บทที่ 117 แกคู่ควรเหรอ

คิงดราก้อน

เห็นชายหนุ่มสีหน้าหม่นหมองคนหนึ่งเดินออกมาจากในกลุ่มคน สวมชุดลำลองแบรนด์เนมทั้งตัว ในมือถือลูกวอลนัทขนาดใหญ่สองลูกหมุนไปหมุนมา ที่คอมีสร้อยคอส่องแสงแวววาวเส้นหนึ่ง ดูท่าทางน่าจะเป็นคุณชายฐานะดีคนหนึ่ง

ด้านหลังชายหนุ่มคนนี้มีลูกน้องเดินตามอยู่สี่ห้าคน คอยปรนนิบัติรับใช้เขา

หนุ่มฟันทองยิ้มแย้ม แล้วรีบเข้าไปต้อนรับ “คุณชายอู๋ ลมอะไรพัดคุณมาถึงที่นี่ครับ”

“เจ้าฟันทอง แกเสแสร้งให้มันน้อย ๆ หน่อย ฉันต้องการของที่อยู่ในมือแก!” คุณชายอู๋เชิดคางขึ้นพลางเอ่ยพูดด้วยท่าทางโอหัง

หนุ่มฟันทองสีหน้าลำบากใจ “คุณชายอู๋ครับ ของชิ้นนี้ได้ขายให้กับพ่อหนุ่มคนนี้แล้วครับ”

คุณชายอู๋จื้อเหวินชอบสะสมของแปลก ๆ เป็นอย่างมาก สิ่งของหลายชิ้นเรียกชื่อไม่ถูกว่าเป็นอะไร และก็ไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไรด้วย

“ของของนายยังไม่ได้ขายออกไปไม่ใช่หรือไง!” อู๋จื้อเหวินมองถุงพลาสติกในมือหนุ่มฟันทองแล้วเอ่ยถาม

จากนั้นก็หันไปมองเซียวหยาง แววตาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ไอ้หมอนี่ใส่เสื้อผ้าตามตลาดนัด มีสิทธิ์อะไรมาแย่งของกับตัวเอง

“แกขายให้เขาเท่าไหร่?”

“สองร้อยครับ นี่เป็นของที่ผมปีนยอดหวาซาน……” หนุ่มฟันทองเอาประโยคที่พูดกับเซียวหยางเมื่อครู่นี้มาพูดอีกครั้ง

อู๋จื้อเหวินขมวดคิ้ว ยกมือตบหน้าหนุ่มฟันทองไปหนึ่งฉาด “แกพูดกับฉันให้มันดี ๆ หน่อย!”

หนุ่มฟันทองเอามือจับหน้าตัวเองไว้ไม่กล้าพูดพล่ามอีก จากนั้นก็พูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า “คุณชายอู๋ พูดอย่างไม่ปิดบังคุณนะครับ นี่เป็นของที่หลายวันก่อนผมเก็บได้จากในชนบท ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นของอะไรเหมือนกัน เอาไปให้คนตรวจสอบดูแล้วเขาก็บอกว่านี่ไม่ใช่ของโบราณอะไรเลย”

เขาเหลือบมองเซียวหยางอย่างร้อนตัว เซียวหยางสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ ราวกับไม่ได้ยินในสิ่งที่พูด

อู๋จื้อเหวินมองของสีดำที่อยู่ในถุงพลาสติก “ฉันชอบของที่ผู้เชี่ยวชาญไม่รู้จักแบบนี้แหละ ฉันให้หนึ่งพันหยวนเลย จะซื้อกลับไปศึกษาด้วยสักหน่อย”

ส่วนเซียวหยาง เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

หนุ่มฟันทองดีอกดีใจมาก ลูกบอลเหล็กที่ไม่มีราคาลูกหนึ่งกลับถูกคุณชายอู๋ให้ราคามากถึงห้าเท่า เขาต้องเต็มใจขายให้อยู่แล้ว

“น้องชาย ขอโทษด้วยนะ นี่สองร้อยหยวน ลูกบอลเหล็กนี้ผมไม่ขายแล้ว”

หนุ่มฟันทองกล่าวขอโทษ แต่น้ำเสียงกลับแอบดีใจอยู่มาก

เซียวหยางสองมือกอดอก มองหนุ่มฟันทองแล้วเอ่ยพูด “เถ้าแก่ ทำธุรกิจต้องมีความน่าเชื่อถือนะ ฉันให้เงินคุณก่อน เพราะเขาให้เงินมากกว่าฉัน เลยขายให้เขางั้นเหรอ เป็นคนต้องมีหลักการสิ”

“ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ! ฉันเป็นคนค้าขาย ใครให้ราคาสูงกว่าฉันก็ต้องขายให้คนนั้น!” หนุ่มฟันทองยิ้มอย่างร้ายกาจพลางเอ่ยพูด

เห็นว่ามีการโต้เถียงกัน ผู้คนโดยรอบก็ค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น

ในสายตาของพวกเขา เซียวหยางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอู๋จื้อเหวินเลยสักนิด อู๋จื้อเหวินดูร่ำรวยทรงอำนาจ ส่วนเซียวหยางดูไม่เจียมตัว

อู๋จื้อเหวินมองหนุ่มฟันทองแล้วพูดอย่างหงุดหงิด “แกมัวพูดพล่ามอะไรอยู่? รีบเอาของมาให้ฉันสิ!”

หนุ่มฟันทองพยักหน้า แล้วยื่นถุงพลาสติกในมือให้อู๋จื้อเหวิน

“เดี๋ยวก่อน!”

เซียวหยางเดินไปตรงหน้าหนุ่มฟันทองแล้วแสยะยิ้ม “นายนี่เป็นเถ้าแก่ที่ไม่จริงใจเอาซะเลย เพื่อเงินถึงกับลืมเรื่องกฎเกณฑ์ในสายอาชีพเลยเหรอ?”

ธุรกิจค้าขายวัตถุโบราณมีกฎเกณฑ์อย่างนี้ ถ้าเกิดมีผู้ซื้อชอบของชิ้นไหนแล้วจ่ายเงินซื้อ เท่ากับว่าการค้าขายเป็นอันสิ้นสุด ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก นอกเสียจากผู้ซื้อเป็นฝ่ายยอมก่อน

แต่หนุ่มฟันทองกลับละเมิดกฎเกณฑ์เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย ถ้าหากลูกค้ารู้เข้าเกรงว่าต่อไปคงไม่มีใครกล้าซื้อของจากร้านของเขาแล้ว

น้ำเสียงของเซียวหยางถึงแม้ไม่ดังเท่าไหร่ แต่กลับทำให้หนุ่มฟันทองรู้สึกกดดันขึ้นมา

หนุ่มฟันทองกลืนน้ำลายลงคอด้วยความประหม่า เขาดึงมือกลับมา มองอู๋จื้อเหวินด้วยสายตาอ้อนวอน “คุณชายอู๋ครับ คุณว่าชิ้นนี้……”

อู๋จื้อเหวินไม่สนใจหนุ่มฟันทอง เขาจ้องเขม็งเซียวหยาง แล้วพูดอย่างอันธพาลว่า “มึงมันเป็นใคร? ถึงได้กล้าแย่งของที่กูอู๋จื้อเหวินชอบ มึงไม่สืบดูหน่อยล่ะ ว่าอู๋จื้อเหวินคือใคร?”

“มึงแม่งกล้ามาพูดเรื่องกฎเกณฑ์กับกู กูจะบอกมึงไว้นะ คำพูดของกูก็คือกฎเกณฑ์ ฟังกูแล้วรีบไสหัวไปซะ!”

สิ้นเสียงพูด ทุกคนก็พากันตกใจกลัว!

ตระกูลอู๋เป็นตระกูลที่ร่ำรวยมาก คนทั่วไปไม่มีทางมีเรื่องกับพวกเขาได้เด็ดขาด!

เซียวหยางยืดตัวขึ้นแล้วยิ้ม “ตระกูลอู๋? ไม่เคยได้ยินแหะ!”

“ของที่ฉันต้องการ ไม่เคยมีใครแย่งมันไปได้เลย!”

อู๋จื้อเหวินแสยะยิ้มพลางพูด “บังเอิญจริง ๆ! ฉันก็เป็นคนแบบนี้เหมือนกัน ของที่ฉันต้องการไม่มีใครกล้าไม่ให้ฉัน!”

เซียวหยางยิ้มเรียบ ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร

ในแววตาของอู๋จื้อเหวินเต็มไปด้วยความโกรธ ตั้งแต่เล็กจนโตผู้คนที่อยู่รอบตัวเขาต่างให้ความเคารพเขาทั้งนั้น ไม่เคยพบเจอคนที่กล้าต่อต้านเขามาก่อน

ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้มีผู้คนมากมายคอยดูอยู่ ถ้าหากไม่ได้ซื้อลูกบอลเหล็กนี้ไป ตระกูลอู๋คงเสียหน้าแน่ ต่อไปเขาจะมากร่างในถนนขายวัตถุโบราณได้ยังไงล่ะ!

“ไอ้ฟันทอง กูให้มึงห้าพัน! รีบเอาของให้กู!” อู๋จื้อเหวินตะคอกเสียง แล้วมองไปที่เซียวหยางด้วยสายตาอำมหิต

ห้าพัน!

หนุ่มฟันทองดีใจเป็นที่สุด!

“คุณชายอู๋ คุณอย่าโมโหเลยครับ ของชิ้นนี้ผมขายให้คุณครับ!”

“เถ้าแก่ นายลืมกฎเกณฑ์ของที่นี่ไปแล้วเหรอ?” เซียวหยางพูดอย่างเย็นชา

หนุ่มฟันทองเท้าชะงักไปทันที ใบหน้ามีรอยยิ้มเหยเกเหมือนจะร้องไห้ เขาก็ไม่รู้ว่าควรต้องทำยังไงแล้ว?

“ทำไม? หรือนายอยากทำลายกฎเกณฑ์ให้ได้?” เซียวหยางเอ่ยถาม

หนุ่มฟันทองคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบ มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มศีรษะ

เขาสามารถขายลูกบอลเหล็กนี้ให้กับอู๋จื้อเหวินได้เลย แต่นั่นแสดงถึงความไม่น่าเชื่อถือของเขาในธุรกิจค้าขายวัตถุโบราณ เมื่อเสื่อมเสียชื่อเสียงแล้ว ต่อไปจะค้าขายอยู่ในวงการวัตถุโบราณได้ยังไงกันล่ะ!

หนุ่มฟันทองรู้สึกลำบากใจ กัดฟันยื่นถุงพลาสติกให้กับเซียวหยาง “น้องชาย ของนี้ให้นายแล้วกัน กฎเกณฑ์ยังต้องรักษาเอาไว้ ฉันยอมแล้วล่ะ!”

“ไอ้เวรเอ้ย!” อู๋จื้อเหวินโมโหเกรี้ยวกราด “ไอ้ฟันทอง มึงมันสารเลว!”

เซียวหยางรับถุงพลาสติกมา มองอู๋จื้อเหวินแล้วยิ้มอย่างเรียบ ๆ พลางเอ่ยพูด “ทำไม? แกก็อยากทำลายกฎเกณธ์ของวงการวัตถุโบราณงั้นเหรอ?”

“มึง……” อู๋จื้อเหวินชี้หน้าเซียวหยางด้วยความโมโหแต่พูดอะไรไม่ออก

ถึงแม้อู๋จื้อเหวินร่ำรวยทรงอำนาจ แต่ทุกเรื่องก็ต้องมี “เหตุผล”

ในเมื่อชอบวัตถุโบราณ ก็ต้องเคารพกฎเกณฑ์ในวงการวัตถุโบราณ

ความหยิ่งทะนงของเซียวหยาง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันตกตะลึง!

“ก็แค่ลูกบอลเหล็กลูกหนึ่ง ในเมื่อคนชั้นต่ำอย่างแกชอบขนาดนี้ ฉันก็จะยกให้แก!”

อู๋จื้อเหวินแสร้งทำเป็นพูดเพื่อรักษาหน้าของตัวเอง เขาเป็นถึงคุณชายของตระกูลอู๋ไม่จำเป็นต้องมาอับอายขายหน้าเพราะแย่งลูกบอลเหล็กกับคนอื่น แค่กระโถนฉี่ในบ้านเขาก็เป็นของที่จักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิงเคยใช้มาก่อน

เซียวหยางก็แค่คนธรรมดาต่ำต้อยคนหนึ่ง ไม่มีค่าพอให้เขาต้องโกรธ!

อู๋จื้อเหวินจงใจชูลูกวอลนัทสีสวยที่อยู่ในมือสองลูกให้ทุกคนดู “นี่เป็นของที่ฮ่องเต้ยองเจิ้งเคยใช้ เพียงแค่หนึ่งลูกในนี้ก็มีราคาสูงถึงขนาดที่หาเงินทั้งชีวิตนี้พวกแกก็ไม่มีทางซื้อได้!”

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึง มองลูกวอลนัทที่กลิ้งไปมาอยู่ในมืออู๋จื้อเหวินด้วยสายตาอยากได้

ต้องบอกว่าคุณชายอู๋นั้นสุดยอดจริง ๆ ของราคาแพงขนาดนี้ยังกล้าเอามาถือเล่นในมือ ถ้าหากเป็นพวกเขาคงเก็บไว้ในบ้านเป็นอย่างดี

หนุ่มฟันทองเพ่งมองอย่างละเอียด ก็ร้องตกใจทันที “คุณชายอู๋ หรือว่านี่จะเป็นมุกมังกรที่ก่อนหน้านี้ถูกประมูลในราคาสูงถึงสี่ล้านหยวน?”

พูดจบ ก็มีเสียงฮือฮาดังออกมาจากกลุ่มผู้คน!

อู๋จื้อเหวินพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “เจ้าฟันทอง แกนี่ช่างตาถึงจริง ๆ!”

อู๋จื้อเหวินที่กำลังพูดอยู่ได้จงใจเหลือบมองเซียวหยางที่สีหน้าไร้อารมณ์ ไอ้หมอนี่ไม่เจียมตัวกล้าแย่งของกับตัวเอง ตอนนี้จะทำให้มันได้รู้ถึงความเก่งกาจของตัวเอง!

เซียวหยางยังคงสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ

อู๋จื้อเหวินชี้ไปที่สร้อยเงินบนคอของตัวเอง “พวกแกรู้ไหมว่านี่คืออะไร?”

ทุกคนต่างพากันส่ายหน้า มองอู๋จื้อเหวินด้วยสีหน้าสงสัย คิดว่าของที่คนอย่างอู๋จื้อเหวินใส่ติดตัวคงต้องมีที่มาที่ไปแน่นอน

อู๋จื้อเหวินมองเซียวหยางแล้วยิ้มออกมา เขากลัวจริง ๆ ว่าตัวเองพูดออกมาแล้วจะทำให้เซียวหยางตกใจ “นี่เป็นของที่จูหยวนจางสั่งทำพิเศษให้จูเปียวลูกชายของเขา อย่ามองว่าภายนอกเป็นเงิน ที่จริงด้านในเป็นทองคำบริสุทธิ์ มีมูลค่าสิบสามล้าน!”

กลุ่มคนต่างร้องเสียงตกใจออกมา!

มิน่าล่ะเวลาคุณชายอู๋ออกไปไหนต้องมีบอดี้การ์ดคอยติดตาม พกของราคาเป็นสิบล้านติดตัวหากไม่พาบอดี้การ์ดมาด้วยคงไม่ปลอดภัย!

“เป็นไงล่ะ? คนชั้นต่ำอย่างแกยอมแพ้แล้วล่ะสิ!” อู๋จื้อเหวินพูดอย่างได้ใจ

เซียวหยางมองดูอย่างเงียบ ๆ ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ

อู๋จื้อเหวินโกรธมาก เห็นท่าทางเฉยเมยของเซียวหยางแล้วอย่าพูดเลยว่าในใจเขารู้สึกไม่สบอารมณ์มากแค่ไหน!

“คนชั้นต่ำก็คือคนชั้นต่ำ! ไม่เคยเห็นของมีค่าอะไรมาก่อน เลยหยิบเอาก้อนขี้มาเป็นของรัก!” อู๋จื้อเหวินพูดจาถากถาง

เซียวหยางแสยะยิ้ม “ฉันว่านายนี่ภัยใกล้มาถึงตัวแล้วนะ ถึงได้ไม่รู้ว่าเอาอาวุธสังหารชิ้นหนึ่งมาทำเป็นสมบัติล้ำค่า น่าตลกชะมัด!”

“แกไม่มีปัญญาซื้อใส่ล่ะสิ เลยบอกว่าเป็นของไม่ดี!” อู๋จื้อเหวินชำเลืองมองเซียวหยางพลางพูดอย่างไม่สบอารมณ์

เซียวหยางมองไปยังสร้อยเงินที่อยู่บนคออู๋จื้อเหวินแล้วยิ้มพลางพูดว่า “สร้อยเส้นนี้ของนายไม่ใช่สมบัติอะไรเลย ถูกคนตายใส่มาพันกว่าปีแล้ว กลิ่นศพที่อยู่บนนั้นฉันที่ไกลขนาดนี้ยังได้กลิ่นเลย!”

“มึงแม่งกำลังสาปแช่งใครห๊ะ! กูไม่ใช่คนขี้ตกใจหรอกโว้ย!” อู๋จื้อเหวินรีบตอบโต้เซียวหยางเพื่อปกปิดความประหม่าที่อยู่ในใจ

เซียวหยางขมวดคิ้ว “แกคู่ควรเหรอ!”