ตอนที่ 119 การปฏิรูปของไห่ซื่อ

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

ตอนที่ 119 การปฏิรูปของไห่ซื่อ

จ้าวลี่ซูพยายามควบคุมอารมณ์ตนเองแล้ว แต่เขาก็ไม่อาจระงับความโกรธในใจได้! เขาระบายใส่ใครไม่ได้จึงได้แต่เก็บไว้ในใจ!

มีช่องทางมากมายในการยื่นสอบรอบสอง ไม่เพียงแต่ที่ไห่ซื่อเท่านั้น แต่ทั้งทั่วประเทศและทั่วโลกก็เป็นเช่นนั้น

การปฏิเสธรับนักศึกษาเป็นเรื่องปกติขนาดนั้นเชียวหรือ

อย่าว่าแต่วงการการแพทย์เลย วงการอื่นๆ ก็มีเรื่องทำนองนี้เช่นกัน ยิ่งมีอาจารย์ระดับแนวหน้ามากเท่าใดก็ยิ่งมีคนมาสมัครมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งตำแหน่งสูงๆ ก็ยิ่งมีคนถูกปฏิเสธมากขึ้น

แม้ว่าคุณจะได้คะแนนสูงก็ตาม แต่คะแนนของผู้สมัครปีก่อนๆ ก็ไม่น้อยไม่ใช่หรือ ต่อให้จะได้คะแนนสูงเหมือนกัน แต่ก็ยังมีความสูงต่ำของคะแนนอยู่ดี!

ต่อให้บรรดาคนที่ถูกปฏิเสธจะโทษตัวเองก็ตาม แต่พวกเขาก็หาเหตุผลมาปลอบใจตนเองได้เสมอ เช่น เขาอาจจะไม่เก่งในบางด้าน เก่งสู้คนอื่นในด้านนั้นๆ ไม่ได้ ไม่ก็เป็นตัวเลือกแรกๆ ของมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว หรือรักษาสิทธิ์ให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยตนเอง รับแต่ผู้สมัครจากมหาวิทยาลัยดังๆ มีคนแนะนำอาจารย์ที่ปรึกษาให้ ไม่ก็คนอื่นๆ มีเส้นสาย…

มีข้อแก้ตัวมากมายไปหมด เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ต่อให้ผู้สมัครทุกคนจะรู้อยู่แก่ใจก็ตาม แต่พวกเขาก็มักจะคิดว่าเพียงเพราะตนโชคร้ายเท่านั้น!

ทว่าเคสของไป๋เยี่ยกลับกลายเป็นประเด็นใหญ่ สร้างความวุ่นวายไปทั่ว!

จ้าวลี่ซูถอนหายใจ โดยที่มีหัวหน้าฝ่ายคอยพูดให้เขาใจเย็นลง “ผอ.ครับ ใจเย็นๆ แล้วนั่งลงก่อนนะครับ เรื่องก็เกิดไปแล้ว เรามาลองคิดหาวิธีแก้ปัญหากันดีกว่าครับ!”

จ้าวลี่ซูถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะนั่งลง สถานการณ์ตรงหน้าตกอยู่ในความเงียบ

หากไม่จัดการให้เรียบร้อย ต่อไปจะต้องเกิดผลเสียต่อไห่ซื่อแน่ๆ

ทั้งชื่อเสียง อิทธิพลด้านลบ และความถูกต้อง…

กล่าวได้ว่าประเด็นนี้ทำให้ทั้งไห่ซื่อลุกเป็นไฟ!

ถ้าไม่ได้รับการจัดการที่ดีพอจะต้องเกิดผลร้ายแรงแน่นอน!

เลขาธิการประจำคณะกรรมการบริหารนั่งเงียบตั้งแต่ตอนที่เข้ามา หลังจากที่ผู้อำนวยการพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “งานฝ่ายนักศึกษาระดับปริญญาโทถือเป็นส่วนสำคัญมากของเรามาโดยตลอด เหตุการณ์นี้เผยให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานของเรา เรามีปัญหากับการสอบเรียนต่อระดับปริญญาโทรอบที่สองมานานแล้ว เรียนผอ.จ้าว จะประชาสัมพันธ์เรื่องนี้อย่างเดียวไม่ได้นะครับ เราต้องจัดการแก้ไขปัญหาอย่างเคร่งครัด!”

วันถัดไป!

ประกาศถูกโพสต์ลงบนเว็บไซต์ทางการของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อ!

[มาตรฐานการรับนักศึกษาระดับปริญญาโท]

เนื้อหาของประกาศพูดถึงกฎระเบียบเก่าในการรับนักศึกษาเข้าเรียนในระดับสูงกว่าปริญญาตรี เกณฑ์และระบบคิดคะแนนที่ล้าหลังเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย…จึงต้องมีการแก้ไขกฎระเบียบหลายข้อ…

ต่อจากนี้ไปก่อนการสอบจะเริ่มขึ้น จะมีการตรวจสอบและอนุมัติเอกสารต่างๆ ที่นักศึกษาส่งมาอย่างเข้มงวด ทั้งยังส่งเสริมความสามารถและคุณสมบัติต่างๆ ของนักศึกษาด้วย

และข้อความในตอนท้ายก็ทำให้ทุกคนตกใจยิ่งกว่าเดิม!

‘จางเหิง ผู้อำนวยการฝ่ายปริญญาโทถูกย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการแพทย์แผนจีนขั้นพื้นฐานและรับผิดชอบงานในศูนย์เอกสาร’

ผู้อำนวยการฝ่ายปริญญาโทถูกย้ายมาสถาบันวิจัยการแพทย์แผนจีนขั้นพื้นฐานเพื่อรับผิดชอบงานเอกสาร!

ทำเอาทุกคนอึ้งไปครู่หนึ่ง!

ผู้อำนวยการฝ่ายปริญญาโททำงานชุ่ยมาก! ทั้งที่ดำรงอยู่ในตำแหน่งที่ทรงอำนาจ! ต้องคอยสอดส่องดูแลสถานการณ์โดยรวมของนักศึกษาระดับปริญญาโท…

แต่เขากลับถูกย้ายตำแหน่งเสียอย่างนั้น…

บ่ายวันนั้น

มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อเปิดเผยภาพถ่ายและวิดีโอการสอบปฏิบัติ การสอบสัมภาษณ์ และการตรวจร่างกายของทั้งไป๋เยี่ยและฟู่ย่าตงอย่างเปิดเผย

มีการอธิบายถึงจุดที่หักคะแนน แม้ว่าระดับของไป๋เยี่ยจะสูงมากก็ตาม แต่ทุกคนก็ได้เห็นว่าฟู่ย่าตงนั้นก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลย

ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะด้านภาคปฏิบัติและการเขียนเวชระเบียนของเขาดูจะชำนาญกว่าไป๋เยี่ยนิดหน่อย เพราะท้ายที่สุดแล้ว การฝึกงานของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยก็จำกัดอยู่แค่ในโรงพยาบาลเท่านั้น อีกทั้งการกำกับดูแลการฝึกงานยังเข้มงวดมากด้วย ทักษะด้านภาคปฏิบัติจึงยังคงเป็นสิ่งสำคัญ

นอกจากนี้ฟู่ย่าตงยังเป็นนักศึกษาดีเด่นผู้ได้รับทุนสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และได้เข้าร่วมในโครงการต่างๆ มากมายจากอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ผู้คนจึงชื่นชอบเขากันอยู่พอตัว

แน่นอนว่าไป๋เยี่ยถูกหักคะแนนข้อเขียนเพราะเขาตอบสิ่งที่เป็นแนวคิดของตนเองมากเกินไป อย่างไรเสียข้อสอบก็เป็นการตั้งคำถามเชิงอัตวิสัยอยู่ดี

ชาวเน็ตมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป บางคนก็บอกว่าแนวคิดที่จะบูรณาการการแพทย์แผนจีนเข้ากับการแพทย์แผนปัจจุบันของไป๋เยี่ยดีกว่า ในขณะที่บางคนบอกว่าแนวคิดของฟู่ย่าตงดีกว่า

บางทีคำพูดของชาวเน็ตก็อาจจะพิสูจน์อะไรมากไม่ได้ ทว่าตอนนี้ ความวุ่นวายในครั้งนี้ได้ดึงบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาพัวพันเป็นจำนวนมากแล้ว!

ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนกว่างโจวกล่าวว่า [พูดตามตรง คำตอบของไป๋เยี่ยทำให้ผมพอใจมาก]

หัวหน้าฝ่ายปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนหนานจิง [ถ้านักศึกษาคนดังกล่าวยังถูกปฏิเสธจากไห่ซื่ออีกล่ะก็ ผมหวังว่าเขาจะมาที่มหา’ ลัยของเรานะ คงจะดีมาก!]

รองผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนปักกิ่ง [ถ้าไป๋เยี่ยสนใจจะมาที่มหาวิทยาลัยของเรา ทางเราก็พร้อมเปิดโอกาสให้เต็มที่ เราจะรับเขาเข้ามาเป็นกรณีพิเศษและมอบทุนการศึกษาระดับชาติให้กับเขา]

แต่ก็มีพวกสอดรู้สอดเห็นคอยดูดภาพใบลงนามของปรมาจารย์ทั้งสิบท่านจากในอัลบั้มเวยป๋อของไป๋เยี่ยไปโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ต

สิ่งนี้ทำให้คนกลุ่มหนึ่งตื่นตกใจ ฑ์เพราะถึงแม้ว่าการฝากตัวเป็นศิษย์จะไม่ถูกเก็บเป็นความลับแต่ก็มีคนให้ความสนใจกับเรื่องนี้เพียงไม่กี่คน เพราะทุกคนต่างให้ความสนใจกับพิธีมอบรางวัลมากกว่า

ใครจะไปคิดว่าไป๋เยี่ยจะได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับยอดปรมาจารย์ทั้งสิบท่าน!

แต่ทุกคนก็ต้องเงียบปากลง เมื่อได้เห็นหลักฐาน!

ไป๋เยี่ยกลายเป็นยอดมนุษย์ในชั่วพริบตา ชายหนุ่มที่สอบเข้าได้ด้วยความเพียรพยายามของตน แม้ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากบุคคลทรงอำนาจมากมายชวนให้คนอื่นรู้สึกอิจฉา เพราะพวกเขาไม่มีวันได้รับมันในชีวิตนี้ก็ตาม แต่ไป๋เยี่ยก็ยังคงทำทุกอย่างโดยยึดตามกฎระเบียบ

คนอย่างเขาควรค่าแก่การถูกชื่นชมไม่ใช่หรือ

อย่างไรก็ตาม ทางมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อก็ได้ออกแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์นี้ต่อสาธารณะ

ผู้อำนวยการจ้าวลี่ซูกล่าว “การรับนักศึกษาเข้าศึกษาต่อในระดับสูงกว่าปริญญาตรีในนี้ได้เผยให้เห็นถึงความบกพร่องที่มีอยู่มานานแล้ว นั่นคือความบกพร่องเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆ ของผู้เข้าสมัคร ถือเป็นความละเลยในหน้าที่ของทางเราเอง ต่อจากนี้ไปทางมหาวิทยาลัยของเราจะให้ความสำคัญกับงานฝ่ายนักศึกษามากขึ้น…สุดท้ายแล้ว ผมอยากบอกผู้สมัครทุกท่านว่า ขอบคุณที่ไว้วางใจและเลือกมหาวิทยาลัยของเรา ทางเราจะไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวังอีกแน่นอนครับ!”

ข่าวนี้ติดอันดับที่สามของงฮ็อตเสิร์ชอย่างรวดเร็ว!

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับไป๋เยี่ยทำให้บรรดาคนที่เกี่ยวข้องต้องสั่นสะเทือนกันไปหมด

นักศึกษาคนหนึ่งทำให้มหาวิทยาลัยชื่อดังค้นพบข้อบกพร่องและปรับเปลี่ยนระบบของทางมหาวิทยาลัยได้! ช่างเป็นเรื่องน่าภูมิใจจริงๆ

หลังจากนั้นไม่นาน มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อก็ได้สร้างกระแสการควบคุมขั้นตอนการรับสมัครนักศึกษาระดับปริญญาโทขึ้น ยกเลิกกฎเกณฑ์ที่ไม่ยุติธรรมและล้าหลัง จัดตั้งเกณฑ์การคิดคะแนนขึ้นใหม่

ส่วนตัวต้นเรื่องอย่างไป๋เยี่ยก็ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอะไรในช่วงไม่กี่วันนี้ ราวกับว่าเขาหายตัวไปแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีปรมาจารย์ท่านใดให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

เหตุการณ์นี้จึงถูกลืมเลือนไป…

วันรุ่งขึ้น ประเด็นฮ็อตเสิร์ชเรื่องมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อและชื่อของไป๋เยี่ยก็หายไป

มีเพียงข่าวการฆ่าตัวตายของดาราสาวคนหนึ่ง ข่าวดาราชายยอมรับว่านอกใจภรรยา

ข่าวหญิงสาวหายตัวไป ไม่ยอมกลับหอพัก แต่สามีของเธอกลับเชื่อว่า…ข่าวศิลปินคนนั้นคนนี้จัดคอนเสิร์ต หรือแม้แต่ข่าวการสารภาพรัก…

ไม่ว่าใครจะเป็นชู้ใคร ใครจะสนุกสนาน ใครจะสารภาพรัก หน้าฮ็อตเสิร์ชก็ดูจะเหมือนจะเป็นเวทีในกรแสดงอารมณ์สุขทุกข์โกรธรักสำหรับผู้คนเสมอนเ็็

บางที…นี่อาจจะเป็นเทรนด์ปกติของหน้าฮ็อตเสิร์ชอยู่แล้วก็ได้

หน้าฮ็อตเสิร์ชสงบลง ไม่มีข่าวเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่ออีกต่อไป

ราวกับว่า… เรื่องนี้…ได้หายไปแล้ว!

ทว่าการที่ข่าวหายไปไม่ได้แปลว่าเรื่องนี้จบลงแล้ว

ส่วนด้านมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี กระแสวิพากษ์วิจารณ์ไป๋เยี่ยก็ดูจะสงบลงไปแล้วเช่นกัน…

ทุกคนได้แต่มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่วันด้วยความอ้ำอึ้งทำตัวไม่ถูก