได้ลอยตามรถม้าสีแดงเข้มคันนั้นไป พลังนั้นมาจากพลังร่างอวตารของลู่โจวนั่นเอง น่าเสียดายที่พลังร่างอวตารที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นศักดิ์สิทธิ์จะสามารถใช้ได้ก็คือพลังร่างอวตารแห่งสิบวิถีได้เท่านั้น ร่างพลังอวตารนี้ไม่สามารถแม้แต่จะเบิกกลีบของดอกบัวได้สักใบ ดังนั้นพวกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นศักดิ์สิทธิ์จึงไม่แม้แต่จะสามารถต้านพลังของลู่โจวได้เลย
“อวตารดอกบัวทั้งแปดแห่งร้อยวิถี! “
พลังร่างอวตารที่สูงกว่าหนึ่งร้อยฟุตกว้างถึงยี่สิบฟุตได้ปรากฏกายออกมา สรรพสัตว์นับร้อยต่างก็พากันหนีไปด้วยความหวาดกลัว พลังของร่างอวตารนั้นสร้างแรงกดดันไปทั่วทั้งหุบเขา ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้ชี้นิ้วของเขาไปข้างหน้า นิ้วของเขาในตอนนี้เป็นเหมือนกับดาบศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนั้นเองลำแสงแห่งดาบก็ได้ปรากฏขึ้น
‘แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้!? ‘ ฝางซงที่ยืนมองอยู่เห็นพลังที่แท้จริงของลู่โจว ‘ทำไมคนที่แข็งแกร่งได้มากถึงขนาดนี้ถึงแสร้งทำเป็นอ่อนแอล่ะ? ตาแก่มหาวายร้าย…ไม่สิท่านผู้อาวุโสมีพลังระดับวรยุทธ์ที่สุดแข็งแกร่งอยู่! ทำไมท่านผู้อาวุโสถึงต้องโกหกข้าด้วย? ‘
ฝางซงในตอนนั้นรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ตัวเขานึกย้อนอดีตที่ได้ผ่านพ้นไป ในตอนนั้นตัวเขาก็ได้แต่หัวเราะออกมาเท่านั้น ‘โลกใบนี้กำลังเล่นตลกกับข้าอยู่สินะ ได้เลยเมื่อฟ้าต้องการให้ข้ากลายเป็นคนชั่วช้า ข้าก็จะกลายเป็นคนชั่วช้าให้เอง! ‘
หลังจากที่หัวเราะเสร็จ ดวงตาของฝางซงก็ได้เปลี่ยนไป ดวงตาของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยพลัง พลังของเคล็ดวิชาหยินทั้งสาม “พวกเจ้าทุกคนจะต้องตาย! “
ฝางซงนั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันจึงง่ายสำหรับตัวเขามากที่จะจัดการกับชาวยุทธ์ระดับมหาราชครูที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ พวกชาวยุทธ์ส่วนใหญ่นั้นถูกพลังของลู่โจวเข้าไปแล้ว ในตอนนี้ชาวยุทธ์ทั้งหมดที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาก็ไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือ
ช่วงเวลาต่อมานั้นเอง เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองก็ได้ดังขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดวงตาของผู้ฝึกยุทธ์ระดับมหาราชครูได้เบิกกว้างขึ้น ตัวของผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้นได้รับรู้ถึงความกลัวที่แท้จริงแล้ว ชาวยุทธ์ทั้งหมดนั้นไม่อาจที่จะเข้าใจอะไรได้เลย ทำไมผู้ฝึกยุทธ์ขั้นศักดิ์สิทธิ์คนนี้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศัตรูกับตาแก่มหาวายร้ายจะหันกลับมาเล่นงานตัวของพวกเขาเอง
เศษเลือดเนื้อได้ลอยไปทั่วทุกทิศทาง ที่พื้นเองนั้นเต็มไปด้วยแขนและขานับร้อย กลิ่นเลือดที่เข้มข้นนั้นคละคลุ้งไปทั่วจมูกของฝางซง
ชาวยุทธ์ที่มีวรยุทธ์อยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้บินถอยกลับไปแล้ว ในตอนนั้นพวกเขาจึงไม่มีโอกาสแม้แต่จะช่วยเหลือพวกที่อยู่ด้านล่าง ในใจของผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายนั้นคิดถึงแต่เรื่องเดียว ‘ข้าจะต้องรอดไปให้ได้! ‘
“เคล็ดวิชากระบวนท่าศักดิ์สิทธิ์กระบวนท่าหนึ่ง! ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนจำกระบวนท่าของลู่โจวในตอนนี้ได้ดี กระบวนท่านี้ตัวเขาเคยใช้ที่หุบเขาทองในตอนที่ชาวยุทธ์จากพวกออร์โธดอกซ์ได้โจมตีตัวเขาที่หุบเขาทอง”
“แยกย้ายเร็วเข้า! “
“แยกย้ายเร็ว!!! “
ในตอนนั้นเองเสียงตะโกนและเสียงกรีดร้องก็ได้ดังไปทั่ว
วินาทีที่ลู่โจวได้ปลดปล่อยพลังดาบแห่งแสงออกมา ในตอนนั้นเองเมฆหมอกก็ได้เปลี่ยนเป็นสีดำ
“ดาบชะตาปีศาจ! “
เคล็ดวิชาดาบอู่หั่นเป็นเคล็ดวิชาดาบท่าไม้ตายของยู่ฉางตง หนึ่งในสาวกวายร้ายแห่งภูเขาทองนั่นเอง
น่าเสียดายที่ศัตรูของลู่โจวนั้นรู้ตัวช้าเกินไป ลำแสงดาบที่ตัวเขาได้ปลดปล่อยออกมานั้นมันรวดเร็วจนเกินไป ลำแสงดาบได้ตัดผ่านพวกศัตรูไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่ชาวยุทธ์ที่ฝึกฝนตัวเองถึงระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถเอาตัวรอดจากการโจมตีนี้ไปได้
ในตอนนั้นไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้อง, การโจมตีตอบโต้ หรือแม้แต่โอกาส ลำแสงดาบได้แทงทะลุหน้าอกของฝูงชนไปทีละคน
ลู่โจวในตอนนี้ได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ของการต่อสู้แล้ว ไม่ว่าจะใช้แผนการอันแยบยลรวมไปถึงกำลังพลมากขนาดไหน ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไร้ความหมายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังที่ตัวเขามี
“ติ้ง! คุณได้สังหารชาวยุทธ์ที่มีวรยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ 15 คน คุณได้รับแต้มบุญ 3,000 แต้ม”
ใบหน้าของลู่โจวในตอนนี้ยังคงสงบเยือกเย็นไร้อารมณ์เช่นเคย ตัวเขาไม่จำเป็นจะต้องตรวจสอบเลยว่าเหยื่อที่ถูกโจมตีไปนั้นมีชีวิตรอดหรือไม่
ตัวเขาในตอนนี้ได้มองไปที่ด้านหน้า ตอนนั้นเองร่างกายของลู่โจวที่มีก็สั่นไหว ตัวเขาได้หายไปพร้อมกับร่างอวตารอันใหญ่ยักษ์ สิ่งที่ลู่โจวได้ใช้ออกไปนั้นคือหนึ่งในความสามารถศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ที่ตัวเขามี สิ่งที่ลู่โจวได้ใช้ออกไปก็คือจิตวิญญาณตามล่านั่นเอง
…
ยี่เทียนซินในตอนนี้ได้แต่ขมวดคิ้วเข้ม เธอได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีไปกับการเร่งความเร็วของรถม้าที่เธอมี มีเพียงไม่กี่อย่างภายในโลกเท่านั้นที่จะสามารถตามรถม้าบินได้ที่บินด้วยความเร็วสูงสุดได้ หนึ่งในเพียงไม่กี่อย่างนั่นก็คือผู้ใช้เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
แต่ไม่ว่าจะยังไงยี่เทียนซินก็ไม่ใช่ชาวยุทธ์ธรรมดาทั่วๆ ไป เธอคนนี้เป็นถึงเจ้าของวังจันทรา เธอเป็นถึงกับผู้นำที่ทรงพลังอำนาจมากที่สุดในวังแห่งนั้น คนอย่างเธอจะต้องเตรียมแผนสำรองเอาไว้เสมอ
“ทำไมตาแก่นี่ถึงได้แข็งแกร่งแบบนี้ ตาแก่นี้ยังมีพลังสุดยอดเลยไม่ใช่หรอยังไงกัน? ” ยี่เทียนซินได้พึมพำกับตัวเอง
ในตอนนั้นเองมีเพียงสายลมที่พัดผ่านหูของเธอไปเท่านั้น ใบหน้าของเธอในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นสีแดงก่ำ เธอเลิกใช้ม่านพลังป้องกันทั้งหมดเพื่อที่จะเร่งความเร็วของรถม้าให้เต็มที่ ยี่เทียนซินได้แต่มองกลับหลังไปด้วยความกังวล สิ่งที่เธอเห็นนั้นมีเพียงท้องฟ้าแห่งความว่างเปล่า
“ตาแก่นั้นใช้พลังอวตารดอกบัวทั้งแปดแห่งร้อยวิถีออกมาแล้วสินะ” ริมฝีปากที่เคยมีแต่รอยยิ้มของยี่เทียนซินได้บิดเบี้ยวไปหมดแล้ว “ในตอนนี้ยังพอมีเวลา…”
ยี่เทียนซินได้ยินเสียงพลังอันยิ่งใหญ่ เธอได้พยายามบังคับรถม้าให้พุ่งลงด้านล่างในทันที
“ใครกันที่ปล่อยพลังนั้น? “
ยี่เทียนซินที่คิดสงสัยได้หันหลังกลับไปดู ในตอนนั้นเองรถม้าของเธอก็ได้หายไปแล้ว ร่างกายของเธอกำลังถูกพลังของอะไรบางอย่างห่อหุ่มเอาไว้ พลังที่ห่อหุ้มตัวเธอเป็นเหมือนกับน้ำ
ในตอนนั้นมีเพียงภาพของลู่โจวที่ใช้พลังอวตารดอกบัวทั้งแปดแห่งร้อยวิถีอยู่ต่อหน้า พลังร่างอวตารที่สูงใหญ่ที่มาพร้อมกับดอกบัวทั้งแปดกลีบ…ไม่ ไม่ใช่ กลีบที่เก้ากำลังเบ่งบานอยู่ข้างใต้!
“เจ้าสาวกผู้ชั่วช้า” ลู่โจวได้เอ่ยปากพูดขึ้น
“ทะ…ท่านอาจารย์” ยี่เทียนซินได้จ้องไปที่ด้านหน้าของเธอ ตอนนี้เธอไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น
ภายใต้พลังอังมหาศาลที่ปลดปล่อยออกมาจากพลังอวตาร พลังนั้นเองได้เปลี่ยนไปเป็นกรงผนึกขนาดใหญ่ที่พันธนาการยี่เทียนซินเอาไว้
“ผนึกหัตถ์ยูไล! “
ยี่เทียนซินในตอนนี้รู้สึกสิ้นหวังอย่างแท้จริง ‘ทำไมท่านอาจารย์ถึงยังแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ล่ะ? เขาซ่อนพลังเอาไว้อย่างงั้นสินะ? ท่านอาจารย์แข็งแกร่งกว่ายอดฝีมือทุกคนที่ข้าได้พบซะอีก! ‘
ยังไงซะการโจมตีครั้งแรกย่อมเป็นการโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุดแล้ว
“ห่วงแห่งรัก! ” ยี่เทียนซินที่มีจิตวิญญาณนักสู้ได้พยายามที่จะโต้ตอบกลับไป ในตอนนั้นเองอาวุธของเธอก็ได้เปล่งประกายขึ้นราวกับการปรากฏของดวงจันทร์
ลู่โจวในตอนนั้นที่ได้เห็นยี่เทียนซินก็ได้พูดออกมาอย่างแผ่วเบา “ข้าน่ะมอบอาวุธชิ้นนั้นให้กับเจ้า และข้าเองก็เอามันได้ทุกเมื่อที่ข้าต้องการ! “
ในตอนนั้นเองผนึกฝ่ายูไลก็ได้เปลี่ยนเป้าหมายไป ยี่เทียนซินไม่ใช่เป้าหมายของมันอีกต่อไป!
“กลับมาเร็วเข้า! “
“ไม่! ” ยี่เทียนซินได้กรีดร้องออกมาสุดเสียง