ตอนที่ 135 คุกเข่าอ้อนวอน

เฉินจิ้งซานถึงกับตกใจเมื่อได้เห็นสีหน้าท่าทางตื่นเต้นดีใจของผู้เฒ่าคู่

นับตั้งแต่ที่เขารู้จักผู้เฒ่าภู่มานั้น ชายชราผู้นี้ดูเย่อหยิ่งจองหอง เขามักจะมีท่าทีเฉยชาต่อผู้คน และไม่เคยพูดจาเสียงดัง หรือแสดงอารมณ์ออกนอกหน้าเช่นนี้มาก่อน อีกทั้งยังเป็นคนที่เคร่งครัด เรื่องกิริยามารยาทอีกด้วย

และหากใครที่ไม่รู้จักนิสัยของผู้เฒ่าคู่ดีจริง ก็อาจจะเข้าใจเขาผิดไปมาก..

อีกทั้งผู้เฒ่าคู่ยังเป็นคนที่ไม่เคยสนใจเรื่องตําแหน่งฐานะของใครๆ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะสูงส่งสักแค่ ไหน เขาก็ไม่เคยใส่ใจ..

ความรู้ความสามารถในเรื่องการแพทย์แผนจีนของผู้เฒ่าคู่นั้น เรียกได้ว่าทั่วทั้งเจียงไฮวยัง หาคนเหนือกว่าไม่ได้ และด้วยความสามารถทางการแพทย์ที่สูงส่งของชายชราผู้นี้ แม้แต่เลขาธิ การของสมาคมแพทย์ ยังต้องทักทาย และเรียกขานเขาอย่างสุภาพว่า ผู้เฒ่าคู่ หรืออาวุโสกู่

และนี่เป็นครั้งแรกที่ชายชราผู้เย่อหยิ่งจองหองและเย็นชา ได้แสดงสีหน้าท่าทางดีอกดีใจออก มาอย่างนอกหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายๆคนไม่เคยได้พบเห็นมาก่อนเช่นกัน

เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติบางอย่าง ที่ยากจะเกิดขึ้นได้

ประธานเฉินถึงกับอ้าปากค้าง และได้แต่คิดว่า ช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ไม่น้อย!

ทําไมอาวุโสกู่ถึงได้ทักทายชายหนุ่มคนนั้น ด้วยท่าทางดีอกดีใจขนาดนี้นะ?

“อาวุโสกู่ คุณเองก็เหมือนกัน มาทําอะไรที่นี่?”

เมื่อเห็นผู้เฒ่าปรากฏตัวขึ้นทักทายตนเองเช่นนั้น หลินหนานจึงได้ทักทายกลับด้วยสีหน้ายิ้ม แย้มทันทีเช่นกัน และหากเปรียบเทียบกับสีหน้าของผู้เฒ่ากู้ในเวลานี้ สีหน้าของหลินหนานกลับดู ไม่กระตือรือร้นเหมือนอย่างชายชรา

“ผมรู้จักกับประธานเฉินมานานหลายปี และมีนัดที่จะไปอบรมสัมนาเรื่องการแพทย์แผน จีนให้กับโรงพยาบาลในเทศบาลฟัง แล้วคุณชายหลินล่ะ มาทําอะไรที่นึ่งั้นรึ?” ผู้เฒ่าเอ่ยถาม

“พอดีมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย และตอนนี้พวกเขาก็กําลังจะเอาตัวผมไปสอบสวน” หลิ นหนานตอบกลับเสียงเรียบ

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยรึ?” คิ้วของผู้เฒ่าคู่ขมวดเข้าหากันแน่น พร้อมกับหันมองไปทางซูกังกับหลี่ ชางไห่ทันที

และเวลานี้ ทั้งซูและหลีชางไห่ก็ดูเหมือนจะกําลังงุนงงสับสนอย่างมาก!

หลายๆคนอาจจะไม่รู้จักประธานโรงพยาบาลได้ แต่แทบไม่มีใครไม่รู้จักผู้เฒ่าคู่ที่มีชื่อเสียงผู้นี้เลย!

อย่าลืมว่า ที่หน้าร้านหอฟูซิง มีป้ายอักษรสีทองติดอยู่!

แต่ที่ทุกคนตกอกตกใจ และคิดไม่ถึงนั้นก็คือ.. ผู้เฒ่ารู้จักหลินหนานนี่สิ !

“อาวุโสรู้จักกับผู้ชายคนนี้ด้วยเหรอครับ?”

หลีชางไห่กระพริบตาปริบๆ ในขณะที่ปากก็พึมพําออกไปเสียงเบา เขาเริ่มสัมผัสได้ถึงวิกฤ ติของชีวิตที่กําลังจะคืบคลานเข้ามา

หรือฐานะที่แท้จริงของหมอนี่จะไม่ธรรมดา?

แต่หลินหนานก็ไม่รอให้ผู้เฒ่าคู่ตอบ และชิงพูดขึ้นเสียก่อน “ทําไมจะไม่รู้จัก? ในเมื่อผมไป ซื้อสมุนไพรที่หอฟูซิง ก็ต้องรู้จักสิ ไม่เห็นจะแปลกอะไร..”

ริมฝีปากของผู้เฒ่าคู่ขยับขึ้นเป็นรอยยิ้ม ซึ่งแฝงไว้ด้วยความหมายบางอย่าง แม้เขาจะไม่ได้พบ เจอ หรือสนทนากับผู้คนมากนัก แต่ใช่ว่าเขาจะมีไอคิวต่ําจนไม่สามารถเข้าใจความหมายของหลิ นหนานได้..

ตรงข้าม.. ผู้เฒ่าเป็นคนที่อ่านคําพูด และภาษากายของผู้คนได้อย่างเชี่ยวชาญ ไม่ด้อยไปก ว่าทักษะทางการแพทย์ของเขาเลยล่ะ!

จากท่าทางของหลินหนานในเวลานี้ ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องการเปิดเผยความสัมพันธ์ ระหว่างตนเองกับผู้เฒ่าให้คนภายนอกล่วงรู้

ฉะนั้น ผู้เฒ่าคู่จึงได้แต่นิ่งเงียบไป และไม่คิดที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ที่แท้จริงของพวกเขาทั้ง คู่ออกมา จึงเพียงแค่สบตากับหลินหนานเท่านั้น

“อ่อ.. ที่แท้ก็เป็นแค่ลูกค้าคนหนึ่งของหอฟูซิงนี่เอง ผมตกใจแทบแย่!”

หลีชางไห่เปรยเสียงเบา พร้อมกับแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะกระแอมเบาๆ และพูดขึ้นว่า

“ในเมื่ออาวุโสก์ซึ่งเป็นผู้ที่ทุกคนต่างก็ให้ความเคารพนับถืออยู่ที่นี่พอดี ผมจึงอยากจะขอให้ อาวุโสช่วยอยู่เป็นพยานให้กับพวกเราด้วย…”

“เอ๊ะ? เป็นพยานเรื่องอะไรกันรึ?” อาวุโสกู่เอ่ยถาม แต่ก็แสดงท่าที่พร้อมให้ความร่วมมือ เป็นอย่างดี

“ก็ผู้ชายคนนี้น่ะสิครับ บังอาจทําร้ายคนในโรงพยาบาล” หลี่ชางไห้รีบฟ้องทันที

“เขาทําร้ายใครรึ?” ผู้เฒ่าเอ่ยถามในขณะที่มือทั้งสองข้างยังคงไขว้หลังอยู่

หลีชางไห่จ้องมองชายชราด้วยหัวใจพองโต ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่าผู้ เฒ่าคู่ดูเหมือนจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้ จึงรีบตอบกลับไปทันที

“หลานชายของผมเองครับ! อาวุโสดูสิครับ.. หลานชายของผมถูกผู้ชายคนนี้ทําร้ายร่า งกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ดูเหมือนกระดูกจะหักด้วย คงต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบา ลหลายวัน..” ระหว่างที่พูด หลี่ชางก็ได้หันไปขยิบตาให้กับหลี่เฟิง

หลี่เฟิงเข้าใจได้ทันที จึงรีบร้องคร่ําครวญโหยหวนออกมา “โอ๊ย! เจ็บๆๆ เจ็บที่กันมากจริงๆ เจ็บปวดไปทั้งเนื้อทั้งตัว!”

อาวุโสกู่เห็นสีหน้าท่าทางของหลี่เฟิง เขาก็แทบจะอดกลั้นไม่ไหว และเกือบจะระเบิดเสียงหัว เราะออกมา แต่เขาก็พยายามอดกลั้นไว้จนได้ และในที่สุดก็พูดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแทน

“ หมอหลี่ ที่พูดนี่ต้องการให้ฉันทําอย่างไรงั้นรึ?”

หลี่ชางไห่หันไปมองหลินหนานด้วยสีหน้าของผู้ชนะ และตอบผู้เฒ่าคู่กลับไปว่า “ผมจะ เห็นแก่ชื่อเสียงของโรงพยาบาล ไม่โทรแจ้งตํารวจ แต่ผู้ชายคนนี้ทําร้ายร่างกายหลานชายของ ผมจนต้องเข้าโรงพยาบาล อย่างน้อย เขาก็ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาครั้งนี้ทั้งหมด!”

“นั่นสิครับอาวุโสคู่! ตอนนี้ตามเนื้อตัวผมเจ็บปวด แล้วก็ซ้ําไปหมด คงต้องนอนพักรักษาตัวที่ โรงพยาบาลอีกหลายวัน” หลี่เฟิงรีบพูดสําทับขึ้นมาทันที

ผู้เฒ่าภู่นิ่งเงียบไม่ตอบอะไร แต่กลับหันมอง และส่งสายตาไปทางหลินหนานแทน

พ่อหนุ่ม ฉันเปิดเวทีการแสดงให้แล้ว ถึงคราวที่เธอจะต้องแสดงบ้างแล้วล่ะ!

หลินหนานเองก็เข้าใจสายตาของผู้เฒ่าคู่ได้โดยไม่ต้องพูด เขากระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดขี้ นด้วยเสียงที่ดังจนดูเกินจริง

“ผมยอมจ่ายก็ได้”

หลี่ชางไห้ได้ยินก็ถึงกับยิ้มกว้าง

นี้! นึกว่าจะยะโสโอหังได้ตลอด ให้มันรู้บ้างว่าที่นี่ถิ่นใคร?

นี่นับเป็นบทลงโทษเบาๆเท่านั้น!

“แต่..”

หลินหนานจงใจหยุดนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงที่ดังยิ่งกว่าเดิม “ค่ารักษาของโรง พยาบาลนี้แพงหูฉี! ขนาดค่าผ่าตัดสมองยังสูงถึงห้าแสนหยวน แล้วนี่คุณชายหลีกระดูกหักทั้งตัว ค่ารักษาเริ่มต้นจะไม่สูงเป็นแสนหยวนเลยเหรอ?”

สีหน้าของหลี่ชางไห่เปลี่ยนเป็นตกใจอย่างมาก ที่หลินหนานนําเรื่องนี้ออกมาปาวประกาศเสีย งดัง และแน่นอนว่า หลังจากที่ได้ยินคําพูดของหลินหนาน เฉินจิ้งซานซึ่งดํารงตําแหน่งประธานข องโรงพยาบาลแห่งนี้ จึงไม่อาจทนนิ่งเฉยได้อีก!

“อะไรนะ?! ห้าแสนหยวน?!”

“คุณชาย. ใครเป็นคนแจ้งค่าใช้จ่ายให้กับคุณกัน?”

“ถึงแม้การผ่าตัดสมองจะเป็นการผ่าตัดใหญ่ แต่ค่าใช้จ่ายก็ไม่น่าจะเกินหนึ่งแสนห้าหมื่นห ยวน นี้โรงพยาบาลนะครับ ไม่ใช่โรงเชือด อีกอย่างโรงพยาบาลของเราก็มีราคามาตรฐาน อยู่ในข อบเขตที่ทางรัฐบาลกําหนดอยู่แล้ว!”

ทุกโรงพยาบาลของประเทศนี้ จะต้องมีค่ารักษาพยาบาลที่กําหนดไว้อย่างเป็นมาตรฐาน ใช่ว่า จะสามารถคิดเอาตามอําเภอใจได้ หากเรื่องนี้ทําอย่างไม่ระมัดระวัง ชื่อเสียงของโรงพยาบาลอาจ ถูกทําลายเสียหายได้

และเขาในฐานะประธานของโรงพยาบาล จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเสียหายเช่นนี้ขึ้นโดยเด็ดขาด!

หลินหนานแกล้งทําสีหน้าตกอกตกใจ พร้อมกับตอบไปว่า “แต่นี่เป็นราคาค่าผ่าตัดสมอง ที่ คุณหมอหลี่แจ้งกับเพื่อนของผมด้วยตัวเองนะครับ! ไม่เชื่อลองถามเพื่อนผมดูก็ได้ อ่อ.. พยาบาลที่ เคาน์เตอร์ก็บอกกับเพื่อนผมแบบนี้เหมือนกัน”

หลังจากที่ได้ฟังคําตอบของหลินหนาน สีหน้าของเฉินจิ้งซานก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที เขา หันไปถามหลี่ชางไห้ด้วยน้ําเสียงเย็นชา

“หลีชางไห้! เรื่องราวเป็นยังไง?”

หลีชางไห่ยิ้มประจบ และได้แต่อําๆอึ้งๆ “ท่านประธาน คือ.. ผม”

“ทางโรงพยาบาลคิดค่าผ่าตัดสมองแพงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” ฉินจิ้งซานถามซ้ําด้วยน้ํา เสียงที่ดุดันยิ่งกว่าเดิม

“ท่านประธานครับ ผม.. ผมคํานวณค่าผ่าตัดและค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ ตามอาการหนักเบา ของคนไข้ ทุกอย่างเป็นไปตามหลักการของโรงพยาบาล ไม่ได้คิดเกินจริงเลยแม้แต่น้อย” หลี่ซาง ไหรีบอธิบายให้เฉินจิ้งซานฟังทันที

ขึ้นทําให้ท่านประธานไม่พอใจขึ้นมา อาชีพการงานของฉันต้องจบสิ้นเพียงแค่นี้แน่!

“ถ้าเป็นค่าผ่าตัด บวกกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็ฟังดูมีเหตุมีผล!”

เฉินจิ้งซานเอ่ยตอบพร้อมกับพยักหน้า จากนั้นจึงหันไปทางผู้เฒ่าคู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า “อาวุ โสภู่ ในเมื่อคุณชายหลินเป็นคนรู้จักของคุณ ทางโรงพยาบาลจะคิดราคาตามที่อาวุโสเห็นสม ควร…”

“คุณชายหลิน.. คุณคิดเห็นยังไง?” ผู้เฒ่าคู่หันไปถามความเห็นของหลินหนานแทน

“เรื่องนั้นผมไม่มีปัญหา….”

“แต่ตอนนี้ผมอยากจะรู้อาการที่แท้จริงของคนไข้มากกว่าว่า เป็นอย่างไรบ้าง? และได้รับการ ผ่าตัดเรียบร้อยหรือยัง?”

ครั้งนี้หลินหนานหันไปบอกกับเฉินจิ้งซานแทน และเขารู้สึกว่า จากคําพูดของประธานเฉินนั้น เขากําลังเข้าข้างหลี่ชางไห่อยู่

ต่อให้ทางโรงพยาบาลไม่ลดค่ารักษาพยาบาลให้ ก็ไม่ใช่ปัญหาสําหรับหลินหนาน แต่เวลานี้ เรื่ องสําคัญที่สุดก็คือ ต้องรู้อาการที่แท้จริงของแม่ฉินเสี่ยวยู่ให้ได้เสียก่อน!

“ว่ายังไงล่ะหมอหลี่ ทําไมยังไม่รีบแจ้งอาการของผู้ปวย ให้ญาติคนไข้ฟังอย่างละเอียดอีก?!”

ประธานเฉินหันไปสั่งการด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และหน้าที่ของเขาในเวลานี้ก็คือ ต้องรีบสะ สางปัญหาที่อยู่ตรงหน้านี้ให้เสร็จสิ้นลงไปโดยเร็ว ทั้งที่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเขาด้วยซ้ําไป

“ท่านประธานเฉินครับ.. ความจริงคนไข้จะต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน แต่คนพวกนี้เอา แต่สร้างปัญหา จนทําให้พลาดเวลาที่ดีที่สุดสําหรับการผ่าตัดไปแล้ว ตอนนี้ แม้แต่ตัวผมเองยังไม่ กล้าลงมีดผ่าตัดสมองให้คนไข้แล้ว!”

หลี่ชางไห้ตอบประธานเฉินพร้อมกับยักไหล่ เป็นการประกาศว่า เขาจะไม่รักษาคนไข้รายนี้อีกแล้ว

หึ! ในเมื่อพวกแกสร้างปัญหาให้กับฉัน แล้วทําไมฉันต้องสนใจความเป็นความตายของคนไข้ คนนี้ด้วย?

ฉันประกาศไปแล้ว จะไม่ขอกลืนน้ําลายตัวเองเด็ดขาด!

เว้นแต่ว่า.. แกจะคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องฉัน!