“อรุณสวัสดิ์, ลอร์ดซาตาน!”

รอยยิ้มโผล่ขึ้นมาที่ใบหน้าละอ่อนของซีซาร์ขณะที่เขาทักทายเย่เทียน.

“ยินดีด้วยนะครับ!”

เย่เทียนพูดเสียงเบาๆ จากนั้นก็ห้ามตัวเองไม่ให้เอามือไปลูบหัวซีซาร์พร้อมกับพูดว่า “ตอนนี้เจ้าได้กลายเป็นนักรบตัวน้อยซักทีนะ. อีก2ไม่ก็3ปีจากนี้ เมื่อเจ้าก้าวสู่สนามรบแล้วล่ะก็ เจ้าจะต้องเป็นแม่ทัพที่ดูยิ่งใหญ่แน่!”

“….”

ซีซาร์โดนเย่เทียนลูบหัวอีกแล้ว หน้าตาของเขาบึ้งตึงขึ้นมาทันที แต่เพราะคำชมของเย่เทียนเลยทำให้เขาภูมิใจมาก เลยหันหัวหนีจากมือเย่เทียนไปทางอื่นแทน.

“ลอร์ดซาตานช่างมีวิสัยทัศน์ที่ดีจริงนะ!”

ออเรเลียเดินเข้ามาข้างๆเย่เทียนพร้อมกับกลิ่นหอมยั่วยวนโชยออกมาจากตัวของเธอ แล้วยิ้มให้กับเย่เทียน.

“นายหญิงครับ ข้าแค่ไวต่อกลิ่นเลือดน่ะ!”

เย่เทียนส่ายหัวและพูดอย่างสุภาพ.

“ลอร์ดซาตาน ท่านช่วยสอนวิชาดาบให้ข้าได้รึไม่?”

ซีซาร์ทำตัวดีๆอีกครั้งแล้วมองมาทางเย่เทียน.

“วิชาดาบมันฝึกกันไม่ได้หรอกนะครับ แต่มันคือการแลกชีวิตของตัวท่านผ่านการต่อสู้ต่างหาก! อีกอย่างวิชาดาบขั้นสูงต้องใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งด้วย….”

เย่เทียนอธิบายอย่างสุภาพพร้อมยื่นมือออกไปอีกรอบ แต่ครั้งนี้ซีซาร์จอมระแวงหลบเขาได้.

“เห็นไหม? นี่แหละสัญชาตญาณ …. เมื่อวิชาดาบของท่านได้กลายเป็นหนึ่งในสัญชาติญาณของท่านแล้วล่ะก็ ท่านก็จะเชี่ยวชาญมัน”

แม้ว่าเย่เทียนจะจับหัวซีซาร์ไม่สำเร็จ แต่เขาก็ยังดูนิ่งขณะพูด.

“ข้า….น่าจะชินแล้วมั้ง! ขอบคุณ ลอร์ดซาตาน”

ซีซาร์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะขอบคุณเขา.

“ไปกันเถอะ. พวกเราซื้อที่นั่งข้างหน้าไว้ให้ท่านด้วย…”

พอเห็นซีซาร์และเย่เทียนสนิทกันเช่นนี้ ออเรเลียยิ้มออกมาแล้วพูด.

เย่เทียนพยักหน้าและเดินเข้าไปในคฤหาสน์กับออเรเลีย แต่เขาเดินอยู่ด้านหลังเล็กน้อย น่าจะห่างประมาณครึ่งก้าวได้, มันจึงทำให้ออเรเลียยิ้มออกมา.

“ท่านหญิงออเรเลีย, ซีซาร์ตัวน้อย, ช่างเป็นเกียรติที่พวกท่านมาชม. เชิญเข้ามาได้เลยครับ. ที่นั่งของท่านพร้อมแล้ว!”

เมื่อเย่เทียนเข้ามาในตึกหินสีน้ำเงินซ้อนกันเหมือนกับบังเกอร์ยักษ์ เด็กหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างประตู. ทันทีที่เขาเห็นออเรเลีย เขาก็กระตือรือร้นขึ้นมามากทันที พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า.

เขามีผมหยิกสีน้ำตาลและใบหน้าหล่อเหลาขาวๆ แถมยังมีร่างกายที่ดูดีน่าจะอายุประมาณ24ได้, ขณะที่ออร่าผู้ดีกำลังแผดออกมาจากเขา ตาของเขานั้นก็มีแววปัญญาของนักธุรกิจหนุ่มฉายออกมา.

“ลอร์ดแครสซัส โคลอสเซียมของท่านคือที่ที่เดียวที่งดงามที่สุดในโรม. บอกข้าได้มั๊ยว่าท่านเตรียมโชวอะไรไว้ในวันนี้?”

ใบหน้าของออเรเลียโชวรอยยิ้มแห่งความสนใจออกมา มันทำให้แครสซัสเหม่อไปเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงยิ้มออกมาเยี่ยงสุภาพบุรุษแล้วพูดว่า “โชวของวันนี้จะทำให้ท่านตื่นตาแน่นอน ท่านรอกรี๊ดได้เลย!

ทางนี้ ครับ!”

“พวกเราจะตั้งตารอ!”

ออเรเลียยิ้มแล้วพูดอย่างสุภาพ. ขณะพาเย่เทียนเข้าไปในบังเกอร์ วินาทีต่อมา รอยยิ้มบนใบหน้าเธอหายไปราวกับว่าเธอดูสงบนิ่ง.

“แครสซัส!”

ในที่สุด เย่เทียนก็ได้พบเขาผู้นั้น!

ความประทับใจครั้งแรกที่เย่เทียนรู้สึกคือเขาเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ สุภาพและมีสเน่ห์ราวกับว่าเย่เทียนจะวางใจและไว้ใจเขาได้เลย.

ถึงอย่างนั้น เย่เทียนก็รู้ดีว่าชายคนนั้นรับมือด้วยได้ยากจริงๆ. ภายใต้ส่วนที่ลึกที่สุดในดวงตาของเขา มันไม่มีอะไรเลยนอกจากความทะเยอทะยานอันน่าสะพรึงกลัว.

บังเกอร์นั้นเกือบจะปิดตายเลย มันมืดมาก. อยู่ดีๆคบเพลิงก็ลุกขึ้นมาให้เห็นเสาหินด้านบนของมัน และทำให้ทั้งบังเกอร์สว่างขึ้นมา.

ท่ามกลางพวกรูปปั้นหินทั้งหลายนี้ เป็นรูปปั้นเทพเจ้าสงคราม, สัตว์ร้าย, เทพธิดาไม่ก็นักรบผู้กล้าหาญที่กำลังสู้กับสัตว์ร้ายอยู่. รูปปั้นหินพวกนี้ดูเหมือนมีชีวิตใต้แสงคบไฟเลย แถมยังทำให้ดูน่ากลัว ขลังมากๆ และด้วยเหตุนี้บรรยากาศรอบๆนั้นทำให้รู้สึกพิเศษมากๆ.

ในพื้นที่เปิดกว้างๆนั้น มีสนามทรงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20-30เมตรอยู่. รอบๆสนามนั้นมีกรงเหล็กหนาๆขนาดยักษ์อยู่.

ภายในกรงเหล็กนั้น มีเลือดแห้งติดอยู่ทุกที่ มันส่งกลิ่นที่เหมือนกับเหล็กออกมา ราวกับว่ามีเสียงร้องโหยหวนไม่ก็เสียงร่ำร้องหาเลือดอยู่ในนั้น.

ข้างใต้สนามมีแถวที่นั่งสำหรับให้ชนชั้นสูงนั่งดู. อย่างน้อยก็500คนน่าจะจุได้!

นี่คือต้นแบบของสนามกลาดิเอเตอร์ในโรมโบราณ, และเนื่องจากคฤหาสน์นี้เป็นของแครสซัสมันคงจะเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุด หรูที่สุด เป็นทางการที่สุดในโรมโบราณเลยก็ว่าได้.

ซึ่งดูแล้วเหมือนต้นแบบของโคลอสเซียมอันโด่งดังไปทั่วโลกในอนาคตจริงๆ.

พวกเขามาสาย. มีคนนั่งแล้ว ประมาณ2ใน3ตรงที่นั่งแถวด้านหน้า. พวกชนชั้นสูงตรงแถวหน้ากำลังซุบซิบกันอยู่.

ประชาชนทั่วไปและนายทาสของโรมโบราณจะนั่งอยู่ที่แถวหลัง พวกเขาคุยได้แค่เบาๆเท่านั้นเพราะกลัวจะไปรบกวนพวกชั้นสูงด้านหน้าเข้า.

มีทั้งชาย, หญิง,คนแก่และเด็กอยู่เต็มไปหมด.

แม้ตอนนี้จะเริ่มเงียบแล้ว แต่เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น เสียงตะโกนที่นี้คงทำให้หูดับไปยังได้เลยมั้ง.

ไม่นานออเรเลียก็เจอที่นั่งของตัวเองกับเย่เทียนที่นั่งฝั่งซ้ายและซีซาร์ที่นั่งฝั่งขวา ออเรเลียนั่งอยู่ตรงกลาง.

หลังจากนั่งลงแล้ว กลิ่นหอมเบาๆเตะจมูกของเย่เทียนเข้า.

ออเรเลียเป็นผู้หญิงที่สง่างามจริงๆ และมันคงจะง่ายสำหรับเธอเวลาจะปลุกอารมณ์ในตัวผู้ชาย.

ตามบันทึกใน ‘ชีวประวัติของ12จักรพรรดิ์ในยุคหลังโรมัน’ ในยุคแห่งความน่าผิดหวัง ซีซาร์ฝันว่าตัวเองได้ทำให้ออเรเลียแปดเปื้อน.

เมื่อเขาไปหานักพยากรณ์เพื่อบอกความหมายของฝันนั้น นักพยากรณ์บอกเขาว่าเขาถูกลิขิตมาให้ครองโลก เพราะแม่ที่เขาฝันเห็นนั้นไม่ใช่สิ่งอื่นนอกซะจากแผ่นดินที่เปรียบเสมือนพระแม่ของทุกสรรพสิ่ง.

ด้วยเหตุนี้ความทะเยอทะยานภายในของเขาก็ได้ก่อเกิดขึ้นมา เขาเริ่มเชิดชูอย่างรวดเร็วโดยไม่มีสิ่งใดกีดขวางแล้วจึงลุล่วงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโรมโบราณไป.