ตอนที่ 127 – พึ่งพาชีวิตแก่กัน
เบื้องหน้าหน้าผาชันสูงสิบกว่าเมตร
ชิ่งเฉินให้เจียงเสวี่ยหยิบเชือกไนลอนอ้อมขึ้นไปบนยอดผา
เขาผูกปลายเชือกอีกด้านไว้กับเอวตนเอง ป้องกันไม่ให้เขาปีนหน้าผาล้มเหลวแล้วตกลงพื้น
ระดับความสูงนี้เทียบเท่ากับความสูงตึกหกเจ็ดชั้น ถ้าปีนมือเปล่าขึ้นไปครึ่งทางแล้วร่วงลงมา ไม่ตายก็พิการ
ยอดผาโล้นเกลี้ยงไม่มีต้นไม้ เจียงเสวี่ยได้แต่พันเชือกไนลอนรอบเอวตัวเอง จากนั้นขุดหลุมดินหนึ่งหลุมบนพื้นแล้วยืนอยู่ข้างในเป็นการหยิบยืมกำลัง อย่างนี้จึงจะมีกำลังพอรั้งแรงกระชากตอนที่ชิ่งเฉินตกลงไป
พร้อมกับที่ชิ่งเฉินปีนขึ้นไปทีละนิด ๆ เธอจะต้องดึงเชือกให้ตึงขึ้นไม่หยุด ตอนที่ชิ่งเฉินพลาดตกลงไป เธอจะต้องออกแรงดึงในชั่วพริบตาไม่ให้ชิ่งเฉินได้รับบาดเจ็บ
เวลาเดียวกัน ยังต้องป้องกันตนเองไม่ให้ถูกแรงจากการที่ชิ่งเฉินตกลงไปลากลงหน้าผาชัน
ชิ่งเฉินยืนอยู่ตรงหน้าหน้าผาชัน แหงนมองเงียบ ๆ
ทบทวนคำพูดที่ครูเคยพูดรอบแล้วรอบเล่า
”หน้าผาดูจากที่ไกล ๆ เป็นผืนเดียวไม่มีที่ให้จับ แต่ตอนที่เธอเข้าใกล้มันก็จะเห็นเส้นสายเล็กละเอียดบนนั้น”
”ณ ขณะนั้น เธอก็เหมือนอยู่บนฝ่ามือของยักษ์ เธอสามารถมองเห็นเส้นลายมือของมัน”
”นั่นก็คือทางลัดให้เธอไปสู่สวรรค์”
”นั่นเป็นทางที่โลกเหลือไว้ให้เธอ ถึงแม้ว่าจะไม่เคยมีคนเดินผ่าน”
ผาชันเบื้องหน้าชิ่งเฉินจู่ ๆ กลายเป็นสามมิติขึ้นมา เขามองเห็นก้อนหินที่ยื่นออกมานิด ๆ ยังมีรอยแตกหักบนหน้าผา
”เวลานี้ เธอแค่ต้องทำให้ฝ่ามือ, แขน, ฝ่าเท้า, ขาของตัวเองกลายเป็นเครื่องจักรที่แข็งแกร่งที่สุด ทำความเข้าใจพวกมัน เกาะกุมพวกมัน ยึดครองพวกมัน”
”อย่างนั้น เส้นทางไต่ขึ้นสวรรค์เส้นนี้ก็จะเป็นของเธอแล้ว”
ชิ่งเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ใช้นิ้วมือจับที่ที่สามารถยืมแรงได้ทั้งหมด ปีนขึ้นไปช้า ๆ
เขาเอาคำสอนทุกคำที่ครูเคยบอกเปลี่ยนให้กลายเป็นความรู้และประสบการณ์ของตนเอง
ความทรงจำ, พรสวรรค์ พละกำลัง นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ชิ่งเฉินครอบครอง
แต่เขาค้นพบว่า อยากจะไปถึงสถานที่ที่ใกล้ท้องนภามากที่สุดยังจำเป็นต้องใช้โชคนิดหน่อย
ตอนที่ชิ่งเฉินปีนขึ้นไปถึงตำแหน่งสิบเมตร ก้อนหินหนึ่งก้อนบนหน้าผาจู่ ๆ หลุดออกมา ม่านตาของเด็กหนุ่มหดลงทันที สมดุลของแรงพยุงสามเส้าที่เดิมทีมั่นคงถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง
เขาสัมผัสได้ว่าร่างกายเคลื่อนออกจากหน้าผาอย่างรวดเร็ว ตกลงไป
ความรู้สึกไร้น้ำหนักอย่างรุนแรงทำให้ชิ่งเฉินรับรู้ถึงความตายที่กำลังเคลื่อนเข้าใกล้อย่างช้า ๆ
พริบตานั้น เชือกไนลอนที่เอวฉุดเอาไว้ ฝืนรั้งให้เขาแขวนค้างอยู่กลางอากาศ
เจียงเสวี่ยยืนอยู่ที่ยอดผากัดฟันดึงเชือก จากนั้นปล่อยชิ่งเฉินกลับลงพื้นทีละนิด ๆ
เวลานี้ชิ่งเฉินย้อนทบทวนฉากที่เพิ่งเกิดขึ้น เขาได้รับประสบการณ์ใหม่หนึ่งอย่าง : บางเวลาโลกใบนี้ก็จะหลอกลวงคุณ ก้อนหินที่เดิมทีดูจะหนาแน่นดีก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ได้
แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาของโลกเลย สิ่งที่คุณสามารถกระทำก็คือระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีก
ชิ่งเฉินแบมือ ค้นพบว่าปลายนิ้วมือปรากฏตุ่มเลือดเล็กละเอียด แตะนิดเดียวก็ปวดตุบ ๆ
เจียงเสวี่ยยื่นศีรษะออกมาจากบนยอดผาถามว่า “เสี่ยวเฉิน คุณไม่เป็นไรนะ”
ชิ่งเฉินยิ้ม “ขอบคุณครับน้าเจียงเสวี่ย ผมไม่เป็นไร ต่อ!”
ในเวลาไม่กี่วันที่เหลือ ชิ่งเฉินล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นกระตุ้นตนเองขึ้นมาอีกครั้ง ปีนขึ้นไปบนหน้าผาอันตั้งชันนั้นใหม่
เห็นกับตาว่ามือทั้งคู่ของเขาเสียดสีจนเกิดตุ่มเลือดและรอยด้าน แต่เด็กหนุ่มฝึกฝนอย่างเหมือนจะไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย
มองจากที่ไกล ๆ บนหน้าผาชันที่เดิมเป็นสีขาว หลังจากผ่านไปไม่กี่วันถึงกับสามารถมองเห็นสีแดงเข้มปะปนแล้ว นั่นคือเลือดบนมือของเด็กหนุ่ม
ถ้าไม่ใช่ว่ามียาประสิทธิภาพสูงที่เจียงเสวี่ยเอากลับมาจากโลกภายใน เกรงว่ามือทั้งคู่ของชิ่งเฉินคงรับการฝึกปีนเขามือเปล่าความเข้มข้นสูงไม่ไหว
ในช่วงระยะเวลา 5 วัน ช่วงเวลากลางวันทั้งหมดชิ่งเฉินแทบจะใช้ไปกับหน้าผาชันนี้ ทนไม่ไหวจริง ๆ ก็จะนอนลงด้านล่างหน้าผาหลับสักงีบ รอหลี่ถงอวิ๋นซื้ออาหารมาให้เขากับเจียงเสวี่ย กินอิ่มแล้วฝึกต่อ
พรุ่งนี้ก็คือวันที่ 8 เดือนตุลาคม จวนจะเปิดเรียนแล้ว แต่ชิ่งเฉินรู้สึกว่าการฝึกยังไม่พอ
ถ้าไม่ใช่กังวลว่าการขอลาจะทำให้คนระแวง เขาอาจจะอยู่ที่เขาเหล่าจวินอีกสองวัน จนกระทั่งเวลานับถอยหลังคืนกลับถึงศูนย์
เจียงเสวี่ยถามชิ่งเฉินว่า “ทำไมถึงอยากฝึกปีนเขามือเปล่าล่ะ”
ชิ่งเฉินเพียงตอบว่า “เพราะปีนข้ามเขาสูงหนึ่งลูก ชีวิตก็จะไม่เหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิง”
ปีนข้ามเขาสูงลูกที่หนึ่งก็คือด่านเป็นตายที่หนึ่งที่ชิ่งเฉินต้องเผชิญ
เจียงเสวี่ยไม่ถามอะไรมากความอีก
สำหรับเธอ ขอเพียงชิ่งเฉินรู้สึกว่าจำเป็น งั้นเธอให้ความร่วมมือด้วยเต็มกำลังก็พอแล้ว
ทุกวันฝึกเสร็จ เธอยังจะถือผ้าพันแผลและแอลกอฮอล์ทำความสะอาดแผลบนฝ่ามือให้ชิ่งเฉินอย่างใส่ใจ จิ้มตุ่มเลือดทีละนิด ๆ ชะล้างสิ่งสกปรกในบาดแผลจนสะอาด
จากนั้นจึงทายาให้เขา
เสี่ยวถงอวิ๋นนอกคว่ำอยู่ด้านข้าง สองมือเท้าคาง
ชิ่งเฉินนั่งเงียบ ๆ จู่ ๆ เขามีความรู้สึกว่าในโลกอันกว้างใหญ่มีคนที่พึ่งพาชีวิตแก่กัน
………………………………………………………………