บทที่ 113 เพื่อนร่วมชั้น

บทที่ 113 เพื่อนร่วมชั้น

ไม่ไกลจากร้านชานม มันมีร้านขายนาฬิกาข้อมืออยู่จริง อู๋ฝานจึงเดินไปพร้อมกับถุงช็อปปิ้ง เพื่อรอคอยถังอวี่เฟยกลับมา

“ไปทางนู้นแล้วกัน ของตรงนี้แพงจริง!”

อู๋ฝานสำรวจมองนาฬิกาข้อมือภายในร้าน พบว่าถูกที่สุดของที่นี่ก็ราคาหลักหมื่น ส่วนที่แพงนั้นมีทั้งหลักแสน หรือกระทั่งหลักล้าน

มันไม่ใช่นาฬิกาข้อมือ แต่เป็นทรัพย์สิน ที่เปรียบดังทองคำ

“อู๋ฝาน?”

ขณะอู๋ฝานกำลังคร่ำครวญว่านาฬิกาข้อมือของที่นี่แพงล้นเหลือ ทันใดนั้นเองก็มีคนเรียกชื่อของเขา และยังเป็นเสียงที่คุ้นเคย

อู๋ฝานหันมองไปยังต้นตอของเสียง พบว่าเป็นร่างหนึ่งที่ดูคุ้นเคย

เจ้าเซียวถิง

เป็นเพื่อนร่วมชั้นมหาวิทยาลัยของอู๋ฝาน

เพียงแต่ว่า ตอนอู๋ฝานพบเห็นเพื่อนร่วมชั้นคนนี้ เขาไม่มีร่องรอยความยินดีแม้แต่น้อย กระทั่งขมวดคิ้วเสียด้วยซ้ำ

“นายจริงเหรอเนี่ย?” เจ้าเซียวถิงเดินเข้าหาถึงข้างกายของอู๋ฝาน “ก็รู้สึกว่าดูคุ้นตา แต่ไม่น่าเป็นไปได้ ทำไมนายมาโผล่หน้าที่ห้างหรูแบบนี้กันล่ะ? ไม่นึกเลยนะเนี่ย ว่าจะใช่นายจริงด้วย”

“สวัสดี” อู๋ฝานตอบกลับอย่างแข็งทื่อ ไม่ทั้งยินดี หรือว่ารังเกียจ

ราวกับเป็นการทักทายคนแปลกหน้าคนหนึ่งก็ไม่ปาน

“นายรู้ไหมว่าที่นี่ที่ไหน? รู้จักนาฬิกายี่ห้อคูลลี่ด้วย? นี่มันแบรนด์ระดับโลกเลยนะ” เจ้าเซียวถิงพูดออกมาด้วยสีหน้าภูมิอกภูมิใจ “ฉันล่ะนึกสงสัย ว่าคนอย่างนายเคยได้ยินชื่อนี้หรือเปล่าด้วยซ้ำ? บอกให้นายรู้นะ ของในร้านนี้ไม่ใช่อะไรที่นายจะจ่ายได้ไหวหรอก เรือนที่ถูกที่สุดก็น่าจะพอกับเงินเดือนของนายทั้งปีแล้ว แต่ก็ต้องบอกเลยว่าเข้าใจเลือกร้านได้ดี”

“เธอเป็นพนักงานที่นี่?” อู๋ฝานเอ่ยถาม ขณะสำรวจมองเจ้าเซียวถิง

ร่องรอยความกระดากอายปรากฏวาบผ่านบนใบหน้าของเจ้าเซียวถิง แต่เพียงไม่นานร่องรอยความถือดีก็กลับคืนมา “แล้วยังไง? ก็ได้เงินเยอะกว่านายแล้วกัน”

“ในเมื่อเป็นพนักงานของที่นี่ นี่เป็นวิธีที่ร้านแบรนด์นี้ใช้ต้อนรับลูกค้างั้นเหรอ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“ลูกค้า? มันก็ต้องดูกันว่าที่พูดอยู่ด้วยน่ะเป็นใคร กับลูกค้าตัวจริง พวกเราย่อมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นอยู่แล้ว แต่กับคนอย่างนายที่ไม่มีปัญญาจ่ายได้ไหว ไม่นับว่าเป็นลูกค้าหรอกนะ ไม่มีความจำเป็นต้องให้การต้อนรับเลยด้วยซ้ำ” เจ้าเซียวถิงตอบกลับ

เจ้าเซียวถิงเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของอู๋ฝาน และทราบสถานการณ์ทางบ้านของอู๋ฝาน และตอนนี้ก็เพิ่งผ่านช่วงหลังเรียนจบเพียงแค่หนึ่งปี ดังนั้นอู๋ฝานไม่มีทางที่จะเกิดพลิกฟ้าคว่ำดินแปรเปลี่ยนตัวเองอย่างกะทันหันได้ เมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ยังข้นแค้นอยู่ เพราะเคยเรียนด้วยกันมานานพอสมควร เธอจึงทราบดีว่าไม่ควรให้ค่าอะไรกับคนอย่างอู๋ฝาน

อย่างอู๋ฝานหรือจะซื้อนาฬิกาที่นี่ได้?

แน่นอนว่าเขาสามารถซื้อได้ไหว เพียงแต่ตอนนี้มันเป็นเงินที่ติดค้าง ตัวเขาจึงไม่มีเงินสด ทำให้ไม่มีทางนำเงินสดออกมาซื้อหาได้

“งั้นฉันเป็นลูกค้าหรือเปล่าคะ?” ถังอวี่เฟยก้าวเดินเข้ามาเชื่องช้า พร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใบปรากฏบนใบหน้า

เจ้าเซียวถิงหันมองถังอวี่เฟย เธอที่ทำงานในร้านนี้มายาวนาน เพียงมองชุดของถังอวี่เฟยก็ทราบได้ว่าเป็นแบรนด์หรูทั้งสิ้น ดังนั้นย่อมต้องเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อ

“ค่ะ แน่นอนค่ะ” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเจ้าเซียวถิง “คุณลูกค้าสนใจนาฬิกาข้อมือแบบไหนดีคะ? ขอเพียงแจ้งความต้องการให้ทราบ ดิฉันพร้อมจะนำเสนอให้เลือกสรร มันจะต้องเข้ากับคุณลูกค้าอย่างแน่นอนค่ะ”

เพียงเธอพูดจบ จึงหันมองอู๋ฝานพร้อมบอกด้วยสีหน้าแข็งกระด้าง “นายยังมัวยืนทำบื้ออะไรอยู่ที่นี่? รีบออกไปได้แล้ว อย่าได้รบกวนคุณลูกค้าที่มารับชมสินค้า”

ระหว่างอู๋ฝานกับถังอวี่เฟย เจ้าเซียวถิงแปรเปลี่ยนท่าทีและสีหน้าได้อย่างกะทันหัน

“คะ? ร้านนี้ไล่ลูกค้างั้นเหรอคะ? ยังคิดอยากจะขายของอยู่หรือเปล่า?” ถังอวี่เฟยเอ่ยถาม

เพราะถังอวี่เฟย เจ้าเซียวถิงจึงไม่กล้าเมินเฉยคำของเธอ ดังนั้นจึงเร่งร้อนอธิบาย “คุณผู้หญิงเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันรู้จักกับคนคนนี้ เขาไม่มีปัญญาซื้อสินค้าที่นี่ได้ไหวค่ะ เข้ามาในร้านนี้ก็คงเพราะอยากเปิดหูเปิดตา ดังนั้นไม่นับเป็นลูกค้าค่ะ”

“เธอกำลังบอกว่าแฟนของฉันไม่มีปัญญาซื้อของพวกนี้?” ถังอวี่เฟยเผยยิ้มที่หุบลง

“แฟน… แฟนเหรอคะ?” เจ้าเซียวถิงถึงกับชะงัก

อู๋ฝานที่ไม่มีอะไรดี กลับมีโฉมงามล่มเมืองคนหนึ่งเป็นแฟนได้ จะบอกว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันอย่างนั้นเหรอ? หยอกล้ออะไรกันเล่นหรือไม่?

อู๋ฝานไปหาสาวสวยพราวเสน่ห์ และยังงดงามล้นเหลือขนาดล่มเมืองเพียงนี้มาเป็นแฟนได้ยังไง?

ไม่เพียงแต่เจ้าเซียวถิงที่ชะงัก กระทั่งอู๋ฝานเองก็ชะงักเช่นเดียวกัน

เขาไปเป็นแฟนของถังอวี่เฟยตั้งแต่เมื่อไหร่?

อู๋ฝานที่กำลังจะพูดอะไรสักคำ แต่ถังอวี่เฟยที่อยู่ด้านข้าง กลับสาวเท้าก้าวเดินเข้าใกล้ ก่อนจะควงแขนของอู๋ฝานเอาไว้ มองอู๋ฝานด้วยสายตาลุ่มหลงพร้อมเอ่ยคำ “ที่รัก พนักงานขายของที่นี่ดูถูกคุณ ทัศนคติการบริการเลวร้ายขนาดนี้ พวกเราไปร้านอื่นกันเถอะค่ะ”

อู๋ฝานเหม่อมองอีกฝ่าย

“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ดิฉันต้องขออภัยด้วยค่ะ” ตอนนี้เองที่มีอีกคนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาจากอีกด้านของร้าน เป็นคนที่ดูมีอายุกว่าเจ้าเซียวถิง และเมื่อเธอมาถึงจึงกล่าวขอโทษขอโพยแก่ทั้งอู๋ฝานและถังอวี่เฟย “ดิฉันเป็นผู้จัดการของร้านนี้ ต้องขออภัยแทนพนักงานของเราด้วยค่ะ ดิฉันต้องขออภัยต่อการกระทำที่เกิดขึ้น คาดหวังว่าทั้งสองจะอภัยให้ค่ะ”

เพียงเธอพูดจบคำ จึงหันกลับไปจับจ้องเจ้าเซียวถิง “เธอเพิ่งมาทำงานที่นี่งั้นเหรอ? พูดกับลูกค้าแบบนี้ได้ยังไง? ยังอยากจะทำงานอยู่หรือเปล่า? รีบขอโทษลูกค้าเร็วเข้าสิ”

เจ้าเซียวถิงดูกราดเกรี้ยว เห็นได้ชัดว่าอู๋ฝานเป็นแค่คนยากจนคนหนึ่ง คนอย่างเขานับเป็นลูกค้าได้อย่างไร มีปัญญาซื้ออะไรจากร้านนี้หรือยังไง?

เพียงแต่ต่อหน้าผู้จัดการเธอไม่อาจกล้าปฏิเสธ

“ขออภัยด้วยค่ะ”

“ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด ที่รัก เปลี่ยนไปร้านอื่นกันค่ะ ฉันจำได้ว่าไม่ไกลออกไปมีร้านนาฬิกาอีกร้านหนึ่ง” ถังอวี่เฟยพูดกับอู๋ฝานด้วยท่าทีออดอ้อน

“ต้องให้สอนไหมว่าต้องทำยังไง? ถ้าลูกค้าสองคนนี้ออกจากร้าน เธอก็ไม่ต้องทำงานแล้ว” ผู้จัดการร้านจับจ้องเจ้าเซียวถิง

“ดิฉันต้องขออภัยค่ะ” เจ้าเซียวถิงขอโทษอีกครั้งหนึ่ง และครั้งนี้เป็นการพูดด้วยเสียงดัง สายตาที่มองยังอู๋ฝานและถังอวี่เฟย มันทั้งแตกตื่นและอ้อนวอน “ดิฉันไม่ควรพูดคำเหล่านั้นออกไป อู๋ฝาน เห็นแก่ความเป็นเพื่อน อภัยให้ฉันสักครั้งนะ”

อย่างที่รู้กันว่ามหาวิทยาลัยที่เจ้าเซียวถิงและอู๋ฝานเรียนด้วยกันมานั้นไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร การหางานจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ดังเช่นที่เคยได้รับรู้ไปแล้วว่าอู๋ฝานผ่านประสบการณ์ใดมาบ้าง

งานที่เจ้าเซียวถิงกำลังทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ง่ายที่จะไขว่คว้ามา ทั้งเงินเดือนและค่าคอมมิชชั่นต่างก็ดีเยี่ยม เธอจึงรักงานนี้อย่างล้นพ้น แม้ว่าใจยังไม่ยอมรับ แต่เธอก็ไม่กล้าแสดงอาการใดออกมา เพื่อขอให้อู๋ฝานยอมรับและเข้าใจ

ถังอวี่เฟยย่อมได้เห็นความไม่พอใจของเจ้าเซียวถิง ขณะนี้คิดพูดอะไรออกมา แต่แล้วอู๋ฝานกลับเป็นฝ่ายพูดขึ้นแทน “ช่างมัน ไม่เป็นไร”

แม้คำพูดของเจ้าเซียวถิงออกจะเกินเลยไป เพียงแต่ หากว่าต้องทำให้เธอตกงานเพราะคำพูดเพียงเท่านี้ มันก็ออกจะเกินไป

ถังอวี่เฟยแอบหยิกอู๋ฝาน เห็นได้ชัดว่ากำลังกล่าวโทษที่ยอมความง่ายเกินไป หากว่าเป็นคนอื่นพูดกับเธอแบบนี้ เธอจะทำถึงขนาดตามตรวจสอบให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายตกงานจริง

เพียงแต่ในเมื่ออู๋ฝานพูดออกไปแล้ว ถังอวี่เฟยก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีก อย่างน้อยเธอก็เห็นแก่หน้าของอู๋ฝาน

“หากทั้งสองท่านต้องการสิ่งใด แจ้งดิฉันได้นะคะ ดิฉันจะแนะนำอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทั้งสองท่านเกิดความพึงพอใจสูงสุดค่ะ” ผู้จัดการพูดเสนอขึ้นมา