ตอนที่ 5 ได้มาเต็มไม้เต็มมือ
ในใจเฉียวเวยคิดอยากตบเจ้าก้อนน้อยสีขาวให้ตาย เจ้าดูสิ เจ้าหาเรื่องใครไม่หา จะต้องไปหาเรื่องเสือตัวหนึ่ง เจ้าตัวเท่านี้ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าป่าหรือ ไม่ไปหาเรื่องผู้อื่นจะตายหรือไร แล้วเจ้าไม่มีธุระมาซุกแขนข้าทำอะไร พวกเราสองคนรู้จักกันหรือ
ตอนนี้เสือร้ายคิดไปแล้วว่ามนุษย์อ่อนแอผู้นี้กับเจ้าตัวเล็กหน้าไม่อายนั่นเป็นพวกเดียวกันแน่นอน ไม่ต้องให้บอกว่ามันโกรธเกรี้ยวเพียงไร ไม่ขย้ำเจ้าสองตัวนี้ให้ตาย มันยากจะระบายความชิงชังในหัวใจได้!
เฉียวเวยรู้สึกถึงจิตสังหารที่ไม่ปกปิดสักนิดบนตัวเสือร้าย คิดดูก็ถูก หากไม่นับเรื่องที่เจ้าก้อนน้อยสีขาว ‘ยัดเยียดให้นางเป็นพวก’ เพียงแค่พบเสือที่กำลังโกรธจัดก็มีโอกาสไม่มากนักที่มันจะปล่อยนาง
ดูท่าคงจะเลี่ยงการต่อสู้อันยากลำบากไม่ได้แล้ว
ชาติก่อนเฉียวเวยเคยเห็นเสือแต่ในสวนสัตว์ เสือเหล่านั้นถูกขังอยู่หลังแผ่นกระจกใสโซนเดียวกับสิงโต พวกมันถูกฝึกมาแล้ว ไม่มีความดุร้ายของสัตว์ป่าอีกต่อไป เวลานางมองพวกมันจึงไม่รู้สึกหวาดกลัวเท่าไร ทว่าตอนนี้เสือร้ายยุคโบราณตัวเป็นๆ ในธรรมชาติที่ต้องล่าอาหารเลี้ยงตัวเองและไม่เคยได้รับการฝึกแต่อย่างใดกำลังอยู่ตรงหน้านาง พูดให้ถูกคืออยู่ใต้เท้านาง นางจึงเพิ่งตระหนักถึงความโหดร้ายของพงไพรอย่างแท้จริง
ขาหลังของมันอาบเลือด พลังกายของมันจึงหดหายไปมาก แต่มันไม่คิดจะหยุด แล้วก็หยุดล่าเหยื่อเพียงเพราะเหตุนี้ไม่ได้ อำนาจของมันไม่อาจปล่อยให้ผู้ใดท้าทาย ต่อให้การปกป้องศักดิ์ศรีครั้งนี้จะต้องแลกด้วยชีวิต
นี่ก็คือสัญชาตญาณสัตว์ร้ายของมัน
เฉียวเวยเหงื่อกาฬแตกพลั่กทั่วร่าง เหลือระยะห่างอีกไม่ถึงหนึ่งเมตร เสือตัวนั้นก็จะขย้ำเท้าของนางได้แล้ว แน่นอนนางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเสือกำลังฝืนอยู่ แม้เสือจะเป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับแมว แต่อย่างไรก็น้ำหนักมากเกินไป การปีนต้นไม้ทำร้ายโครงสร้างข้อเท้าของมันอย่างมาก โดยปกติปีนได้เมตรสองเมตรก็ร่วงลงไปแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่อสองขาหลังของมันบาดเจ็บอยู่ ฝืนปีนมาได้สูงขนาดนี้ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าถึงขีดสุดของมันแล้ว
เฉียวเวยครุ่นคิดว่านางจะเดิมพันสักครั้งดีหรือไม่ เดิมพันว่าวินาทีต่อไปมันจะร่วงลงไปด้านล่าง…
แต่หากมันไม่ร่วงลงไปเล่า การลังเลเพียงพริบตาเดียวนี้ไม่แน่อาจทำให้ชาตินี้ตัวเองพบจุดจบแสนอนาถ
นางทะลุมิติมายังยุคโบราณเพื่อจะจบชีวิตในท้องของสัตว์ร้ายหรือ
จะเป็นไปได้อย่างไร
ดวงตาฉายประกายแน่วแน่ เฉียวเวยค่อยๆ คลำหาเคียวตรงเอว นางเชี่ยวชาญศัลยศาสตร์ย่อมรู้ว่าทำร้ายส่วนไหนจะถึงแก่ชีวิตในครั้งเดียว เรื่องนี้สำหรับนางแล้วไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ยากก็คือในสมองของนางยังหลงเหลือจิตสำนึกของชาติก่อนอยู่ จิตสำนึกที่บอกว่า เสือโคร่งจีนใต้ เสือโคร่งไซบีเรียเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่หนึ่ง
นางกำลังจะฆ่าสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทหนึ่งของประเทศจริงๆ หรือ นี่หากอยู่ในชาติก่อนนางคงต้องเข้าคุก…
ทว่าไม่นาน เฉียวเวยก็พบว่าความกังวลทั้งหลายของตนเป็นเรื่องเสียเปล่า เพราะเมื่อเสือร้ายปีนมาสูงพอแล้วหันมาขย้ำนาง ร่างกายของนางก็ตอบสนองอย่างซื่อตรงที่สุดแทนความคิดของนาง
ประกายแสงสะท้อนวาววับ เคียวที่มือฟาดลงไป โลหิตสีแดงอุ่นร้อนส่งกลิ่นคาวคลุ้งกระเซ็นเปื้อนเต็มหน้าของนาง เสือร้ายพลัดร่วงตกลงไปกระแทกพื้นกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่อยู่บนกองหิมะ ไม่นานหลุมก็ถูกย้อมกลายเป็นสีแดงฉาน
เฉียวเวยได้สติกลับมาเพราะเจ้าก้อนสีขาวตัวน้อยส่งเสียงร้อง งี๊ด! งี๊ด! อย่างตื่นเต้นดีใจอยู่ในอ้อมแขน
เฉียวเวยยังจมอยู่ในห้วงความตกตะลึงจากการสังหารเสือร้ายตัวหนึ่ง นางไม่มีกะจิตกะใจสนใจเจ้าตัวน้อยที่เกือบทำให้นางตายตัวนี้ เมื่อครู่นางตัดเส้นเลือดใหญ่ที่คอของเสือตัวนั้นไป โอกาสรอดของเสือร้ายเท่ากับศูนย์ นางจึงปีนลงจากต้นไม้อย่างวางใจ
เจ้าก้อนน้อยสีขาวเดินตามหลังนางต้อยๆ
เฉียวเวยหยุดเท้า เจ้าก้อนน้อยสีขาวหยุดไม่ทันจึงชนโครมเข้ากับขาของนาง เฉียวเวยเพิ่งจะได้มองมันอย่างละเอียด เจ้านี่เป็นเพียงพอนหิมะสีขาวปลอดทั้งตัว ขนนุ่มฟู ดูแล้วน่าจะยังเด็กมาก แต่ที่น่าชังก็คือแม้กระทั่งเสือยังถูกมันลากมาตาย
เจ้าก้อนน้อยสีขาวเหมือนจะยังไม่รู้ตัวว่าเฉียวเวยคิดแค้นตัวมันอยู่ มันคิดว่าเฉียวเวยกำลังชื่นชมตัวเองจึงยืดตัวขึ้น อวดกล้ามอกของตัวเองแล้วหมุนตัวอวดหางอันงดงามล้ำค่าของตนเอง
เฉียวเวยยกเท้า ถีบมันครั้งเดียวปลิว!
เจ้าก้อนน้อยสีขาว “งี๊ด!”
เฉียวเวยไม่สนใจเพียงพอนหิมะจอมก่อเรื่องนั่นอีก นางนั่งลงขบคิดเรื่องเสือตัวนั้น เดิมทีนางขึ้นเขามาเพราะอยากจะหาไก่ป่าหรือกระต่ายป่าเล็กน้อยไปบำรุงสุขภาพลูกๆ เท่านั้น ไม่ได้คาดหวังสักนิดว่าจะล่าเสือร้ายได้ตัวหนึ่ง แน่นอนว่านี่ต้องขอบคุณที่เสือตัวนี้บาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังปีนขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ทำให้ตัวมันเสียเปรียบอีก ฟ้าลิขิต ดินอำนวย คนสามัคคี ต่อให้เป็นเสือก็สู้ไม่ไหว นางเลยได้ประโยชน์
ทั้งตัวของเสือล้วนเป็นสมบัติ น่าจะขายได้เงินดีไม่น้อยสินะ ถ้าขายมันได้ ลูกๆ ก็จะได้กินข้าวขาว
เฉียวเวยตัดสินใจได้แล้วจึงขนเสือกลับบ้าน เพราะกลัวว่าจะทำให้ขนเสือเสียหาย นางจึงตัดใจลากไม่ลงแต่ยอมทนแบกขึ้นบ่ากลับ เหนื่อยเป็นบ้า!
หลังจากนั้นเฉียวเวยก็จัดการสภาพของตัวเองพักหนึ่งแล้วลงจากเขา เฉียวเวยแบ่งกระต่ายป่าที่ล่าได้สองตัวให้ป้าหลัว ส่วนตัวเองเก็บไว้เพียงตัวเดียว นางคิดว่าหากขายเสือได้จริง หน้าหนาวนี้นางกับลูกๆ ก็น่าจะไม่ต้องทนหิวแล้ว นางจึงไม่โลภกับกระต่ายป่าสองตัว อีกทั้งป้าหลัวก็เป็นผู้มีพระคุณของพวกนางสามแม่ลูก จะตอบแทนบุญคุณก็เป็นสิ่งสมควร
ป้าหลัวกลับดึงดันไม่ยอมรับของ “ข้ามีของกินแล้ว เจ้าเอาไปตุ๋นให้เด็กๆ เถอะ ดูซิเด็กๆ ผอมหมดแล้ว!”
เฉียวเวยยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยว่า “พวกเขามีของกินแล้ว ท่านวางใจเถิด” นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เล่าเรื่องเสือให้ป้าหลัวฟัง นางเพิ่งมาถึง ไม่คุ้นเคยกับสิ่งต่างๆ รอบตัว จะขายเสืออย่างไรยังต้องพึ่งพาป้าหลัว
ป้าหลัวตกตะลึงอยู่สามวินาทีเต็มๆ แล้วคว้าแขนของเฉียวเวย “เจ้า…เจ้า…เจ้าล่าเสือได้หรือ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
เฉียวเวยขยับยิ้มพลางส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นอะไร จะว่าไปแล้วข้าก็เพียงโชคดีเท่านั้น เสือตัวนั้นบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว มันใกล้ตายแล้วยังคิดจะกินข้า…ข้าจึงทุ่มสุดตัว จะตายก็ตายด้วยกัน…”
นางพยายามเน้นย้ำถึงความโชคดีเพื่อไม่ให้ป้าหลัวรู้สึกว่าเป็นเรื่องผิดปกติเกินไป
ป้าหลัวรู้สึกว่าแปลกจริงๆ คนที่ไม่เคยแม้แต่จะฆ่าไก่สักตัว จู่ๆ กลับฆ่าเสือร้ายตัวหนึ่งได้อย่างไร ทว่าหากเสือร้ายตัวนั้นเดิมทีก็ใกล้ตายอยู่แล้ว ถ้าเช่นนั้นก็พอฟังขึ้น
แม่หนูคนนี้โชคดีนักจริงๆ ในใจคิดเช่นนี้แต่ปากกลับพูดว่า “อันตรายเกินไปแล้ว หลังจากนี้เจ้าอย่าขึ้นเขาคนเดียวอีกเลย”
เฉียวเวยรู้ว่าป้าหลัวหวังดีกับนาง ป้าหลัวพูดอะไรนางจึงตอบว่า “เจ้าค่ะ” “เข้าใจแล้ว” “ข้าทราบแล้ว” …อย่างว่าง่ายทั้งเชื่อฟังทั้งอ่อนหวานเหมือนกับลูกแมวน้อยแสนเชื่องตัวหนึ่ง แล้วยังเป็นแมวที่ทั้งน่ารักทั้งสวยอีกด้วย ทำให้คนรู้สึกว่านางมิควรจะใช้ชีวิตตกระกำลำบากเช่นนี้…
ป้าหลัวต่อว่าจนสุดท้ายไม่มีอะไรให้ต่อว่าอีกต่อไป ในใจคิดว่าหากข้ามีบุตรสาวเช่นนี้สักคน ข้าคงประคองนางไว้กลางฝ่ามือ ครอบครัวของเสี่ยวเฉียวทำไมจึงตัดใจไล่นางออกมาได้ลง
ป้าหลัวลอบถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ปีก่อนต้าจ้วงล่าเสือมาได้ตัวหนึ่งขายได้เงินไม่น้อย หากเจ้าต้องการขายเหมือนกัน ข้าจะไปลองถามให้เจ้า”
ต้องการอย่างยิ่ง!
หลังจากเฉียวเวยแสดงความต้องการให้ทราบ ป้าหลัวก็ไปบ้านของต้าจ้วง สวีต้าจ้วงเพิ่งกลับมาจากในเมือง เขาหิวมาทั้งวัน ขณะที่กำลังจะกินข้าว พอได้ยินว่าเฉียวเวยล่าเสือได้ก็ทิ้งชามกับตะเกียบออกจากบ้านมาทันที