ตอนที่ 112 ที่บ้านแออัดไปด้วยผู้คนจนไม่มีที่ให้ยืน
ตอนที่ 112 ที่บ้านแออัดไปด้วยผู้คนจนไม่มีที่ให้ยืน
หลินเซี่ยรู้สึกว่าการมาของโจวลี่หรงในครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อสร้างปัญหา
อีกทั้งท่าทีก็ดูเมตตาอ่อนโยนกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เป็นศัตรูกับเธออีกต่อไป หลินเซี่ยจึงลดการระแวดระวังลง
“คุณป้า อาการของน้องชายเฉินเจียเหอในช่วงนี้เป็นยังไงบ้างคะ? ถ้าเขาไม่เป็นอะไรมากก็ให้เขาออกมาเดินเล่นบ้าง วันมะรืนนี้เราจะไปที่โรงละครเพื่อร่วมงานแสดงศิลปะวัฒนธรรมของพื้นที่โรงงาน ให้เขาไปเยี่ยมชมที่นั่นจะได้ผ่อนคลายบ้าง”
“เจียเหอปรับความเข้าใจกับเขาไปเมื่อสองวันก่อน อาการของเขาดีขึ้นมาก ไม่กี่วันก่อนนี้ก็เพิ่งออกไปข้างนอก ท่าทางอารมณ์ดีทีเดียว” โจวลี่หรงเอ่ยถาม “เขาไม่ได้มาที่นี่เหรอ?”
หลินเซี่ยสั่นศีรษะ “เปล่าค่ะ”
บางทีเขาอาจจะมาแต่พวกเธอไม่อยู่บ้าน
เธอยังไม่ได้เห็นสภาพน้องเขยเลยว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง
ก่อนที่จะกลับไป โจวลี่หรงมองดูเธอ แล้วพลันเอ่ยขึ้น “หลินเซี่ย ฉันรู้ว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของเจียเหอได้ ในเมื่อเขายืนกรานที่จะแต่งงานกับเธอ นั่นแสดงว่าต้องมีบางอย่างในตัวเธอที่เขาชื่นชม ฉันเองก็จะไม่ขัดขวางเธออีก แต่ฉันก็หวังว่าพวกเธอจะไม่ใช้อารมณ์ชั่ววูบ ให้เวลาทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกัน การเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลเฉินไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะฉันที่มีลูกชายสามคน ครอบครัวอารองของเฉินเจียเหอไม่ใช่คนที่รับมือได้ด้วยโดยง่าย ความสัมพันธ์ที่ต้องเผชิญในอนาคตจะซับซ้อนมากขึ้น พูดกันตามตรง เราสองคนถือว่ามาจากหมู่บ้านเดียวกัน ฉันย่อมเข้าใจดีกว่าใคร ๆ ถึงความทุกข์ทรมานของคนชนบทที่แต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยมีชาติตระกูล ฉันหวังว่าเธอจะพยายามอย่างหนัก พัฒนาตัวเองให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป”
หลินเซี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่น “คุณป้า เรื่องนี้ฉันทราบค่ะ ฉันจะพยายามทำตัวเองให้คู่ควรกับเฉินเจียเหอ”
หลังจากออกไปจากเขตอาศํย เฉียนต้าเฉิงก็หาโทรศัพท์สาธารณะและโทรหาเถ้าแก่ที่เมืองเซินเฉิงทันที
…….
…
“หือ เถ้าแก่ถามว่าสวยไหมเหรอครับ? สวย มีชีวิตชีวาครับ สวยมาก ไม่ใช่แค่สวย แต่ยังฉลาด (แกมโกง) มากด้วย”
“ครับ เข้าใจแล้วครับเถ้าแก่”
ในช่วงบ่าย เฉียนต้าเฉิงและหลินจินซานไปที่เขตพักอาศัยพนักงานโรงงานยานยนต์อีกครั้ง
เขาเคาะประตูบ้านของเฉินเจียเหอ
หลินเซี่ยประหลาดใจที่เห็นทั้งสองคน “พี่เฉิง พี่ซาน มาได้ยังไงคะ?”
เฉียนต้าเฉิงถูกหลินเซี่ยเรียกว่าพี่เฉิง ก็รู้สึกไม่กล้ารับคำนี้เลยจริง ๆ
เขากล่าวว่า
“พี่สะใภ้ เถ้าแก่ของเราบอกว่าให้คุณเปิดร้านนั้นต่อไปได้”
“เอ๋? พวกคุณไม่เปิดร้านเครื่องเสียงแล้วเหรอ?” หลินเซี่ยเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เฉียนต้าเฉิงพูดว่า “นี่เป็นความตั้งใจของเถ้าแก่ พวกเราแค่ทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้น”
“ขอบคุณนะคะ! ฉันจะจ่ายค่าเช่าและค่าผิดสัญญาให้พวกคุณ”
เพราะอีกฝ่ายให้เธอเช่าร้าน เธอจึงต้องให้เงินพวกเขา
“พี่สะใภ้ คืนแค่ค่าผิดสัญญาห้าร้อยหยวนก็พอ ส่วนค่าเช่าพวกเราไม่คิด เถ้าแก่บอกว่ารอให้เขามาก่อนแล้วค่อยจ่ายให้ครับ”
หลินเซี่ยพยักหน้า “อย่างนั้นก็ได้ค่ะ รอให้เถ้าแก่ของพวกคุณมาแล้วฉันจะจ่ายให้เขา”
หลินเซี่ยคืนเงินค่าผิดสัญญาที่เธอได้รับมาจำนวนห้าร้อยหยวนให้แก่เฉียนต้าเฉิง
“พี่สะใภ้ ร้านนี้เป็นของคุณแล้ว คุณเริ่มการตกแต่งได้เลย พวกเราขอตัวก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” หลินเซี่ยมองไปยังหลินจินซานแล้วเอ่ยคำ
“พี่ซาน ฉันมีบางเรื่องต้องจัดการ คุณพอจะช่วยฉันสักหน่อยได้ไหม?”
“คุณ… อย่าเรียกผมแบบนั้นเลย ผมไม่คู่ควรกับคำนี้” จากความจริงที่ว่าเถ้าแก่ใหญ่ไม่คิดค่าเช่ากับเธอก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของเฉินเจียเหอกับเถ้าแก่ใหญ่เป็นอย่างไร
หลินจินซานไม่อาจปล่อยให้หญิงสาวเรียกตัวเองว่าพี่ซานได้
เขาพูดอย่างสุภาพว่า “ถ้าคุณต้องการอะไร สั่งผมมาได้เลยครับ ผมจะไปจัดการให้”
“ตอนนี้ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากให้คุณช่วย” หลินเซี่ยกล่าว
“ฉันกำลังจะไปตลาดเพื่อซื้ออุปกรณ์ทำผม คุณช่วยไปถือของให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
“ได้ครับ ได้” หลินจินซานตกลง ก่อนจะมองไปที่พี่เฉิง “ได้ไหมครับพี่เฉิง?”
เฉียนต้าเฉิงหัวเราะแห้ง “แน่นอน”
ปากของเขาตอบตกลง แต่ในใจเขากลับอิจฉาริษยาอย่างยิ่ง เจ้าเด็กบ้าหลินจินซานช่างโชคดีเสียจริง นึกไม่ถึงว่าสหายของเถ้าแก่ใหญ่จะพอใจเขา
เฉียนต้าเฉิงพลันเกิดความวิตกขึ้นมา กลัวว่าเจ้าเด็กบ้านี้จะเข้ามาแทนที่เขาในอนาคต.
“พี่เฉิง กลับไปก่อนได้เลยนะคะ เดี๋ยวอีกสักพักฉันจะไปซื้อของกับพี่ซาน”
“ครับ ผมเองก็ต้องพาคนงานตกแต่งร้านไปวัดพื้นที่ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน”
เฉียนต้าเฉิงเหลือบมองหลินจินซานและจากไปด้วยสีหน้าที่แฝงไว้ด้วยความขมขื่น
หลินเซี่ยเก็บเงินค่าเช่าที่เฉียนต้าเฉิงคืนให้ จากนั้นจึงพาหลินจินซานไปยังตลาดสินค้าราคาส่งที่เธอรู้จักเป็นอย่างดีในชีวิตก่อน
ที่นี่คือร้านค้าใหม่ที่เปิดโดยชาวฮ่องกงซึ่งอยู่ห่างไกลจากโรงงานยานยนต์ หากเธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับชาติที่แล้วก็คงไม่สามารถค้นพบสถานที่แห่งนี้ได้
เธอซื้อหมวกอบร้อนสำหรับดัดผม น้ำยา ยาสระผม ที่ม้วนผม และสเปรย์ฉีดผมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โฟมจัดผมให้อยู่ทรง และอื่น ๆ
เงินหกร้อยหยวนที่เหลืออยู่ในมือถูกใช้ไปจนหมด
จากนั้นทั้งสองจึงกลับมาที่บ้าน
หลินจินซานกลัวว่าเฉียนต้าเฉิงจะดุเขา เขารีบวางข้าวของและจากไป
ส่วนหลินเซี่ยทักทายพี่สาวสองคนที่ไม่ได้ไปทำงานแต่มาเข้าร่วมการแข่งขัน
ทุกคนประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยได้นำอุปกรณ์คุณภาพสูงที่ใช้ในร้านเสริมสวยมาที่บ้าน
หลินเซี่ยเอ่ยว่า “พรุ่งนี้เราจะไปเข้าร่วมการแข่งขันกันแล้ว พวกเราจึงต้องจัดการผมเผ้ากันตั้งแต่วันนี้ค่ะ”
“พี่สาวจ้าว ผมของคุณค่อนข้างบาง ฉันจะดัดผมให้ ในวันพรุ่งนี้เมื่อทำการแสดงให้ปล่อยผม คุณจะดูเหมือนสาวทันสมัยอย่างแน่นอนค่ะ”
พี่สาวจ้าวอายุเกือบห้าสิบปีแล้ว มีไรผมค่อนข้างบาง แถมยังมัดผมเป็นหางม้าตึงแน่นอยู่ประจำ ส่งผลให้ไรผมยิ่งถูกดึงไปด้านหลัง ทำให้ดูมีอายุเกินวัย
“ดัดผมเหรอ?” พี่สาวจ้าวเป็นคนเรียบง่าย หล่อนจึงเอ่ยอย่างเขินอาย “จะตามกระแสนิยมเกินไปหรือเปล่า อายุอานามฉันก็ขนาดนี้แล้ว”
“ต้องตามสมัยสิคะ” หลินเซี่ยกล่าว “ได้ขึ้นเวทีทั้งทีจะไม่แต่งตัวได้ยังไงกัน? ต้องทันสมัยค่ะ”
“เหล่าจ้าว ดัดเถอะน่า ดัดแล้วจะได้เหมือนสาวฝรั่ง”
“นั่นสิ ดัดเถอะนะ เธอดูสิว่าทุกวันนี้การดัดผมเป็นที่นิยมขนาดไหน”
หลินเซี่ยจัดแจงเก็บบ้านให้มีที่ว่างเพื่อที่จะให้พวกพี่สาวที่ต้องทำผมมาที่นี่หลังจากไปสระผมที่บ้านของพวกเธอแล้ว
ส่วนคนที่ไม่ต้องทำผมก็ให้ช่วยเป็นลูกมือ อย่างเช่น ต้มน้ำร้อน หรืองานอื่น ๆ
จากนั้นเธอก็ใส่น้ำยาดัดลงบนผมพี่สาวจ้าว ม้วนผม แล้วจึงติดหมวกอบร้อนไว้บนศีรษะ
“เสี่ยวหลิน เธอคิดว่าผมฉันต้องทำอะไรเพิ่มไหม?”
ป้าหวังมีทรงผมดัดลอนเล็กๆ อยู่แล้ว หลินเซี่ยจึงบอกว่า “ป้าหวัง ทรงผมของป้าดีมากแล้วค่ะ พรุ่งนี้แค่สระผมและเป่าให้แห้งก็พอแล้ว”
เมื่อพี่สาวจางและพี่สาวหลิวกลับมาจากที่ทำงานและได้ยินว่าหลินเซี่ยกำลังดัดผมอยู่ที่บ้าน ก็รีบเปลี่ยนชุดทำงานออกและรับไปที่บ้านของหลินเซี่ย แม้แต่หวังซิ่วฟางก็ลากเสี่ยวฮวาไปด้วย
“เสี่ยวหลิน ฉันจำเป็นต้องดัดไหม?” พี่สาวจางสางผมของตัวเองและเอ่ยถามพลางมองไปยังพี่สาวจ้าวซึ่งมีหมวกอบร้อนดัดผมอยู่บนศีรษะ
“พี่สาวจาง ถ้าคุณอยากดัดก็ดัดเลยค่ะ”
หลินเซี่ยมองไปพี่สาวหลิวที่มาด้วยกัน “แต่พี่สาวหลิวอย่าดัดผมนะคะ ผมของคุณหนาเกินไป ใบหน้าก็ค่อนข้างใหญ่ ไม่เหมาะที่จะดัดผมค่ะ พรุ่งนี้เดี๋ยวฉันจะทำผมทรงดี ๆ ที่เหมาะกับพี่ให้”
ศีรษะของพี่หลิวค่อนข้างใหญ่ ใบหน้ากลม อีกทั้งผมยังหนากว่าพี่สาวจ้าวเกินกว่าครึ่ง
หลินเซี่ยซื้อลวดดอกไม้สำหรับถักสร้อยข้อมือมาเป็นพิเศษ ด้วยวางแผนที่จะปักผมให้พวกพี่สาวในตอนที่ถักเปีย
เมื่อเห็นหลินเซี่ยออกแบบและวางแผนทรงผมสำหรับทุกคน หวังซิ่วฟางก็ถามด้วยน้ำเสียงไม่รื่นหูนัก “แล้วของฉันล่ะ?”
หลินเซี่ยมองดูทรงผมสั้นที่ดูแก่กว่าวัยแบบเดียวกับโจวลี่หรงของหวังซิ่วฟางแล้วเอ่ยว่า “คุณไม่ต้องดัดค่ะ ไปสระผมเสียก่อน แล้วฉันจะเล็มผมออกให้ในแบบที่คุณจะดูเด็กลง แถมยังดูเหมือนสาวฝรั่งอย่างไรอย่างนั้น”
หวังซิ่วฟางจึงเอ่ยอย่างเบิกบานกับลูกสาวของตน “เสี่ยวฮวารออยู่ที่นี่นะ แม่จะไปสระผมที่บ้าน”
หลังเอ่ยจบก็รีบวิ่งออกไป
……….
ในตอนที่เฉินเจียเหอกลับมา เขาก็ได้ยินเสียงดังวุ่นวายในบ้านมาแต่ไกล
นอกจากนี้ยังมีถังจวิ้นเฟิงที่ตามหลังเขามาเพื่อดูโทรทัศน์สีและเครื่องซักผ้าที่เฉินเจียเหอซื้อมาโดยเฉพาะ
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้าน เขาก็พบว่าในบ้านแออัดไปด้วยผู้คนเสียจนพวกเขาไม่มีที่จะยืน
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ความฝันการเปิดร้านทำผมของเซี่ยเซี่ยเป็นจริงแล้ว เย้ ดีใจจังเลย
พี่เหอกับเพื่อนไปยืนข้างนอกก่อนนะคะ ตอนนี้เป็นเวลาของสาวๆ ค่ะ
ไหหม่า(海馬)