บทที่ 105 คนคุ้นเคยมารวมตัวกัน

พลิกชะตาหมอยา

เหยียนหรูชิงได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าชะงักไป แววตาที่เขาจ้องเฟิ่งเซียวเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

คนที่อยู่ตรงหน้าแม้จะดูเด็ก แต่กลับมีความชำนาญมาก สามารถวินัจฉัยได้อย่างลึกซึ้ง

โดยเฉพาะเมื่อฟังคำอธิบายของนางแล้ว เดิมทีเหยียนหรูชิงที่คิดว่าคดีนี้ไม่มีเบาะแสอะไร ตอนนี้ในหัวของเขากลัวผูกเรื่องราวขึ้นมาได้

เหยียนหรูชิงรีบสั่งคนไปค้นหาบริเวณบ่อน้ำและถ้ำต่างๆ เพื่อหาความผิดปกติ อีกด้านหนึ่งก็พักการไต่สวนในศาลไปก่อน และไปดูคดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เพื่อเปรียบเทียบกัน และถึงขั้นเชิญเฟิ่งเซียวไปตรวจคำให้การของญาติผู้เสียชีวิตด้วยกัน

เมื่อเฟิ่งชิงหัวอ่านคำให้การทั้งหมดแล้วก็เอ่ยปากว่า “การรับคนงาน”

“ใต้เท้าลองดู คนทั้งหมดนี้มีลักษณะพิเศษบางอย่างเหมือนกันนั้นคือ ก่อนเกิดเรื่องได้กล่าวกับญาติๆ เอาไว้หรือไม่ก็บอกว่าเร็วๆ นี้จะมีเงินก้อนใหญ่ หรือไม่ก็บอกว่าหางานที่สามารทำเงินได้ก้อนใหญ่ แถมยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนั่นคือก่อนตายไม่กี่วัน อย่างมากที่สุดก็ไม่เกินสามวัน”

เหยียนหรูชิงเข้าใจขึ้นมาทันทีในตอนนั้น “ความหมายของเจ้าก็คือ คนร้ายใช้ผลประโยชน์จากการทำงานล่อคนพวกนี้ เพื่อใช้งานที่มีวัตถุประสงค์ที่ไม่สามารถบอกใครได้ หลังจากใช้งานเสร็จแล้วก็ทำร้ายพวกเขา มีเพียงสถานที่ที่เอาไว้ผลิตเครื่องหอมหรือโรงงานเท่านั้นถึงจะสามารถหาตัวคนร้ายเจอ!”

เฟิ่งชิงหัวพยักหน้าอย่างมั่นใจ

เหยียนหรูชิงจึงรีบสั่งลูกน้องให้ค้นหาโรงงานในเมืองแห่งนี้รวมทั้งเมืองรอบๆ โรงงานสิ่งทอ รวมทั้งรวบรวมโรงงานที่กำลังรับสมัครคนอยู่

แต่ว่าในพระนครที่ไม่ว่าจะรวยหรือจนหรือเป็นอนุต่างสวมใส่ถุงหอมกันทั้งนั้นเช่นนี้ จึงไม่สามารถทำการค้นแต่ละที่ได้อย่างรวดเร็วนัก

เฟิ่งชิงหัวเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “สถานที่ที่เกิดเหตุแรก น่าจะอยู่ไม่ห่างจากแม่น้ำนั้นมากนัก เพราะถ้าอยู่ห่างเกินไป การขนส่งร่างจะทำได้ยากลำบาก เมื่อเข้าสู่ยามวิกาลแล้วประตูเมืองก็จะห้ามผ่านเข้าออก ดังนั้นจึงสามารถตัดโรงงานที่อยู่นอกประตูเมืองไปได้เลยขอรับ”

เหยียนหรูชิงพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง จากนั้นจึงรีบส่งคนไปตรวจสอบ

ศาลาว่าการพระนครทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเสมอ ทว่าในช่วงสองชั่วยามที่ผ่านมามีคนรับใช้มารายงานว่า ภายในร้านทำเครื่องหอมร้านหนึ่งมีบ่อน้ำอยู่ และตอนที่พวกเขาไปถึงก็พบว่ามีคนคนหนึ่งยืนตัวสั่นอยู่ในบ่อน้ำ

หลังจากที่เหยียนหรูชิงลองสองถามคร่าวๆ แล้วก็ทราบว่า ร้านทำเครื่องหอมแห่งนี้ได้ทำแป้งบำรุงผิวชนิดใหม่ออกมา ที่ไม่เพียงแค่บำรุงผิวเท่านั้นแต่เมื่อทาที่ผิวแล้วยังทิ้งกลิ่นหอมเอาไว้ยาวนานอีกด้วย คนที่ตายเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องมือทดลองเครื่องหอมพวกนี้ และเพื่อป้องกันไม่ให้สูตรเครื่องหอมรั่วไหล จึงจัดการให้คนงานพวกนี้มีสภาพการตายเหมือนฆ่าตัวตาย

คงไม่มีใครคาดคิดว่าแค่สูตรสินค้าเพียงอย่างเดียว ถึงขั้นกับต้องสังหารคนสิบกว่าคนนี้ทิ้ง

คดีที่สืบกันมาอย่างยาวนานกว่าครึ่งเดือนกลับสิ้นสุดลงได้ด้วยฝีมือของเฟิ่งชิงหัวคู่นี้ ตอนนั้นเอง ขุนนางชันสูตรศพคนใหม่ของศาลาว่าการพระนครก็ทำให้ทุกคนรู้สึกอัศจรรย์ใจ

เหยียนหรูชิงเป็นคนที่มีความเที่ยงตรงและยุติธรรม เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงหัวเป็นคนที่มีความสามารถ ก็ถึงขั้นยอมฝ่าฝืนกฎที่เคยมีมาในอดีต โดยแต่งตั้งให้เขากลายเป็นพนักงานที่กินเงินหลวงทันที

หลังจากที่คนรับใช้พาเฟิ่งชิงหัวไปยังสถานที่พำนักของตนเองหลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งแล้ว นางก็ทิ้งตัวลงนั่งพักทันที พลางหันไปมองรอบๆ จึงเห็นว่าเรือนหลังนี้แบ่งออกเป็นด้านนอกด้านใน แต่ละห้องมีโต๊ะหนึ่งตัวและเตียงหลังน้อย แม้ว่าจะไม่ได้ดูหรูหรา แต่ก็นับว่าเป็นระเบียบเรียบร้อยมากทีเดียว

“เฟิ่งสวี่โจ้ว ที่ศาลาว่าการพระนครแห่งนี้จะดูแลอาหารกลางวันให้ด้วย นี่คือสวัสดิการที่ใต้เท้าเหยียนขอให้พวกเรา ท่านเพิ่งมาถึงที่นี่น่าจะยังไม่มีถ้วยกับตะเกียบใช่หรือไม่ ที่โรงอาหารน่าจะมี ข้าจะพาท่านไปยืมก่อน” คนรับใช้คนนี้มีนามสกุลว่าหลินและมีชื่อว่าเจี่ยน เขาก็คือคนคนแรกที่คุยกับเฟิ่งชิงหัวนั่นเอง เป็นคนที่ร่าเริงมากทีเดียว

เมื่อไปถึงโรงอาหารแล้ว ก็พบว่ามีเพียงแค่ชายที่ใส่หมวกพ่อครัวยืนอยู่ที่โต๊ะๆ หนึ่ง บนโต๊ะมีถาดใหญ่ๆ วางอยู่สองถาด ในถาดมีอาหารผัดสองอย่าง และอีกข้างหนึ่งของโต๊ะมีโถข้าววางอยู่

เฟิ่งชิงหัวเห็นกับข้าวแล้วแต่ไม่มีความรู้สึกอยากอาหารขึ้นมา จึงหยิบซาลาเปาลูกเล็กสองลูกออกมาจากในกระเป๋าแขนเสื้อของตัวเองแล้วยัดใส่ปาก และตั้งท่าจะกลับไปยังห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อน

แต่ใครจะรู้ว่าตอนที่นางเพิ่งจะทิ้งตัวลงนอนและยังไม่ทันจะหลับตา ด้านนอกก็มีเสียงนกหวีดดังขึ้นมาจากโถงด้านหน้า หลินเจี่ยนเคยเล่าให้นางฟังว่า เสียงนกหวีดนี้เป็นสัญญาณที่บอกว่ามีคดีเกิดขึ้นและต้องออกไปทำงานทันที

เฟิ่งชิงหัวลุกขึ้นมาแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องโถงใหญ่

เหยียนหรูชิงแต่งตัวและก้าวผมออกมาเรียบร้อย เมื่อเห็นเฟิ่งชิงหัวก็รีบกล่าวว่า “เฟิ่งเซียวตามมา”

ทั้งคณะต่างมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เกิดคดีขึ้น ระหว่างที่เดินไปหลินเจี่ยนก็เริ่มเล่าเรื่องราวให้เฟิ่งชิงหัวฟังตั้งแต่ต้นจนจบ

สถานที่เกิดเหตุอยู่ที่ วัดก่านเย่ วัดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเมือง ที่วัดแห่งนี้มีคนมาจุดธูปสักการะ ตอนกลางวันมีคนเข้ามาต่อเนื่องไม่ขาด ตอนกลางคืนก็มักจะมีผู้แสวงบุญที่แวะมาพักอาศัยที่นี่สั้นๆ หนึ่งในนั้นมีสตรีแสวงบุญนางหนึ่งมาพักอาศัยที่นี่เมื่อห้าวันก่อนหน้า หลายวันที่ผ่านมานี้ได้แต่เก็บตัวอยู่ในห้องเงียบๆ วันนี้มีเณรน้อยองค์หนึ่งไปเคาะประตูห้องกลับได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมา จากนั้นจึงกลับไปบอกศิษย์พี่ของตัวเองให้มาช่วยกันงัดประตูเข้าไปจึงพบว่าศพของหญิงสาวที่กรีดข้อมือนั้นเน่าเรียบร้อยแล้ว

ตอนที่เฟิ่งชิงหัวผลักประตูเข้าไปด้านในก็ได้กลิ่นนั้นทันที จึงขมวดคิ้วแล้วมองไปรอบๆ

ประตูใหญ่ใส่กลอน หน้าต่างปิดแน่น ไม่มีร่องรอยคนเข้าออก ดูสถานการณ์แล้วน่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย

ทว่าหลังจากนั้น เฟิ่งชิงหัวก็เดินไปนั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างผู้แสวงบุญหญิงคนนั้น แล้วดูมือของนาง จากนั้นจึงมองบาดแผลที่ข้อมือของนาง หลังจากนั้นจึงวินิจฉัยว่า นางไม่ได้ฆ่าตัวตาย

ทว่าหลังจากนั้น เฟิ่งชิงหัวก็เดินไปนั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างผู้แสวงบุญหญิงคนนั้น แล้วดูมือของนาง จากนั้นจึงมองบาดแผลที่ข้อมือของนาง หลังจากนั้นจึงวินิจฉัยว่า นางไม่ได้ฆ่าตัวตาย

มือของนักแสวงบุญคนนี้ด้านซ้ายเป็นผิวหยาบแห้งกร้าน ด้านขวากลับนุ่มลื่น และยังมีร่องรอยว่านางคัดลอกคัมภีร์เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าด้วย ตำแหน่งการวางของกระดาษและพู่กันเป็นเครื่องบ่งบอกว่านางเป็นคนถนัดซ้าย

คนถนัดซ้ายฆ่าตัวตาย จะใช้มือขวาได้อย่างไร?

จึงเป็นเครื่องแสดงว่านี่คือการฆาตกรรม

วัดก่านเย่ก่อสร้างขึ้นตามแนวเขา หันหลังให้แนวเขา เส้นทางเข้าไปในเขาทางเดียวคือเส้นทางราบเรียบ

ด้านหลังวัดแบ่งออกเป็นเขตพักอาศัยชั่วคราวสำหรับอยู่คนเดียวและสำหรับกลุ่มนักแสวงบุญ ระหว่างทั้งสองที่นี้มีประตูเหล็กหนึ่งบาน โดยมีเณรน้อยในวัดผลัดกันเฝ้าตลอดทั้งคืน คนนอกไม่สามารถเข้ามาได้ ดังนั้นคนที่จะสามารถลงมือได้ หากไม่ใช่เณรทั้งสองก็จะเป็นนักแสวงบุญที่เหลือ

เมื่อเหยียนหรูชิงได้ยินผลการตรวจสอบเบื้องต้นของเฟิ่งชิงหัวก็รู้สึกชื่นชมอย่างยิ่ง และรีบสั่งให้คนไปปิดล้อมเทือกเขาด้านหลังเอาไว้ และให้ทุกคนที่อยู่ในนี้ห้ามออกไปไหนชั่วคราว และให้ไปรวมตัวกันที่โถงด้านหน้า

เมื่อทุกคนมารวมตัวกันที่โถงใหญ่แล้ว เฟิ่งชิงหัวมองไปที่ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า คิ้วของนางพลันกระตุกและอดไม่ได้ที่จะถอนใจ บนโลกใบนี้มีแต่เรื่องบังเอิญจริงๆ ทำไมทุกคนที่นางรู้จักมารวมตัวกันอยู่ที่วัดก่านเย่ได้?