ตอนที่ 93 ลงนามสัญญาเช่า

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 93 ลงนามสัญญาเช่า

วันรุ่งขึ้น หลินม่ายสวมเสื้อกันฝนและถีบรถสามล้อไปที่ท่าเรือเพื่อขายอาหารเช้าตามปกติ

ฟางจั๋วหรานเองก็มาแวะที่ร้านเธอเพื่อซื้อซาลาเปากับไข่ต้มดองซีอิ๊วก่อนไปทำงานเหมือนทุกครั้ง

เขายิ้มพลางถามว่า “ผมได้ยินว่าวันนี้คุณนัดเซ็นสัญญาเช่ากับพ่อเฒ่าเหอแล้ว?”

หลินม่ายตอบยิ้ม ๆ “คุณรู้ข่าวเร็วจังนะคะ?”

ฟางจั๋วหรานตอบกลับเบา ๆ “ผมผ่านไปทางนั้นหลังจากเลิกงานพอดี มีโอกาสก็เลยแวะไปถามเรื่องนี้น่ะ”

หลินม่ายพูดอย่างจริงใจ “ขอบคุณมากนะคะ ศาสตราจารย์ฟาง”

ฟางจั๋วหรานโบกมือ “อย่าสุภาพเกินไปเลย เดี๋ยวผมจะรู้สึกไม่สบายใจเอาเปล่า ๆ คิดเสียว่าผมเป็นพี่ชายที่คอยดูแลความเป็นอยู่ของน้องสาวก็แล้วกัน น้องสาวไม่จำเป็นต้องขอบคุณพี่ชายหรอกนะ”

หลินม่ายตอบรับในลำคอ

ฟางจั๋วหรานเห็นเม็ดฝนจำนวนมากไหลผ่านหมวกของเสื้อกันฝน หยดลงไปบนใบหน้าของเธอ จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าลายตารางผืนหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้ “เช็ดน้ำฝนบนหน้าหน่อยสิ”

หลินม่ายเหลือบมองผ้าเช็ดหน้าสะอาดสะอ้านที่โชยกลิ่นหอมของมินต์จาง ๆ แต่ไม่ได้เอื้อมมือออกไปรับแต่อย่างใด

เธอยกมือขึ้นเช็ดหน้าตัวเองสองสามครั้ง “ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าหรอกค่ะ” หลังจากพูดจบก็ส่งยิ้มกว้างให้เขา

ชั่วขณะหนึ่ง ฟางจั๋วหรานเกิดความคิดอยากหยิบยื่นที่พักพิงให้เธอปลอดภัยจากลมพายุและสายฝน เพื่อที่เธอจะได้เบ่งบานอย่างสวยงามสมวัยราวดอกไม้แรกแย้มเหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ๆ

ไม่เหมือนตอนนี้ ที่ต้องต่อสู้เพียงลำพังท่ามกลางลมฝนอันโหดร้าย

เขาดึงผ้าเช็ดหน้ากลับคืนมา “พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปช่วยคุณทำความสะอาดร้าน จะได้เริ่มค้าขายได้โดยเร็ว”

“ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง!” หลินม่ายรีบปฏิเสธทันควัน “คุณยังต้องไปทำงานไม่ใช่หรือคะ อย่าสละเวลาอันมีค่ามาช่วยฉันให้เปลืองแรงเลย ชีวิตของคนไข้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรล้วนขึ้นอยู่กับมีดผ่าตัดในมือคุณ ต้องใช้ทั้งพลังใจและพลังกายไม่น้อย จะให้คุณมาช่วยฉันทำงานหนักได้อย่างไรกัน?”

สายตาของฟางจั๋วหรานอ่อนโยนลง “วันนี้ผมต้องอยู่เวรทั้งคืนก็จริง แต่วันพรุ่งนี้กับวันมะรืนผมได้หยุดงานสองวัน ผมสามารถช่วยคุณได้โดยที่ไม่กระทบกับงานของผมเลย”

ท้ายที่สุด หลินม่ายก็หยิบยกเหตุผลอื่นใดมาปฏิเสธน้ำใจเขาไม่ได้อีก เขาหันหลังกลับและเดินลับสายตาไปในม่านฝนพร้อมกับร่มในมือเสียแล้ว

หลังจากที่ฟางจั๋วหรานเดินออกไป หลินม่ายก็ถีบรถสามล้อไปขายอาหารตามท้องถนน

ตอนนี้เธอสั่งสมประสบการณ์ได้มากพอสมควร เธอคิดว่าถ้าขับรถไปขายอาหารเช้าอยู่หน้าประตูโรงเรียนคงรายได้ดีไม่หยอก เพียงแต่ต้องระวังรปภ.ของโรงเรียนออกมาไล่ที่เท่านั้น

หลินม่ายถีบรถสามล้อไปจอดอยู่หน้าประตูโรงเรียนมัธยมเจียงอัน หลังจากตะโกนเรียกลูกค้าอยู่สองสามรอบ ทันใดนั้นนักเรียนก็กรูกันเข้ามายืนล้อมรอบรถของเธอ

เหลียนเฉียวออกมาหาซื้ออาหารเช้าพอดี เห็นกลุ่มนักเรียนไปยืนล้อมรอบรถสามล้อคันหนึ่งเพื่อซื้อซาลาเปากับไข่ต้ม ในขณะที่ผู้ค้ารายย่อยอีกสองเจ้าที่ขายอาหารเช้าเหมือนกันกลับไม่มีใครให้ความสนใจ

หล่อนคาดเดาในใจว่าซาลาเปานึ่งกับไข่ต้มของร้านนั้นต้องมีรสชาติอร่อยแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นพวกนักเรียนคงไม่พร้อมใจกันไปมุงอยู่หน้าร้านของเธอแบบนี้

พอนึกขึ้นได้ว่าเจ้านายของตัวเองก็ชอบกินซาลาเปากับไข่ต้มดองซีอิ๊วเหมือนกัน จึงยกเท้าเดินตรงไปที่ร้านนั้นบ้าง

เหลียนเฉียวไม่เพียงซื้ออาหารเช้าสำหรับตัวเองและเจ้านาย แต่ยังรวดซื้อไปฝากสหายพี่น้องคนอื่น ๆ

หลังจากซื้ออาหารเรียบร้อยแล้ว หล่อนไม่ลืมซื้อหม้ออะลูมิเนียมขนาดใหญ่เพื่อบรรจุซาลาเปากับไข่ต้มเป็นการเฉพาะกลับมาด้วย

โรงเรียนอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก หล่อนห่อหุ้มหม้ออะลูมิเนียมด้วยเสื้อแจ็กเกตผ้าฝ้ายตัวเก่าอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้นเมื่อเธอกลับมาถึง ซาลาเปากับไข่ต้มจึงยังร้อนอยู่

ยกเว้นเจ้านายของหล่อน สหายพี่น้องคนอื่น ๆ ต่างก็เอื้อมมือไปหยิบซาลาเปาจากหม้อแล้วเริ่มกัดกิน

กัดเข้าปากไปแค่คำเดียว พวกเขาต่างก็ร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

สหายรุ่นน้องคนหนึ่งหันไปถามเหลียนเฉียว “เธอซื้อซาลาเปาพวกนี้มาจากไหนน่ะ ทำไมถึงได้อร่อยขนาดนี้?”

“ซื้อมาจากแผงขายของริมถนนน่ะ” เหลียนเฉียวหยิบซาลาเปาขึ้นมาลูกหนึ่งแล้วยื่นให้กับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเงียบ ๆ “เจ้านายคะ คุณชอบกินซาลาเปาไม่ใช่หรือ รีบกินตอนที่มันยังร้อนอยู่เถอะค่ะ”

ชายคนนั้นเหล่มองซาลาเปาในมือเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะรับมากัดเข้าปาก

หลังจากลิ้มรสชาติของมันอย่างชัดเจน ร่างกายของเขากลับแข็งทื่อเหมือนรูปปั้นหิน

ทุกคนมองดูเขาด้วยความสับสน ลูกน้องคนหนึ่งของเขาถามขึ้นว่า “ลูกพี่ เป็นอะไรไปน่ะ? ซาลาเปาไม่อร่อยเหรอ?”

ชายคนนั้นทำหูทวนลม จ้องมองไปทางเหลียนเฉียวแล้วถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น “เธอซื้อซาลาเปามาจากที่ไหน?”

เหลียนเฉียวตื่นตะลึงเล็กน้อยกับสีหน้าท่าทางของเขา “หน้า หน้า… หน้าโรงเรียนมัธยมเจียงอันค่ะ…”

เธอยังพูดไม่ทันขาดคำ ชายหนุ่มก็วิ่งฉิวออกไปเสียแล้ว

เหลียนเฉียวตกใจอยู่ไม่นานนัก พอได้สติก็วิ่งตามออกไปพร้อมกับร่มสีดำคันใหญ่ ตะโกนเรียกชื่อชายคนนั้นอย่างกระวนกระวายใจ “เฉินเฟิง ข้างนอกฝนตกหนัก พกร่มไปด้วยสิคะ!”

แต่ชายหนุ่มวิ่งหายลับไปไกลแล้ว

ลูกน้องสี่คนที่เหลืออยู่ในห้องต่างหันมองหน้ากัน

ลูกน้องคนหนึ่งถามอย่างไม่เข้าใจ “ลูกพี่เป็นอะไรไปน่ะ?”

ลูกน้องอีกคนหนึ่งเดา “ฉันว่าเขาคงเจอศัตรู เลยจะตามไปแก้แค้นล่ะมั้ง”

ลูกน้องอีกคนกลับส่ายหัว “ไม่ใช่ศัตรูแน่ ถ้าเป็นศัตรูจริงลูกพี่คงเรียกพวกเราออกไปช่วยแล้ว”

ลูกน้องคนสุดท้ายยังคงยัดซาลาเปาเข้าปากในคำเดียว พร้อมกันนั้นก็พูดความเห็นของตัวเองไปด้วย “อย่ามัวคาดเดาอะไรไม่เข้าท่าเลย รีบออกไปดูกันเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น”

ลูกน้องทั้งสี่คนคว้าร่มคนละคัน แล้ววิ่งตามออกไป

เฉินเฟิงวิ่งไปที่โรงเรียนมัธยมเจียงอันโดยไม่แม้แต่จะหยุดพักหายใจ เห็นว่าเจ้าหน้าที่รปภ.ของโรงเรียนกำลังตะโกนขับไล่บรรดาผู้ค้าแผงลอยที่สวมเสื้อกันฝนให้ออกไปจากหน้าโรงเรียนซะ ทันใดนั้นเส้นเลือดของเขาก็แทบจะระเบิดเพราะความโกรธ

เขาเดินอาด ๆ เข้าไปชี้หน้าเจ้าหน้าที่รปภ.ที่อายุราว ๆ ห้าสิบกว่าปีคนนั้นทันที “ถ้านายจะตะโกนไล่พวกเขาอีกครั้ง ฉันจะฆ่านายทิ้งซะ!”

เจ้าหน้าที่รปภ.เห็นว่าเฉินเฟิงทำท่าทางกร่างใส่เหมือนเป็นนักเลง ก็ไม่กล้ายั่วโมโหเขาอีก รีบวิ่งกลับไปที่ป้อมยามภายในโรงเรียนตามเดิม

เฉินเฟิงหันหน้ากลับไปอีกครั้งเพื่อมองหาหญิงสาวร่างเพรียวที่สวมเสื้อกันฝนคนนั้น

พ่อค้าแผงลอยคนหนึ่งโพล่งขึ้น “ขอบคุณมากนะพ่อหนุ่ม ถ้าไม่ได้คุณ ลุงคงสูญเสียรายได้ไปไม่น้อยเลย ทุกวันนี้ลุงขายขนมโก๋นึ่งได้แค่วันละไม่กี่ชิ้นเอง เฮ้อ!”

หญิงชราตัวเล็กอีกคนที่มีริ้วรอยย่นเต็มใบหน้าผลักรถสามล้อกลับมา ก่อนจะส่งยิ้มอย่างขอบคุณไปทางเฉินเฟิง แล้วเดินโซซัดโซเซจากไป

เฉินเฟิงถูกทิ้งให้อยู่ลำพังท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ เขาตาลายจนเห็นว่าหญิงชราคนนี้กลายเป็นหญิงสาวผิวคล้ำคนนั้นได้อย่างไร?

เหลียนเฉียวเดินเข้ามาใกล้ กางร่มไว้เหนือศีรษะของเขา พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยว่า “เจ้านายคะ อาการบาดเจ็บของคุณยังไม่หายดี น้ำฝนอาจทำให้แผลของคุณติดเชื้อได้”

เฉินเฟิงยกมือขึ้นเช็ดใบหน้าที่เปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำฝน หันหน้าไปอีกทางหนึ่งโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะก้าวยาว ๆ เดินกลับทางเดิม

ลูกน้องทั้งสี่คนที่ตามมาสมทบภายหลังได้แต่เฝ้าดูเขาเดินผ่านหน้าตัวเองไป

รอจนเขาเดินห่างออกไปไกลแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็เดินเข้ามายืนรายล้อมรอบเหลียนเฉียว แล้วยิงคำถามอย่างไม่รอช้า “ลูกพี่ออกมาตามหาคนขายซาลาเปาเหรอ?”

“คนขายซาลาเปาเป็นผู้หญิงใช่ไหม?”

“ถ้าเป็นผู้หญิง ก็แสดงว่าลูกพี่ชอบเธอน่ะสิ”

“ผู้หญิงคนนั้นสวยหรือเปล่า?”

เหลียนเฉียวไม่ได้ตอบคำถามของพวกเขา สีหน้าของหล่อนมืดมนลงเรื่อย ๆ

หลังรับประทานอาหารกลางวัน หลินม่ายเดินทางไปที่หน้าบ้านสองชั้นของพ่อเฒ่าเฮ่อ พร้อมกับเอกสารสัญญาเช่าที่ร่างขึ้นด้วยตัวเอง และเงินค่าเช่ารายปีอีกสามร้อยหยวน

พ่อเฒ่าเฮ่อรอเธออยู่ด้านในนานแล้ว

หลินม่ายยื่นเอกสารสัญญาเช่าให้เขาอ่าน “พ่อเฒ่าเฮ่อคะ ลองตรวจสอบดูว่าคุณต้องการแก้ไขรายละเอียดหรือเพิ่มเติมอะไรลงไปในสัญญาฉบับนี้ไหม? ถ้าไม่มีก็เซ็นชื่อได้เลยค่ะ”

เนื้อหาสัญญาเช่าที่หลินม่ายร่างขึ้นยุติธรรมสำหรับทั้งสองฝ่าย มีเงื่อนไขปกป้องผลประโยชน์ทั้งของเจ้าของบ้านและผู้เช่า

หลังจากอ่านแล้ว พ่อเฒ่าเฮ่อก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ไม่มีปัญหา ไม่จำเป็นต้องแก้ไขหรือเพิ่มเติมอะไร”

หลินม่ายไม่ลืมย้ำกับเขาเป็นพิเศษ “พ่อเฒ่าเฮ่อคะ หลังจากที่คุณเซ็นสัญญาฉบับนี้แล้ว คุณจะไม่สามารถฉีกสัญญาได้อีก ถ้าคุณฉีกสัญญา จะต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายจำนวนห้าร้อยหยวน”

พ่อเฒ่าเฮ่อหัวเราะ “หลังจากลงนามแล้ว ฉันแน่ใจว่าตัวเองจะไม่เสียใจภายหลังแน่ แต่ถ้าเธอฉีกสัญญา เธออาจเสียใจเพราะต้องเป็นฝ่ายจ่ายค่าชดใช้เหมือนกัน”

หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ผลัดกันเซ็นชื่อลงนามในสัญญาเช่าด้วยความยินดี หลินม่ายจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี พ่อเฒ่าเฮ่อเขียนใบเสร็จรับเงินให้เธอเก็บไว้ ก่อนจะส่งมอบกุญแจให้แล้วจากไป

หลินม่ายยังไม่ตรงกลับบ้าน แต่ไล่ถามผู้อาศัยที่อยู่ในบริเวณโดยรอบว่าแถวนี้มีไซต์งานก่อสร้างอยู่ใกล้ ๆ หรือเปล่า

เธอต้องการไปติดต่อไซต์งานก่อสร้างเพื่อว่าจ้างช่างประปาให้มาซ่อมแซมระบบน้ำและระบบไฟฟ้าภายในบ้าน โดยเฉพาะสายไฟที่มีปัญหา

ความปลอดภัยเกี่ยวกับการเดินสายไฟเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ยิ่งสายไฟมีอายุการใช้งานนาน อาจเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย

ถึงตอนแรกพ่อเฒ่าเฮ่อจะรับปากว่าจะหาคนมาช่วยซ่อมแซมสายไฟให้เธอภายในสองวันนี้ แต่เธอไม่อยากรอนานถึงขนาดนั้น ยิ่งซ่อมเสร็จเร็วเท่าไหร่ยิ่งเปิดร้านได้ไวขึ้น

เธอไม่อยากรอให้ฟางจั๋วหรานมาช่วยเธอซ่อมแซมบ้านในวันพรุ่งนี้ เขาช่วยเหลือเธอมามากพอแล้ว ในขณะที่เธอไม่เคยทำอะไรเป็นการตอบแทนน้ำใจเขาเลย

เธอไม่อยากรบกวนเขา ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่จุดประกายความคิดให้เธอก็ตาม

ผู้อาศัยที่อยู่ไม่ไกลบอกเธอว่า หลังจากหอพักสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลผู้จี้ถูกรื้อถอนเพื่อขยายพื้นที่เป็นห้องพักแผนกผู้ป่วยใน สถานที่นั้นก็กลายเป็นเขตก่อสร้าง สามารถถามหาช่างประปาจากที่นั่นได้

หลินม่ายขอบคุณเขา หลังจากนั้นก็ถีบรถสามล้อไปที่ไซต์งานก่อสร้างดังกล่าว

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เรือลำหนึ่งก็อบอุ่นไมโครเวฟมาก ส่วนเรืออีกลำก็ตามติดไม่หยุด จะลงเรือไหนดีคะเนี่ย

ไหหม่า(海馬)