บทที่ 115 เจดีย์สร้างฐานที่เป็นเป้าหมาย

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 115 เจดีย์สร้างฐานที่เป็นเป้าหมาย

เกาะจวีอิงไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก บนนั้นมีเมืองสามเมือง และฐานที่มั่นที่เหมือนกับหมู่บ้านมากมาย เป้าหมายของสวี่ชิงคือเมืองจวีอิงที่เป็นเมืองหลักของทั้งสามเมืองนี้

ตำแหน่งที่จะขึ้นเกาะเขาก็ได้เลือกเอาไว้แล้วเมื่อก่อนหน้านี้ ดังนั้นเมืองกระดูกปลาขนาดมหึมาที่เห็นอยู่ในตอนนี้ก็คือเป้าหมายของเขา

“เมืองจวีอิง…” แววตาสวี่ชิงฉายประกายวาววาม พุ่งไปยังเมือด้วยความเร็วสุดขีด

เกาะจวีอิงตอนนี้เละเทะไปทั่วทุกแห่งหน ทุกระยะห่างช่วงหนึ่งก็จะเห็นจุดพังถล่มและแหลกละเอียด นั่นเกิดจากการยิงโจมตีจากนายท่านเจ็ดและเรือของผู้บำเพ็ญสำนักเจ็ดเนตรโลหิตระดับสร้างฐานและระดับหลอมตันเถียน

ที่ไกลลิบๆ ควันดำลอยโขมง เสียงการต่อสู้ดังมาจากทั่วทุกสารทิศไม่ขาดสาย ทั้งเกาะอยู่ในสภาวะสงครามโกลาหล

สวี่ชิงเก็บสายตาลง พุ่งตรงไปยังเมืองกระดูกปลา ที่นั่นดูเหมือนไม่ไกล แค่ความจริงแล้วเมื่อเดินทางขึ้นมาจริงๆ ต่อให้ด้วยความเร็วระดับสวี่ชิงยังต้องใช้เวลาครึ่งชั่วยามถึงจะเข้าใกล้ได้

และจากการเข้าใกล้มา ความยิ่งใหญ่ของกระดูกปลาก็ยิ่งปรากฏออกมาให้เห็นอย่างน่าตกใจ

สวี่ชิงมองกระดูกนี่ เขายากจะจินตนาการได้ว่าปลาตัวนี้ตอนยังมีชีวิตอยู่ในทะเลต้องห้ามจะสะเทือนฟ้าดินถึงเพียงใด ต่อให้ตอนนี้ตายไปแล้ว แต่พลังกดดันก็ยังแข็งแกร่ง

แต่เห็นได้ชัดว่าพลังกดดันนี้ไม่มีภัยคุกคามอะไรกับเผ่าเงือก บางทีอาจเกี่ยวกับลักษณะพิเศษของเผ่าพันธุ์นี้ก็ได้ แต่สำหรับเผ่าพันธุ์อื่นแล้วไม่เหมือนกัน

ในใจเกิดระลอกคลื่นอารมณ์ภายใต้พลังกดดันนี้ พลังบำเพ็ญก็ถูกสะกดไปไม่น้อย เพียงแต่ทั้งฟ้าดินตอนนี้อยู่ในการปกคลุมของทะเลแสงสีม่วง ดังนั้นไม่ว่าพลังกดดันของกระดูกปลาจะเคยมีมากมายเพียงใด ตอนนี้ก็ถูกสะกดควบคุมไปกว่าครึ่ง

ส่วนที่เหลือแม้ในความรู้สึกจะแข็งแกร่ง แต่ผลกระทบต่อพลังบำเพ็ญก็ไม่ได้มากเท่าไรแล้ว

ในขณะที่เข้าไปใกล้ สวี่ชิงได้ยินเสียงระเบิดดังมาไม่ขาดสาย และสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นวิชาเวท เขารู้ว่ามีศิษย์จำนวนไม่น้อยชิงเข้าไปก่อนแล้ว ดังนั้นร่างจึงเพียงไหววูบก็ทะยานย่างเข้ามาในเมืองทันที

เมืองจวีอิงที่สร้างอยู่บนกระดูกปลาแห่งนี้รูปแบบของสิ่งก่อสร้างน่าอัศจรรย์มาก บ้างก็มีรูปร่างเหมือนบ้านเรือนของเผ่ามนุษย์ บ้างก็แปลกประหลาดเหมือนรังผึ้ง แล้วยังมีใช้พืชที่เหมือนเห็ดหรือไม่ก็สาหร่ายทะเลมาเป็นที่พักอาศัย

แล้วก็ยังมีอีกจำนวนหนึ่งเป็นซากเรืออับปางกับเปลือกหอยตั้งเอาไว้

ในนั้นสิ่งก่อสร้างอย่างเผ่ามนุษย์พวกนั้นเห็นได้ชัดว่ามีรูปแบบอย่างสำนักเจ็ดเนตรโลหิต อีกทั้งสิ่งก่อสร้างประเภทนี้ยังมีโครงสร้างเป็นอิฐและกระเบื้อง เหมือนว่าเจ็ดเนตรโลหิตเคยมาสร้างให้กับเผ่าเงือก

สวี่ชิงกวาดสายตาแต่ไม่ได้หยุดเคลื่อนที่ พุ่งตรงไปยังใจกลางเมือง

จุดมุ่งหมายของเขาคือเจดีย์สร้างฐานที่ใจกลางเมืองแห่งนี้

ตามเบาะแสที่หวงเหยียนให้มา ตะเกียงดับวิญญาณที่เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ระดับสร้างฐานอยู่ในเจดีย์สร้างฐานแห่งนี้ ที่แห่งนั้นปกติแล้วจะมีผู้แข็งแกร่งเผ่าเงือกเฝ้าอย่างเข้มงวด

‘ต้องหาวิธีเอามันมา หากไม่สามารถลงมือได้เช่นนั้นก็ไปคลังลูกกลอนที่อยู่เมืองนี้ ไปหาลูกกลอนสร้างฐาน’ สวี่ชิงรู้ว่าเวลาเร่งรีบมาก ตอนนี้จึงสำแดงความเร็วเต็มกำลัง เกิดเป็นเสียงแหวกอากาศ พุ่งตรงไปข้างหน้า

แต่เขาไม่ได้ใช้ยันต์บินทะยาน จะอย่างไรความแตกต่างระหว่างวิ่งตะบึงไปในเมืองก็แตกต่างกับการบินอย่างรวดเร็วบนฟ้าก็มากมายนัก แต่อย่างหลังดึงดูดสายตาเกินไป แม้ผู้บำเพ็ญเผ่าเงือกจะถูกสะกดพลังบำเพ็ญ อีกทั้งสวี่ชิงยังแข็งแกร่งมาก แต่นี่จะเป็นการดึงดูดสายตาเกินไป อย่างไรก็ไม่เหมาะ

ตอนนี้ในขณะที่เคลื่อนไปข้างหน้า จากการที่สวี่ชิงเข้าใกล้จุดมุ่งหมายเข้ามาเรื่อยๆ เขาก็ได้เห็นลูกศิษย์ของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตจำนวนหนึ่งมาตลอดทาง ลูกศิษย์เหล่านี้ส่วนมากล้วนเคลื่อนตัวไปในที่มืดและตามมุม กวาดค้นสิ่งของอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ ต่อให้เป็นการสังหารก็มักจะเกิดขึ้นจากผลประโยชน์

น้อยนักที่จะมีคนตั้งใจฆ่า

ต่อให้เกิดการกระทบกระทั่งจากของที่มีราคาชิ้นเดียวกัน แต่ก็มักจะเพียงปะทะก็เลี่ยงจากกันทันที อย่างไรเสียเมืองกว้างใหญ่ขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเล็กๆ

ในขณะเดียวกัน สวี่ชิงก็ได้เห็นสิ่งก่อสร้างที่เป็นสัญลักษณ์พิสูจน์ความสัมพันธ์เป็นพันธมิตรกันของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตและเผ่าเงือก ยกตัวอย่างเช่นหลักศิลาที่เขาเห็นตอนนี้

หลักศิลานี้สูงมาก รักษาเอาไว้ได้สมบูรณ์ บนนั้นมีชื่อสลักเอาไว้จำนวนมหาศาล

ดูจากตัวอักษรที่บรรยาย นี่คืออนุเสาวรีย์ฝังกระดูกที่หลงเหลือจากการที่สำนักเจ็ดเนตรโลหิตมาช่วยเหลือวิกฤตเผ่าเงือกเมื่อหลายปีก่อนครั้งนั้น

หลักศิลาสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ เหมือนมีคนมาทำความสะอาดอยู่บ่อยๆ

แต่เมื่อดูให้ละเอียด หลักศิลาที่สูญเสียพลังอำพรางภายใต้การส่องทะลุจากค่ายกลบนท้องฟ้า ก็จะเห็นว่ากระดูกทั้งหมดหายไปแล้ว

อีกทั้งยังเห็นร่องรอยได้ชัดว่าถูกขุดออกไป…

สวี่ชิงมองหลักศิลาแล้วเงยหน้ามองผู้บำเพ็ญบนเขาทั้งหลายของยอดเขาที่เจ็ด สำนักเจ็ดเนตรโลหิตที่อยู่บนท้องฟ้า เขาเข้าใจเหตุผลที่ทำไมผู้นำระดับสูงของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตถึงได้โกรธแค้นเช่นนี้แล้ว

แต่สำหรับสวี่ชิง เขามาสำนักเจ็ดเนตรโลหิตได้ไม่นานเท่าไร ทุกอย่างล้วนเพื่อผลประโยชน์ ดังนั้นจึงเทใจลงไปไม่มาก เพียงแต่ในใจรังเกียจพฤติกรรมเนรคุณแบบนี้ไปตามสัญชาตญาณก็เท่านั้น

ตอนนี้เขาดึงสายตากลับมา มือขวาพลันยกขึ้น หยดน้ำมหาศาลปรากฏขึ้นมาทันที ก่อนจะก่อตัวเป็นเกราะป้องกัน ขวางกั้นฟองอากาศสิบกว่าฟองที่จู่ๆ ก็พุ่งมายังหลักศิลาอย่างรวดเร็ว

ฟองอากาศพวกนี้เมื่อสัมผัสกับหยดน้ำก็สลายไปทันที เกิดเป็นระลอกคลื่นรุนแรงแผ่กระจายออกไป มีเงาร่างของผู้บำเพ็ญเผ่าเงือกห้าร่างพุ่งมาหาสวี่ชิงจากรอบด้านพร้อมด้วยความดุดันและเหี้ยมเกรียม

สวี่ชิงมองไปอย่างเย็นชา พลันสะบัดมือก็มีม่านน้ำแผ่ออกมาจากรอบตัวเขาทันที ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นธนูวารีที่มีความคมกริบ พุ่งออกไปหาพวกเขาฉับพลัน

ร่างของสวี่ชิงเพียงไหววูบก็หายไปจากตรงนั้น หลังจากที่เขาจากไป ร่างของผู้บำเพ็ญเผ่าเงือกทั้งห้าก็เป็นรูพรุน ล้มลงดับดิ้นกับพื้น ถุงหนังในตัวถูกหยดน้ำหอบม้วนไล่ตามสวี่ชิงไปอย่างรวดเร็ว สวี่ชิงคว้าเก็บเอาไว้เรียบร้อยในขณะที่วิ่งทะยานอยู่ ฝีเท้าของเขารวดเร็วราวบิน ใกล้เจดีย์สร้างฐานเข้ามาเรื่อยๆ

สวี่ชิงทำเช่นนี้ตลอดทาง เขาไม่มีความคิดจะฆ่าคน แค่มุ่งหน้าไปยังสถานที่เป้าหมาย แน่นอนว่าหากเจอคนไม่ดูตาม้าตาเรือเป็นฝ่ายหาเรื่องมาก่อน เขาก็ไม่รังเกียจที่จะได้ผลเก็บเกี่ยวเพิ่มอีกเล็กน้อย

สุดท้ายหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม สวี่ชิงก็เห็นเจดีย์สร้างฐานที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง

ลักษณะของเจดีย์นี้ไม่เหมือนทั่วๆ ไป จากคำบรรยายในแผ่นหยกของหวงเหยียน เจดีย์นี้คือรูปร่างของจวีอิง เทพเจ้าของเผ่าเงือก

มองไกลๆ แล้ว รูปร่างของเจดีย์นี้เหมือนหญิงชราสวมชุดคลุมยาว แต่รอบกายกลับมีรยางค์นับไม่ถ้วน รยางค์ทุกเส้นมีดวงตา ในขณะที่ล้อมรอบๆ มองไปจากด้านข้างแล้ว ที่หลังหญิงชราเหมือนมีหน้าผี

จะเห็นลิ้นยาวเหยียดห้อยอยู่ข้างๆ เหมือนเป็นเงาของจวีอิง

และบนสุดของเจดีย์ก็คือส่วนหัวของจวีอิง อาศัยการฉลุของตัวสิ่งก่อสร้างทำให้มองเห็นตะเกียงดวงหนึ่งในนั้น

ห่างไกลอยู่มากจึงมองรายละเอียดไม่ชัด แต่เหมือนในนั้นจะมีคนนั่งขัดสมาธิสมาธิอยู่ เหมือนว่ากำลังจะทะลวงขั้นใต้ตะเกียงดวงนี้ นอกเจดีย์ยังมีองครักษ์จำนวนไม่น้อยกำลังเฝ้ารักษาความปลอดภัยอย่างร้อนรน

สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง มองออกว่าอีกฝ่ายโชคไม่ดีมาสร้างฐานร้อยวันในเวลานี้ ก็ไม่อาจสำเร็จไปเก้าส่วนแล้วภายใต้การเปลี่ยนแปลงในวันนี้

ในขณะเดียวกัน ในพริบตาที่สวี่ชิงสำรวจเจดีย์สร้างฐาน จิตสังหารกลุ่มหนึ่งก็ปะทุมาจากข้างๆ ฝ่ามือสีเขียวข้างหนึ่งมือถือเปลือกหอยขนาดใหญ่คมกริบ ปรากฏขึ้นมาอย่างเงียบงัน ปาดมายังคอของสวี่ชิง

สวี่ชิงเลิกคิ้ว พลังบำเพ็ญในตัวปะทุ เงาป๋าข้างหลังปรากฏขึ้นส่งเสียงคำรามไร้เสียงออกมา เกิดเป็นพลังร้อนแผดเผาน่าพรั่นพรึงแผ่กระจายดังสนั่นหวั่นไหวไปรอบๆ

ทำให้เปลือกหอยที่ฟันมาที่คอของเขาแหลกสลายไปในทันที ฝ่ามือที่ถือเปลือกหอยก็หดกลับไปทันทีเช่นกัน มีเงาร่างกึ่งโปร่งแสงร่างหนึ่งถอยไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางการบิดเบี้ยวรางเลือน

จิตสังหารในดวงตาสวี่ชิงฉายวูบ มองเงาที่อยู่ในคลื่นความร้อนแม้จะคิดซ่อนตัวอย่างสุดกำลัง แต่ก็ยังเผยเค้าร่างรางเลือนออกมาอยู่ดี ก็พลันพุ่งไปหา

หลังจากเข้าประชิดในพริบตา มือขวาสวี่ชิงก็ชกออกไปหมัดหนึ่ง

รอบๆ ระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว หมัดนี้ของสวี่ชิงรวมกับเงาป๋า ต่อให้เป็นเป็นระดับสร้างฐานหากไม่เปิดสภาวะแสงนภาก็ยังต้องสั่นสะเทือนไปเหมือนกัน เงาร่างแปลกประหลาดนั่นเห็นได้ชัดว่าตกใจมาก คิดอยากจะหลบหลีกแต่ก็ไม่ทันแล้ว

แต่ในช่วงสำคัญของวิกฤตอันตราย ของวิเศษอักขระชิ้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างหน้าผู้บำเพ็ญกึ่งโปร่งแสงคนนี้ตามการปรากฏขึ้นของประกายแสงสีฟ้า แล้วแปรเปลี่ยนเป็นม่านแสงเข้าต้านทานทันที

เสียงระเบิดดังขึ้น แสงของวิเศษอักขระทนรับไม่ไหวแตกสลายทันที ในขณะที่หอบม้วนกลับไปแต่สวี่ชิงกลับเร็วกว่า ก้าวเท้าเข้าประชิด ทว่าข้างหน้ากลับว่างเปล่า เงาของอีกฝ่ายหายไปแล้วโดยสมบูรณ์

“ซ่อนตัวได้หรือ” สวี่ชิงหรี่ตา หมุนตัวเดินไปทางเจดีย์สร้างฐาน เหมือนล้มเลิกการตามหา แต่ในตอนที่เขาก้าวออกไปเป็นก้าวที่เจ็ด ร่างของเขาก็พลันขยับไปชนกับข้างหลังอย่างเต็มแรง

ในขณะที่เสียงระเบิดดังขึ้น กริชก็มาปรากฏขึ้นในมือขวาของเขา ใช้หลังกระแทกพลางแทงไปข้างหลังครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างโหดเหี้ยมไม่หยุด

ระหว่างนั้นก็ปล่อยให้เงาร่างกึ่งโปร่งแสงนั่นดิ้นรนโจมตีร่างของเขาไม่หยุด ด้วยพลังกายเนื้อที่แข็งแกร่งของสวี่ชิงจึงทำให้เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ต่อให้ได้รับบาดเจ็บเขาก็ไม่สนใจ

เสี้ยวพริบตาต่อมาเขาก็หมุนตัว ยกมือซ้ายขึ้นคว้าไปข้างหลัง แล้วเหวี่ยงไปข้างหน้า พื้นดินส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เงาร่างกึ่งโปร่งแสงที่ถูกเขาแทงไปหลายสิบครั้งภายใต้การถูกทุ่มลงมาพลังบำเพ็ญสะเทือนจนสลายไป อีกทั้งยังโดนพิษร้ายแรง ในที่สุดก็ปรากฏออกมา

ดวงตาสีเขียว ร่างเต็มไปด้วยเกล็ด ทั้งยังมีช่องเหงือกที่เห็นได้ชัดนั่น เป็นเผ่าเงือกนั่นเอง

อีกฝ่ายดูแล้วเป็นชายกลางคน พลังบำเพ็ญแม้จะเป็นระดับรวมปราณบริบูรณ์ แต่หากเป็นลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตขั้นบริบูรณ์คนอื่นมาเจอ เป็นตายก็ยากจะคาดเดา

เพราะสามารถทนพิษของสวี่ชิงมาได้นานขนาดนี้แล้วเพิ่งจะแสดงอาการออกมาเล็กน้อย อีกทั้งการลงมือก็แปลกประหลาด อธิบายได้เพียงว่าพลังบำเพ็ญของคนคนนี้ไม่ใช่ระดับรวมปราณ

นี่คือผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานเผ่าเงือก!

ถูกค่ายกลควบคุมลดขอบเขตถึงได้กลายเป็นระดับรวมปราณบริบูรณ์

ตอนนี้ในดวงตาของเขาแฝงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ทั้งๆ ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ยังกัดปลายลิ้นคิดจะโจมตีคืน แต่เสี้ยวพริบตาต่อมา ประกายสีดำทางหนึ่งก็ฉายประกายวูบ เหล็กแหลมสีดำที่มาพร้อมความคมและรวดเร็วน่าหวาดกลัวทะลุผ่านหว่างคิ้วของเขาไป

หลังจากที่แทงทะลุแล้ว เหล็กแหลมสีดำก็แผ่ระลอกพลังระดับสร้างฐานกลุ่มหนึ่งเข้าไปทั่วทั้งร่างเผ่าเงือกคนนี้ ทำลายอวัยวะภายในทั้งหมดของเขา

เห็นอีกฝ่ายตายสนิทดีแล้ว สวี่ชิงถึงได้เดินเข้าไปใกล้ดึงเหล็กแหลมสีดำออกมา ทั้งยังค้นเจอถุงใบหนึ่งในตัวผู้บำเพ็ญเผ่าเงือกคนนี้

นี่ไม่ใช่ถุงหนังทั่วไปแต่เป็นถุงเก็บของ!

สวี่ชิงหัวใจเต้นโครมครามอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้เปิดดูในทันที แต่เก็บมันลงไป ก่อนจะพุ่งไปยังเจดีย์สร้างฐานที่อยู่ข้างหน้า

ในขณะเดียวกัน บนท้องฟ้า นายท่านเจ็ดยืนมือไพล่หลังทอดสายตามองไปยังท้องฟ้าไกล ข้างหลังของเขาเป็นผู้อาวุโสทั้งสิบสามและผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานร้อยกว่าคน พวกเขาต่างยืนอย่างนิ่งเงียบ

ส่วนข้างๆ นายท่านเจ็ดมีหยดน้ำขนาดมหึมาสองหยดลอยอยู่ ในนั้นนอกจากจะผนึกผู้บำเพ็ญที่เหมือนศพคนนั้นเอาไว้แล้ว ยังมีบรรพจารย์เผ่าเงือก

ตอนนี้บรรพจารย์เผ่าเงือกมองไปยังเกาะข้างล่างผ่านหยดน้ำ จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา

“เจิ้งข่ายอี้ เจ้าคิดว่ากุมชัยชนะเอาไว้ได้แล้วอย่างนั้นหรือ!”

แทบจะในเวลาเดียวกับที่เขาพูดออกมา เกาะเงือกทั้งสี่ก็พลันสั่นไหวขึ้นมา แสงสีดำเป็นระลอกๆ จู่ๆ ก็ปะทุจากทะเลรอบๆ เข้าปกคลุมเกาะอย่างรวดเร็ว เพียงเสี้ยวพริบตาก็เชื่อมเข้าด้วยกัน แปรเปลี่ยนเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ เหมือนเกราะสีดำที่ครอบทุกอย่างเอาไว้ข้างใน

เกราะแสงสีดำนี้บิดเบี้ยวไม่หยุด เหมือนว่ากำลังหักล้างกับพลังค่ายกลสำนักเจ็ดเนตรโลหิต และหากค่ายกลสำนักเจ็ดเนตรโลหิตถูกแก้ได้ เช่นนั้นพลังบำเพ็ญของผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานเผ่าเงือกที่อยู่ในนั้นก็จะคืนกลับมาทันที

ถึงตอนนั้น การแข่งขันครั้งใหญ่ครั้งนี้ก็จะกลายเป็นเผ่าเงือกฆ่าล้างสังหารลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตแทน!

“เจิ้งข่ายอี้ ตอนนี้เผ่าสิงซากสมุทรจะต้องอยู่ระหว่างทางแน่แล้ว น่าจะใกล้ถึงแล้วด้วย ส่วนลูกศิษย์พวกนี้ของเจ้าอีกไม่นานก็จะกลายเป็นเครื่องสังเวยของข้าจากการสลายไปของค่ายกลสำนักของเจ้า!”

ในชั่วอึดใจที่บรรพจารย์เผ่าเงือกเอ่ยยิ้มเหี้ยมเกรียม ท้องฟ้าไกลลิบจู่ๆ ก็มีแสงสีดำปะทุขึ้นมา คลื่นวนขนาดมหึมาวงหนึ่งพลันปรากฏบนท้องฟ้า กลิ่นกายแห่งความตายที่มาพร้อมด้วยความเย็นเยียบสุดขั้นแผ่มาจากในนั้นอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ผิวน้ำเหมือนจะกลายเป็นน้ำแข็ง

ในขณะเดียวกับที่กลิ่นอายนี้ปกคลุมฟ้าดิน จระเข้ที่เน่าไปครึ่งหนึ่งขนาดพันจั้งก็คำรามเสียงต่ำคลานออกมา

ดวงตาสีเหลืองฉายความเย็นชาออกมา ร่างที่วิญญาณแค้นจำนวนนับไม่ถ้วนลอยเอ่อฉายความเหี้ยมเกรียมออกมา ตอนนี้ก็เห็นที่หัวของจระเข้เน่าตัวนี้มีเงาหลายเงายืนอยู่จากการที่มันคลานออกมา และทุกเงาล้วนมีกลิ่นอายน่าครั่นคร้าม ส่วนข้างหลังพวกเขาคือกองทัพผู้บำเพ็ญมากมายมืดฟ้ามัวดิน!

เป็น…เผ่าสิงซากสมุทรนั่นเอง!

“ในที่สุดก็มาแล้ว” นายท่านเจ็ดมองทุกอย่างด้วยสีหน้าเป็นปกติ แย้มยิ้มบางเบา