บทที่ 84 อ้วกเต็มรถ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

นัทธีตะลึงไปทันที

มารุตที่ขับรถอยู่มือเกือบจะหลุดจากพวงมาลัย รู้สึกตกใจไม่น้อย

เขาเห็นอะไรเนี่ย?

ท่านประธานถูกจูบ!

“อี๋ ทำไมถึงกัดไม่ได้นะ?” วารุณีไม่รู้ว่าตัวเองนั้นกำลังทำอะไร เธอรู้เพียงว่าพุดดิ้งกัดไม่ขาด แล้วไม่พอใจเล็กน้อย

ก็เลยได้เพิ่มแรงกัดเข้าไปอีก พยายามจะกัดพุดดิ้งเข้าปากให้ได้

นัทธีที่อดทนต่อความเจ็บส่งเสียงไปหนึ่งที รู้สึกถึงกลิ่นคาวที่อยู่ในปาก และรู้ว่าริมฝีปากของตัวเองถูกกัดจนฉีกแล้ว

และแม้จะเป็นเช่นนี้ นัทธีกลับไม่ได้ผลักวารุณีออก ในทางกลับกันกลับมองลงมา มองเธอด้วยแววตาที่มืดมน

จ้องมองเธอไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้นมาจับท้ายทอยของเธอเอาไว้ แล้วเพิ่มความนุ่มความลึกของจูบนี้

มารุตที่แอบมองอยู่ตลอดเวลา เห็นนัทธีที่ถูกรุกกลายเป็นฝ่ายรุก ทันใดนั้นก็ส่ายหัว ไม่กล้ามองอีก รีบปล่อยฉากกั้นมาบดบังทันที

เบาะหลัง วารุณีถูกนัทธีจูบจนตัวอ่อนปวกเปียก ร่างทั้งร่างได้ซบอยู่ในอ้อมแขนของเขา

หากไม่ใช่เข้ากอดเธอเอาไว้ ไม่แน่เธออาจจะเลื่อนตกลงไปใต้เก้าอี้แล้ว

“อืม……..” วารุณีส่งเสียง ยื่นมือไปคล้องคอของนัทธีเอาไว้

การกระทำของเธอ เหมือนแฝงไปด้วยพลังบางอย่าง พริบตาเดียวทำให้นัทธีทิ้งสติไปเลย จูบหนักหน่วงกว่าเดิม

แต่ในเวลานี้ วารุณีจู่ๆก็ทรมานจนส่งเสียงเหมือนอยากจะอ้วก

นัทธีได้สติคืนมาทันที ก็ผลักเธอออกไปโดยตรง

วารุณีที่ฟุบอยู่บนเก้าอี้ ก็อาเจียนออกมาทัน เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าด้วย

ในเวลาเดียวกัน กลิ่นเหล้าที่ฉุนและกลิ่นเหม็นที่เธออาเจียนออกมาคลุ้งไปทั้งคันรถ กลิ่นไม่พิสมัยเอาเสียเลย

ความต้องการของนัทธีหายไปในพริบตา เส้นเอ็นตรงหน้าผากก็กระตุก มีความวู่วามที่อยากจะโยนเธอออกไปนอกรถ แล้วเปิดหน้าต่างรถด้วยสีหน้าที่แย่มาก เพื่อให้ลมเข้ามาถ่ายเทอากาศ

หลายนาทีผ่านไป ลมได้พัดเอากลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ในรถออกไป สีหน้าของเขาจึงค่อยๆดีขึ้นมา แต่อารมณ์นั้นกลับแย่มาก

โดยเฉพาะหลังจากที่มองดูวารุณีที่อ้วกเสร็จแล้ว หลับไปด้วยความสบายใจ ก็ปวดหัวขึ้นมาทันที!

ไม่นานนัก ก็มาถึงที่คอนโด

นัทธีลงมาจากรถ อุ้มวารุณีออกมาจากในรถด้วยสีหน้าที่ดำคล้ำ

มารุตเห็นเศษอ้วกที่อยู่เบาะหลัง อดไม่ได้ที่จะชี้ไปทางวารุณีอย่างขยะแขยง “ท่านประธาน คุณวารุณีอ้วกเหรอ?”

นัทธีตอบอย่างเย็นชาไปหนึ่งที “นายเรียกรถกลับไปเอง”

“คืนนี้ท่านประธานจะค้างที่นี่?”

นัทธีพยักหน้า อุ้มวารุณีเดินเข้าไปในตึก

มารุตมองตามแผ่นหลังของเขา ส่ายหัวแล้วถอนหายใจอย่างปลงๆ

ดูเหมือนว่าครั้งนี้ท่านประธานหลงเข้าไปแล้วจริง

ทั้งๆที่เป็นคนรักความสะอาด แต่ร่างกายคุณวารุณีเต็มไปด้วยอ้วก เขากลับไม่รังเกียจเลย เป็นเช่นนั้นจริงๆ ขอเพียงรักแล้วต่อให้อีกฝ่ายตดยังรู้สึกหอมเลย

นัทธีอุ้มวารุณีมาถึงหน้าประตูคอนโด ใช้แขนกดออด

แต่น่าเสียดาย ไม่มีคนมาเปิดประตูเลย

เด็กสองคนไม่อยู่เหรอ?

นัทธีก้มหน้ามองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมอก หญิงสาวพิงหลับอยู่ในอ้อมอกอย่างสนิท ยังได้จุ๊ปากไปสองสามที ก็ไม่รู้ว่าฝันดีอะไร

จนปัญญา นัทธีทำได้เพียงอุ้มเธอ หันหลังเดินกลับไปยังคอนโดของตัวเอง

หลังจากเข้าไปแล้ว นัทธีก็โยนวารุณีลงบนโซฟา แล้วเดินเข้าไปในห้องนอนหยิบชุดคลุมอาบน้ำ เข้าห้องไปอาบน้ำ

หลังจากอาบน้ำออกมา นัทธีได้เดินมาข้างหน้าโซฟา พลางเช็ดผม พลางมองเธอ หลังจากลังเลไปสองสามวินาที โยนผ้าเช็ดผมลงแล้วอุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำ โยนเธอเข้าไปในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำ

ตู๊มตกลงไปในน้ำ วารุณีก็ตื่นเลย ตะเกียกตะกายอยู่ในอ่างอาบน้ำสองสามทีก็ลืมตาขึ้นมา จับอ่างอาบน้ำแล้วพยุงตัวลุกขึ้นมา “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

เธอมองสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างตื่นตระหนก จนกระทั่งมองเห็นนัทธีที่ยืนอยู่ข้างอ่างอาบน้ำ จึงได้สงบสติลงมา

“ประธานนัทธี?” วารุณีสะบัดหัวที่มึนๆหนักๆของเธอ “ที่นี่คือที่ไหน? ฉันมาอยู่ในอ่างอาบน้ำได้ยังไง?”

“ที่นี่เป็นคอนโดของผม ผมเป็นคนโยนคุณลงไปในอ่างอาบน้ำ เพื่อให้หายเมา!” นัทธีที่ยืนมองเธอลงมา ตอบอย่างเรียบเฉย

วารุณีนวดขมับที่กำลังปวดอยู่ “แต่ทำไมฉันถึงได้มาอยู่ในห้องของคุณล่ะ ฉันอยู่กับพงศกรไม่ใช่เหรอ?”

คำว่าพงศกรที่สนิทสนม ทำให้นัทธีรู้สึกแสบหูอย่างมาก สีหน้าท่าทางก็แข็งไปเลย “คุณจำไม่ได้แล้วเหรอ?”

“จำอะไรเหรอ?” วารุณีเอาน้ำหน้าลูบหน้า อยากให้ตัวเองมีสติมากกว่านี้

นัทธียกแขนขึ้นมากอดอก “คุณถูกพงศกรมอมเหล้า เขาคิดจะทำมิดีมิร้ายกับคุณ ดังนั้นผมจึงได้พาคุณมาจากเขา”

“มันเป็นไปไม่ได้!” วารุณีลุกขึ้นมาทันที จนน้ำกระเด็น

นัทธีหรี่ตาลง “คุณไม่เชื่อผม?”

วารุณีมองเขาด้วยสายตาที่จริงจัง “ประธานนัทธี ไม่ใช่ฉันไม่เชื่อคุณ แต่ฉันรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ฉันกับพงศกรรู้จักกันมาห้าปีแล้ว เขาไม่ใช่คนแบบนั้น”

นัทธีจ้องมองเขาอย่างเงียบๆไปครู่หนึ่ง ยิ้มอย่างเย็นชา “รู้จักมาห้าปี แม้แต่ธาตุแท้ของเขาก็ยังดูไม่ออก ตาของเธอมันบอดจริงๆแล้ว”

หลังจากพูดจบ แววตาของนัทธีได้ฉายแววเย้ยหยัน แล้วพาร่างกายที่อบอวลไปด้วยความอึมครึมออกไปจากห้องน้ำ

เพราะว่ารู้จักเป็นเวลานาน ก็เข้าใจว่าตัวเองนั้นรู้จักคนคนนั้นเป็นอย่างดี เป็นไปได้เหรอ?

เขาพูดได้เพียงว่า สายตาการมองคนของเธอนั้นยังห่างไกลนัก ไม่ว่ายังไงเขาก็ได้บอกความจริงกับเธอแล้ว เธอไม่เชื่อก็ช่าง

หลังจากที่นัทธีออกไปแล้ว วารุณีก็กัดริมฝีปากนั่งลงไปในอ่างอาบน้ำ แววตาล่องลอยมองไปน้ำใสที่อยู่ตรงนั้น เข้าสู่ภวังค์

เธอตาบอดเหรอ? ไม่ ไม่ใช่เธอตาบอด เพียงแค่เธอไม่อยากที่จะมองพงศกรแบบนั้น ตอนที่อยู่ต่างประเทศ หากไม่มีการช่วยเหลือของพงศกร สมาชิกทั้งห้าคนในครอบครัวของเธอ คงไม่มีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ ดังนั้นเขาสามารถสงสัยทุกคน ก็ไม่สามารถที่จะสงสัยเขา

แน่นอน เขาก็ไม่คิดว่านัทธีจะพูดโกหก บางทีอาจจะเพราะว่านัทธีเห็นเธอดื่มเหล้าอยู่กับพงศกร ดังนั้นก็เป็นไปได้ที่จะเกิดความเข้าใจผิด

เมื่อคิดเช่นนี้ ความหนักอึ้งในใจของเธอก็ลดลงไปไม่น้อย จากนั้นก็รีบถอดเสื้อผ้าแล้วอาบน้ำ ไม่เช่นนั้นเสื้อผ้าที่เปียกที่ติดแนบอยู่บนร่างกายเธอ อาจจะทำให้เธอเป็นหวัด

หลังจากอาบน้ำ วารุณีก็หยิบชุดคลุมที่อยู่บนราว

เสื้อคลุมใหญ่มาก ใส่เข้าไปยาวถึงพื้นแล้ว

วารุณีจึงได้ผูกปมที่ตรงชายผ้า ให้เห็นถึงเรียวขา แล้วก็พับแขนเสื้อสองพับ แบบนี้แล้ว รู้สึกสะดวกขึ้นมากเลย

จากนั้น เธอก็หาถุงมาหนึ่งใบ เอาเสื้อผ้าที่เปียกใส่เข้าไปข้างใน แล้วเปิดประตูเดินออกมา

“ท่านประธาน คุณเห็นกระเป๋าของฉันมั้ย?” วารุณีมองไปตรงโซฟาถามคนที่สวมชุดคลุมแบบเดียวกันกับเธอ

นัทธีกำลังที่ดูแท็บเล็ตอยู่ เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด น้ำเสียงของเขาก็กล่าวออกมาอย่างเย็นชา “บนตู้รองเท้า ยังมีเสื้อผ้าของคุณอยู่ด้วย”

“เสื้อผ้า?” วารุณีมองถุงที่อยู่ในมือ สงสัยในใจ

เสื้อผ้าของเธอไม่ใช่อยู่ในมือเธอเหรอ?

เห็นได้ชัดว่านัทธีไม่คิดที่จะอธิบาย ทำอะไรไม่ได้ วารุณีทำได้เพียงเดินไปดูเอง

เห็นข้างๆกระเป๋าของเธอมีถุงใบหนึ่ง เธอเปิดมันออกมาดูไปแวบหนึ่ง พบว่าเป็นชุดที่เธอถูกคุณหญิงอัณณ์สาดกาแฟใส่เมื่อสองวันก่อน

มิน่าล่ะตอนนั้นที่อาบน้ำเสร็จแล้วออกมาจากห้องทำงานของเขา เธอรู้สึกว่าเหมือนลืมอะไรไป ที่แท้ก็เสื้อผ้านี่เอง

วารุณีตบหน้าผากตัวเองอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก็หยิบเสื้อผ้าออกมาจากถุง ได้กลิ่นหอมของน้ำยาซักผ้าบนเสื้อผ้า อดไม่ได้ที่จะตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้เปิดเสื้อผ้าออก

เมื่อมองไปที่เสื้อผ้าที่ตอนแรกเปื้อนไปด้วยคราบกาแฟ ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสีขาวอีกครั้ง เธอก็มองไปทางนัทธีโดยสัญชาตญาณ

“ประธานนัทธี เสื้อผ้านี้………”

เหมือนจะรู้ว่าเธอจะถามอะไร นัทธีที่เลื่อนแท็บแล็ตอยู่ พูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา “ป้าส้มเป็นคนซัก”

“งั้นรบกวนประธานนัทธีช่วยฉันขอบคุณป้าส้มด้วย” วารุณีใส่ชุดเข้าไปในถุง

นัทธีไม่ได้สนใจเธอ

วารุณีกัดริมฝีปากไปหนึ่งที จู่ๆก็นึกอะไรได้ ตั้งแต่เธอออกมาจากห้องน้ำแล้ว เหมือนว่าเขาจะไม่มองเธอเลย อีกอย่างยังทำท่าทีเฉยเมยใส่เธอ เป็นเพราะเธอไม่เชื่อที่สิ่งที่เขาพูดถึงพงศกรเหรอ?