บทที่ 84 หินวิเศษ
มีเสียงกระแทกดังเคร้ง ทว่าวัวกระทิงกลับไม่ระคายผิวเลยแม้แต่น้อย หากแต่เป็นดาบวงพระจันทร์ของฉู่เหินเสียอีกที่แตกออกเป็นสองส่วน ดังที่รู้ว่าดาบวงพระจันทร์เป็นของล้ำค่าอันดับสอง และตอนนี้มันหักแล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่าการป้องกันตัวของวัวกระทิงนั้นเหนือล้ำกว่ามาก
แม้ดาบวงพระจันทร์จะหักไปแล้ว หากแต่ฉู่เหินก็ยังมีของล้ำค่าอีกอย่างในร่าง และนั่นก็คือพัดวิเศษนั่นเอง เจ้าพัดล้ำค่านี่ ถึงแม้มันจะเป็นของล้ำค่าลำดับห้าของเขาก็ตาม หากแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของมันก็คือความสามารถในการพัฒนาตัวเองของมัน
ดังนั้นฉู่เหินจึงเชื่อว่าหากเข้าใช้พัดฟาดใส่เจ้าวัวกระทิง ตัวพัดก็คงไม่เกิดความเสียหายแน่ ๆ และเมื่อเขาคิดเช่นนั้น พัดล้ำค่าก็ปรากฏขึ้นในมือ และทำการฟาดลงไประหว่างเขาวัวในทันที
หลังจากฟาดอย่างแรง กึ่งกลางหัวของมันก็เกิดรอยปูดขนาดใหญ่ขึ้นมา และนั่นก็ทำให้เจ้าวัวกระทิงตกลงไปกองที่พื้นและครางออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อเห็นว่ากลยุทธ์ได้ผล ฉู่เหินจึงรีบพุ่งตัวไปที่วัวกระทิงอีกตัวทันที
แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือหลังเห็นสหายวัวกระทิงของมันถูกทำร้ายจนล้ม เจ้าวัวกระทิงอีกตัวกลับเผ่นหนีไปในทันทีด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ภาพตรงหน้าทำเอาฉู่เหินถึงกับรู้สึกตกใจในสติปัญญาของมัน
ในยามนี้ เขาแอบสรุปอยู่ในใจได้ว่า หากเขาต่อสู้กับมันด้วยความหุนหันพลันแล่นแล้วละก็ เกรงว่าเรื่องมันคงไม่จบลงง่าย ๆ แบบนี้แน่นอน
ฉู่เหินมองดูวัวกระทิงที่นอนนิ่งบนพื้น เขารู้ว่ามันอยู่ในอาการสาหัสมาก และอีกนานกว่าจะฟื้น เดิมทีฉู่เหินวางแผนจะเชือดวัวกระทิงแล้วเก็บไว้ในแหวน เพื่อนำกลับไปเป็นอาหารให้ปลาเกล็ดขาว
แต่เมื่อเห็นมันนอนแน่นิ่ง ฉู่เหินก็เกิดลงมือไม่ลง เขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ช่างมันเถอะ! เป็นคนดีสักครั้งละก็ ครั้งนี้ถือว่าฉันเมตตาแกก็แล้วกัน
จากนั้นฉู่เหินหยุดให้ความสนใจกับวัวกระทิงที่บาดเจ็บ และเริ่มเดินทางต่อไปในทันที ขณะที่เขาก้าวต่อไปนั้น ฉู่เหินก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้น
เพื่อความปลอดภัย ดังนั้นเขาจึงสัมผัสมันด้วยความระแวดระวัง หากมันนำมาซึ่งอันตรายก็คงต้องถอยก่อน แต่ถ้าเป็นอุกกาบาตจากนอกโลกอย่างที่เขาคิดจริง ๆ ละก็ ไม่แน่ฉู่เหินอาจนำมันมาอัพเกรดอาวุธ หรือเอาไปใช้เป็นอวัยวะเทียม ไม่ก็เอาไปสร้างหุ่นกระบอก ซึ่งมันก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีทั้งนั้นเลย ดังนั้นเขาตั้งตารอคอยสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ด้วยความระมัดระวัง
ขณะที่ฉู่เหินเริ่มมองไปรอบ ๆ ซึ่งตัวเขาได้ยึดเอาเงาสะท้อนที่พื้นเป็นหลัก หลังจากค้นหาอยู่นาน สุดท้ายฉู่เหินก็พบเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่ท่ามกลางหุบเขา ก้อนหินนี้มีขนาดพอตัว มันคงเป็นส่วนหนึ่งของดาวอุกกาบาตจากนอกท้องฟ้าเป็นแน่ เมื่อกะดูแล้ว เกรงว่ามันคงมีขนาดใหญ่ราว ๆ กำปั้นได้
ภาพที่ฉู่เหินเห็นตอนนี้ก็คืออุกกาบาตจากนอกโลกที่ตั้งอยู่ด้านบนของหินขนาดใหญ่ เพียงแต่ว่าในยามนี้นั้น ความสนใจของฉู่เหินกลับพุ่งตรงไปที่หินใหญ่นี่เสียมากกว่า ต้องรู้ว่าอุกกาบาตตกจากท้องฟ้าและตกลงบนหินใหญ่ก้อนนี้ แต่แทนที่จะทำให้หินแตกเป็นเสี่ยง ๆ มันกลับฝังเข้าไปในหินนี้แทน
เห็นได้ชัดว่าหินใหญ่ก้อนนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะมองข้ามไปได้ง่าย ๆ ว่าแล้วฉู่เหินก็ใช้พละกำลังทั้งหมดของเขาเพื่อยกก้อนหินนี้ขึ้น แต่ทว่าเขาก็ต้องตกใจอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะพยายามออกแรงมากแค่ไหน เจ้าก้อนหินตรงหน้ามันก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ฉู่เหินรู้สึกจนปัญญา ดังนั้นเขาจึงเตรียมจะผ่าก้อนหินก้อนนี้ออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ หลายส่วน ด้วยการทำแบบนั้นมันน่าจะทำให้เขาสามารถเก็บมันเข้าไปในแหวนได้ แต่ไม่ว่าฉู่เหินจะใช้พัดวิเศษ หรือทุบมันด้วยกำปั้นที่ใส่พลังทั้งหมดของเขาไปก็ตาม มันก็ไม่ได้ผล
นี่เองจึงยิ่งทำให้ฉู่เหินเชื่อว่าหินใหญ่ก้อนนี้ต้องมีความพิเศษบางอย่างแอบซ่อนอยู่อย่างแน่นอน ดังนั้นฉู่เหินจึงเคลื่อนไหวฝ่ามือหนึ่งครา ก่อนที่จะปรากฏเปลวอัคคีบนฝ่ามือ หลังเปลวไฟถูกเรียกออกมา อุณหภูมิรอบ ๆ กายของฉู่เหินก็สูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เขาก็พยายามควบคุมเพลิงไฟนั่น เพื่อเริ่มหลอมก้อนหินที่อยู่ตรงหน้า
เดิมที ฉู่เหินแค่อยากที่จะลองดู แต่เขาไม่คาดเลยว่าการลงมือครั้งนี้จะส่งผลได้ขนาดนี้ ขณะที่อัคคียังคงเผาไหม้หินก้อนนั้นอยู่ จู่ ๆ ก็มีเปลวเพลิงปะทุขึ้นมาตรงกลางก้อนหินอย่างช้า ๆ เปลวไฟที่ว่าทำให้รอยแตกยิ่งกว้างขึ้นไปอีก ก่อนที่ส่วนหนึ่งของก้อนหินจะถูกแบ่งออกมาด้วยฝีมือของเขา
ฉู่เหินเก็บหนึ่งในชิ้นส่วนเล็ก ๆ ใส่ไว้ในแหวน จากนั้นเขาก็ทำแบบเดิมอีกครั้ง ซึ่งมันก็ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงถึงจะแบ่งหินทั้งก้อนให้เป็นขนาดต่าง ๆ กันถึง 10 ชิ้นได้
“ผู้ครอบครองฉู่เหินค้นพบวัตถุระดับ 5 อุกกาบาตจากนอกโลก วัตถุระดับ 3 จิงกง ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นศูนย์คะแนน” หลังเก็บวัตถุทั้งสองแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงพูดของระบบ ซึ่งนี่ทำให้ฉู่เหินตื่นเต้นอยู่ภายในใจ เขาไม่คิดเลยว่าหินสองก้อนนี้จะเป็นวัตถุระดับ5 และระดับ 3 ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเขาจะได้กำไรอย่างมากเสียแล้ว
หลังเก็บวัตถุทั้งสองเรียบร้อย ฉู่เหินก็เดินตรงไปยังภูเขาด้านหน้า ด้วยความที่เขามาถึงป่านี้ตั้งแต่เช้า ดังนั้นจึงยังพอมีเวลาเก็บเกี่ยวอยู่บ้าง เขาไม่รู้ว่าจะมีการผจญภัยแบบไหนรออยู่ในอนาคต แต่ทว่าฉู่เหินไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขากำลังเจอต่อไปนี้นั้นหาใช่การผจญภัยไม่ หากแต่เป็นความตายที่กำลังรอคอยเขาอยู่
“ศิษย์น้อง เธอแน่ใจนะว่าชายคนนั้นจะผ่านทางนี้?” สตรีเลอโฉมผู้หนึ่งถามเม่ยซานเหนียงผู้เปี่ยมเสน่ห์
“ศิษย์พี่วางใจเถอะค่ะ ด้วยนิสัยของเจ้าหนุ่มคนนั้น เมื่อเขาเข้ามาในเขตของหุบเขา เขาจะไม่สำรวจที่แห่งนี้ได้ยังไง” ถึงแม้เม่ยซานเหนียงจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่สายตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความชั่วร้าย เส้นทางที่เธอเลือกคือภูเขาที่ฉู่เหินตั้งใจจะปืนขึ้นไป ขอบอกว่าเจตนาของเธอคนนี้ช่างเลวร้ายยิ่งนัก
ในยามนั้น ฉู่เหินไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย เขากำลังปีนขึ้นภูเขาอย่างสบายใจ แม้ภูเขาจะสูงชัน แต่มันไม่ได้ยากนักสำหรับเขา และถึงแม้จะต้องปีนขึ้นลงหลายครั้ง แต่ในที่สุดฉู่เหินก็สามารถขึ้นสู่ยอดผามาจนได้ เมื่อขึ้นไปยืนบนปลายสุดของภูเขาสูง ฉู่เหินก็ทอดตามองไปทั่วบริเวณ ภาพเบื้องหน้าทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมอย่างบอกไม่ถูก
และนั่นก็ทำให้ฉู่เหินอดใจไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา เสียงกู่ร้องของเขาดังก้องไปทั่วทุกทิศทาง มันดังเสียจนทำให้ซานเหนียงผู้เปี่ยมเสน่ห์และพี่น้องของเธอได้ยินเสียงในทันที
“ไป ไปสั่งสอนเจ้าหนุ่มนั่นกัน ว่าการมาทำให้ฉันโมโหมันจะเป็นยังไง”
ฉู่เหินไม่รู้เลยว่าเสียงตะโกนในครั้งนี้ ถือเป็นการเรียกหาความตายให้กับตัวเขาโดยแท้
ด้วยความเร็วของคนเหล่านี้ เพียงชั่วพริบตาพวกเขาก็เกือบมาถึงบริเวณภูเขาที่ฉู่เหินยืนอยู่แล้ว พร้อมกันนั้น คนเหล่านั้นก็ได้แบ่งออกเป็นหลายกลุ่มพร้อมฝูงม้า พวกเขารีบมาที่ยอดเขาโดยพร้อมกัน
เดิมทีฉู่เหินต้องการจะหลับตาเพื่อดื่มด่ำกับสภาพแวดล้อมตรงหน้า แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงอันตรายบางอย่างเสียก่อน ความรู้สึกส่วนลึกนั่นบอกกับเขาให้รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรบางอย่างที่ร้ายแรงขึ้น! เมื่อสัมผัสได้ดังนั้น ฉู่เหินก็รีบหันกลับไปทันที พร้อมกับกุมพัดวิเศษในมือไว้แน่น ก่อนที่เขาจะเลือกทิศทาง และรีบพุ่งตัวลงจากภูเขา
บนหุบเขานั้นร้างไร้ผู้คน ไม่มีที่ให้หลบหนี ดังนั้นฉู่เหินจึงไม่ต้องการที่จะต่อสู้ในที่แบบนั้น ขณะที่เขากำลังวิ่งอย่างรวดเร็ว ฉู่เหินก็พบเข้ากับกลุ่มคนที่ด้านหน้า สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือบุคคลที่สกัดเขาไว้นั้นคือเม่ยซานเหนียงนั่นเอง
“ไอ้หนุ่ม ดูสิว่าครั้งนี้จะไปไหนได้ จงทิ้งชีวิตให้ฉันเสียดี ๆ” เม่ยซานเหนียงไม่คิดว่าเธอจะได้พบกับเขาตัวต่อตัวเร็วขนาดนี้ ชายคนที่เธออยากฆ่าให้ตาย ตอนนี้ได้ปรากฏตรงหน้าของเธอแล้ว
“นี่เป็นผู้หญิงแบบไหนกันเนี่ย? ไม่มียางอายเหรอ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ชอบเธอ ทำไมต้องมาตามตื๊อกันไม่เลิก? ถ้าชอบผู้ชายนักล่ะก็ ไปที่ไซต์คนงานก่อสร้างสิ มีผู้ชายบึกบึน ๆ ที่นั่นตั้งเยอะ พวกเขาจะดูแลเธออย่างแน่นอน” ฉู่เหินไม่ลืมที่จะหัวเราะเยาะใส่เม่ยซานเหนียงแม้กำลังวิ่งอยู่
หลังจากนั้น ฉู่เหินก็พุ่งกายผ่านพวกเธอไป ความเร็วนั้นทำให้คนเหล่านี้รู้สึกเคืองแค้นนัก
“ไอ้หนูคิดจะหนีงั้นเหรอ ถามฉันรึยังว่าจะปล่อยแกไปไหม? เอาละ โจมตีให้สุดกำลังเลย!” หลังกล่าวคำออกไป กลุ่มคนที่อยู่รอบ ๆ เม่ยซานเหนียงก็ชักปืนออกมากระหน่ำยิงใส่ฉู่เหินในทันที
เมื่อเห็นภาพนี้ ฉู่เหินก็อดร้องลั่นออกมาไม่ได้ จากนั้นก็ตีลังกาสิบแปดตลบเพื่อหลบหนีคลื่นกระสุน ก่อนจะกระโดดลงอีกครั้งอย่างรวดเร็วดุจเสือดาว
Next