บทที่ 92 เว่ยเสี่ยวเถา

ถังหลี่และเว่ยฉิงเหน็ดเหนื่อยกันมาเกือบทั้งวัน

เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งคู่แยกกันที่ประตู เว่ยฉิงกลับไปที่จวนสกุลเซี่ย ส่วนถังหลี่ไปทำงานที่เป่าชิงเก๋อ เมื่อหญิงสาวไปถึงร้านก็พบว่าเจิ้งติ่งได้อยู่ที่นั้นแล้ว เจิ้งติ่งเป็นคนผิวคล้ำ รูปร่างผอม แต่ดวงตาของเขาฉายแววเฉลียวฉลาด

ถังหลี่แนะนำเจิ้งติ่งกับฉางลู่และเสมียนจาง เดิมทีร้านนี้มีคนอยู่สี่คน ถังหลี่ ฉางลู่ เสมียนจาง และคนงานที่รับผิดชอบการซื้อสินค้าอีกคนหนึ่ง ตอนนี้เมื่อรวมกับเจิ้งติ่งแล้วถังหลี่มีพนักงานในร้านรวมสี่คน

หญิงสาวไม่ได้จัดหน้าที่ให้เจิ้งติ่งแน่นอน กล่าวคือเจิ้งติ่งต้องทำงานทุกอย่าง ถังหลี่ไม่ต้องการจับมือสอนงานให้กับเขาไปทุกเรื่อง แต่อยากให้เขาค่อย ๆ เรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก

ถังหลี่ยุ่งจนถึงช่วงบ่าย ก่อนที่นางจะกลับบ้านเมื่อได้เวลาปิดร้านแล้ว

หลังจากที่นางนั่งพักสักครู่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูที่หน้าบ้าน

ป้าจ้าวรีบไปเปิดประตู

“นายหญิง มีแขกมาเจ้าค่ะ”

ถังหลี่มองไปที่ลานบ้าน นางพบสตรีวัยยี่สิบปีและเด็กหญิงอายุเจ็ดหรือแปดขวบสองคน ทั้งสามคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ดูเลอะเทอะ

แขกหรือ?

ถังหลี่เดินไปที่ลานบ้านและมองดูทั้งสามคนด้วยความสงสัย

“เจ้าคือภรรยาของเว่ยฉิงใช่หรือไม่? ข้าเป็นพี่สาวเขานามว่าเว่ยเสี่ยวเถา” ผู้หญิงคนนั้นพูด

พี่สาวของเว่ยฉิง?

สามีของนางมีพี่สาวด้วยหรือ?

เหตุใดเว่ยฉิงถึงไม่เคยบอกนาง

“ท่านแม่ นางเป็นท่านป้าของเรา” เอ้อร์เป่าเดินออกมาจากด้านหลังของถังหลี่ เด็กชายมองไปยังสตรีตรงหน้าและเรียกนางว่า “ท่านป้า”

“เอ้อร์เป่า เจ้าโตขึ้นแล้ว!” เว่ยเสี่ยวเถากล่าวด้วยรอยยิ้ม

ใบหน้าของเอ้อร์เป่าปรากฏรอยยิ้มอย่างสุภาพดูไม่กระตือรือร้นนัก

เป็นพี่สาวของเว่ยฉิง…

ถังหลี่ให้การต้อนรับทั้งสามคน

“ข้าได้ยินมาว่าอาฉิงย้ายมาอยู่ในเมืองกับภรรยาแล้วก็ลูก ๆ ข้าเลยมาดูให้เห็นกับตา ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าอาฉิงแต่งงานแล้ว นี่เป็นความผิดของข้าเอง อย่างไรเสียข้าก็เป็นพี่สาวของเขา ข้าเลยเอาของเล็ก ๆ น้อย ๆ มามอบให้” เว่ยเสี่ยวเถาพูดจบก็ยื่นตะกร้าที่ถืออยู่ส่งให้ถังหลี่ ด้านในตะกร้ามีข้าวโพดและมันเทศ

“ขอบคุณพี่สาว” ถังหลี่รับไว้

เว่ยเสี่ยวเถามีความสุขล้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นางต้องการกลับไปเยี่ยมบ้านของตน แต่ทั้งแม่สามีและสามีของนางต่างไม่อนุญาต มาคราวนี้แม่สามีของนางนำข่าวมาบอกว่าน้องชายของนางแต่งงานและย้ายมาอาศัยอยู่ในเมืองนี้ นอกจากนี้ยังรู้ที่อยู่ของพวกเขาอีกด้วย นางเลยเดินทางมาดู

เว่ยเสี่ยวเถาไม่ได้เจอกับครอบครัวเดิมมาเป็นเวลานานแล้ว วันนี้นางพาลูกสาวทั้งสองคนเข้าเมืองมาตั้งแต่เช้าตรู่ หมู่บ้านขงเจียนั้นอยู่ไกลจากตัวเมืองและนางไม่มีเงินพอที่จะขึ้นรถ ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาในการเดินทางมานานพอดู

“พี่สาว เชิญนั่ง” ถังหลี่กล่าว

เว่ยเสี่ยวเถานั่งลงและมองไปรอบ ๆ บ้านของน้องชาย บ้านของเขาสวยมาก มีลานบ้านและห้องมากมาย ช่างดูกว้างขวาง มีห้องโถงรับรอง มีโต๊ะมีเก้าอี้ มองแวบเดียวก็รู้ว่าเขามีชีวิตที่ดีเพียงใด

“ดื่มชาก่อนเจ้าค่ะ” ป้าจ้าวรินน้ำชาให้เว่ยเสี่ยวเถา

เว่ยเสี่ยวเถารับชามาจากมือของป้าจ้าว ครอบครัวของน้องชายนางไม่เพียงแต่มีบ้านหลังใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีเงินพอที่จะจ้างสาวใช้อีกด้วย ถึงตอนนี้ในสายตาของนางครอบครัวของอาฉิงเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยมาก

“อาฉิงไม่อยู่บ้านหรือ? ”

“เว่ยฉิงทำงานคุ้มกัน เขาต้องพักที่จวนเจ้านาย เกรงว่าคืนนี้เขาคงไม่ได้กลับมาพบท่าน”

“ไม่เป็นไร ๆ งานที่เขาทำย่อมสำคัญที่สุด” เว่ยเสี่ยวเถากล่าวอย่างรวดเร็ว

“ข้าแค่อยากจะเจอหน้าน้องชาย น้องสะใภ้แล้วก็หลาน ๆ ทั้งสามคนเท่านั้น”

“ต้าเป่าอยู่ไหนเล่า?” นางกวาดตามองไปรอบ ๆ

“ต้าเป่าเข้าเรียนที่สำนักศึกษาน่ะ”

“สำนักศึกษาหรือ? ต้าเป่าฉลาดมาตั้งแต่ยังเล็ก เขาสมควรที่จะได้เข้าไปเล่าเรียนที่สำนักศึกษา ภายหน้าชีวิตเขาจะได้ราบรื่น”

ถังหลี่หยิบลูกอมหนึ่งกำมือและมอบให้เด็กหญิงสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เสี่ยวเถา พวกนางทั้งสองคนขี้อายและไม่กล้าที่จะหยิบมันไป เด็ก ๆ เลือกที่จะคว้าชายเสื้อของมารดาไว้

“จ้าวตี้ เนี่ยนตี้ รับของที่น้าสะใภ้เจ้าให้สิ แล้วก็ขอบคุณเสีย” เด็ก ๆ ทั้งสองรับมันไป

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านน้า..” เสียงเด็กทั้งสองอู้อี้ราวกับเสียงยุง

สองพี่น้องถือขนมไว้แต่ไม่กล้ากิน

“พี่สาว ลอกออกแบบนี้แล้วค่อยกินนะ” ซานเป่าคิดว่าพวกนางไม่รู้วิธีกิน นางจึงลอกกระดาษห่อขนมออกแล้วโยนขนมเข้าปากตัวเอง เมื่อจ้าวตี้และเนี่ยนตี้มองใบหน้าอวบอิ่มของนาง แก้มซานเป่าพองขึ้น รวมไปถึงกลิ่นน้ำตาลที่โชยออกมา ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายหนึ่งคำ

“พี่สาวกินสิ”

ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะฉีกซองกระดาษออกแล้วเอาขนมใส่ปากตัวเอง รสหวานฟุ้งไปทั่วปาก ทำให้ดวงตาของพวกนางเปล่งประกาย พวกนางไม่เคยทานของอร่อยเช่นนี้มาก่อน!

ถังหลี่เตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็นไว้

แม้ว่าเว่ยเสี่ยวเถาจะบอกว่าไม่อยากรบกวน แต่เมื่องเหยาสุ่ยก็ไกลจากหมู่บ้านของนางมากเกินไป อีกทั้งนางก็ไม่สามารถเดินทางกลับในตอนกลางคืนได้ ดังนั้นเสี่ยวเถาทำได้แต่ข่มความอับอายและยอมรับการช่วยเหลือจากถังหลี่

ป้าจ้าวทำอาหารมื้อเย็นมีอาหารอยู่ห้าจานและน้ำแกงหนึ่งชาม พวกเขามีฐานะที่ดีมาก ไม่เพียงแต่เด็กหญิงทั้งสองเท่านั้น เว่ยเสี่ยวเถาเองก็ยังไม่กล้าเดินมาที่โต๊ะ ในบ้านของพวกนางสตรีไม่สามารถร่วมโต๊ะอาหารได้ ข้าวสวยมีไว้สำหรับให้ผู้ชายกินเท่านั้นส่วนผู้หญิงจะกินได้แต่หมั่นโถว

“พี่สาวนั่งสิ ท่านไม่ชอบอาหารจานนี้หรือ?”

เว่ยเสี่ยวเถารีบส่ายหัว

“น้องสะใภ้ไม่ต้องยุ่งยากหรอก อาหารพวกนี้ดีมาก มันไม่แพงเกินไปหรือ?”

“ไม่มีอะไรพิเศษหรอก พวกเรากินแบบนี้กัน มาเถอะ ”

เว่ยเสี่ยวเถาเดินมาที่โต๊ะ จ้าวตี้และเนี่ยนตี้เฝ้ามองเอ้อร์เป่าที่นำเก้าอี้ตัวเล็กมา อุ้มซานเป่าไปนั่งบนนั้นและเตรียมชามขนาดเล็กและตะเกียบให้กับน้องสาว รวมถึงพวกนาง ทำให้ทั้งสองตกใจมาก

ยามที่อยู่บ้านนางได้แต่เฝ้ามองลูกพี่ลูกน้องกิน ผู้ใหญ่บอกว่าถ้าในภายหน้าจะแต่งงานจะต้องพึ่งพาลูกพี่ลูกน้องผู้ชายทำให้ต้องดูแลเอาใจใส่ให้ดี นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นพี่ชายดูแลน้องสาวเช่นนี้

พวกนางถูกเรียกไปนั่งที่โต๊ะและได้กินอาหารอย่างที่ไม่เคยนึกฝันมาก่อน ข้าวขาวพวกนี้หอมมาก หมูตุ๋นก็นุ่มละมุนลิ้น และน้ำแกงหอมกรุ่น…

หลังจากทานอาหารเย็นแล้ว ทั้งสองก็กลับไปที่ห้องนอนรับแขก

“บ้านของท่านน้าดีมากเลย ทั้งใหญ่โตแล้วใหม่มากอีกด้วย มีข้าวมีเนื้อให้กิน มีสาวใช้ด้วย!” ดวงตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความอิจฉา

“น้องสะใภ้ ตอนอาฉิงเข้ามาในครอบครัวของเรา ข้าได้แต่งงานแล้วทำให้พวกเราไม่ได้พบกัน แต่เมื่อบิดาข้าเก็บเขามาเลี้ยง ข้าจึงถือว่าเขาคือน้องชายข้าและข้าเป็นพี่สาวของเขา แต่ครอบครัวของเราไม่ได้มีของมีค่ามากนัก” เว่ยเสี่ยวเถายื่นถุงผ้าเล็ก ๆ ในมือให้แก่ถังหลี่

“มันอาจจะเล็กน้อยไม่มีค่างวดอะไร แต่ข้าก็อยากให้เจ้ารับมันเอาไว้” ถังหลี่ยื่นมือไปรับไว้

เสี่ยวเถารู้ว่าน้องชายและน้องสะใภ้ของนางร่ำรวย นางกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจในสิ่งที่นางมอบให้ แต่เมื่อถังหลี่รับไปนางก็อดมีความสุขไม่ได้ ทั้งสองพูดคุยกันอีกสักพัก ก่อนที่เว่ยเสี่ยวเถาจะกลับไปที่ห้องนอนแขก

ถังหลี่เปิดถุงผ้าออกและพบสร้อยข้อมือสีเงินอยู่ด้านใน เป็นของไม่มีราคาค่างวดอะไร แต่ถ้าดูจากเสื้อผ้าที่เสี่ยวเถาสวมใส่แล้ว นี่อาจจะเป็นของที่ดีที่สุดของนาง

พี่สาวของเขาก็ค่อนข้างห่วงใย

เหตุใดเว่ยฉิงถึงไม่เคยพูดถึงนางเลย?

ถังหลี่พูดคุยกับเอ้อร์เป่าเล็กน้อย ทำให้นางเข้าใจเหตุผล ครอบครัวของสามีเว่ยเสี่ยวเถาปฏิเสธให้นางติดต่อกับครอบครัวเดิม ทำให้นางต้องตัดขาดความสัมพันธ์ของครอบครัว

“ท่านแม่ ท่านป้าเคยแอบขอให้ใครบางคนนำของมาให้เราด้วย เสื้อผ้าข้าเมื่อปีก่อนก็เป็นของนาง” เอ้อร์เป่ากล่าว

แต่ตั้งแต่ปีที่แล้วการแอบติดต่อของเสี่ยวเถาก็ขาดไป ดังนั้นเว่ยฉิงถึงไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับนางเลย

—————