ตอนที่ 90 ปฏิเสธ
อวี้จิ่นรอคำตอบของนางดุจรอฟังคำตอบของเทพเจ้า
เขาค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้นางอย่างระมัดระวัง เขาอยากจะถามคำถามนี้มานานแล้ว
หากนางเต็มใจ เขาจะจัดการกับอุปสรรคทั้งหลายที่มาขวางกั้นการแต่งงานของพวกเขา แต่หากนางไม่เต็มใจ เขาก็จะรอจนกว่านางจะยินยอม
อวี้จิ่นเอ่ยถามประโยคนี้ขึ้นเบาๆ แต่เมื่อเจียงซื่อได้สติกลับคืนมานางก็โกรธเสียหน้าซีด
เขาต้องการเกลี้ยกล่อมให้นางคล้อยตามด้วยความงุนงงเหมือนเมื่อชาติก่อน เพียงแต่เมื่อชาติก่อนนางอยู่ในร่างของสตรีศักดิ์สิทธิ์อูเหมียว แต่บัดนี้นางอยู่ในร่างของแม่นางที่เพิ่งจะยกเลิกงานแต่งงาน
หากนางพยักหน้าตอบรับ เขาจะยกขบวนอภิเษกมาสู่ขอแต่งตั้งนางให้เป็นพระชายางั้นหรือ
ความคิดนี้แทรกเข้ามาในความคิดของเจียงซื่อ ทำให้นางได้สติขึ้นมาไม่น้อย
ในชาตินี้ นางจะไม่ให้โอกาสเขาหลอกใช้นางแบบเดิมอีกแล้ว
“ข้าไม่ยินยอม คุณชายอวี๋ได้โปรดอย่าล้อเล่นกับข้าเช่นนี้อีกเลย” เจียงซื่อยกมือขึ้นเช็ดหน้าผากที่ถูกจูบด้วยหลังมือของนาง
วินาทีนี้ นางคล้ายกับเห็นชายหนุ่มตรงหน้าแววตามืดมนลงเล็กน้อย แต่ก็คล้ายกับนางตาลายไปเอง เมื่อจ้องมองอีกครั้งกลับพบว่าเขาทำท่าทางผ่อนคลายตามปกติ
“แตงโมที่รีบเก็บผลจะไม่หวาน ในเมื่อแม่นางไม่ยินยอมให้ข้ารับผิดชอบในตัวเจ้า ข้าก็ไม่ว่าอะไร เรากลับมาสนทนากันถึงเรื่องเมื่อครู่เถิด” อวี้จิ่นกล่าวออกมาราวกับไม่เกิดเรื่องใดขึ้น
“กล่าวมาตรงๆ เถิดว่าคุณชายอวี๋ต้องการทำอย่างไรกับเรื่องที่ท่านเห็นข้าทำในคืนนี้” จูบของเขาเมื่อครู่ทำให้จิตใจของนางยุ่งเหยิง รู้สึกว่าชายตรงหน้านี้ตั้งแต่ปลายผมจรดเท้าช่างอันตรายเหลือเกิน
“ข้าต้องการรู้แผนการต่อจากนี้ของเจ้า”
หญิงสาวผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก ดึกดื่นเที่ยงคืนกล้าติดตามชายกำยำไปยังสถานที่ไม่รู้จัก อีกทั้งแสร้งทำเป็นวิญญาณหลอกหลอน เขาจะไม่อาจเดาได้เลยว่านางจะไปก่อเรื่องเช่นไรขึ้นอีก
“ข้าจะถวายธูปเทียนที่วัด อุทิศส่วนกุศลแก่บรรดาหญิงสาวที่ตายจากไปโดยไม่ชอบธรรมเหล่านั้น”
“เพียงเท่านี้หรือ?”
“เพียงเท่านี้ เมื่อถึงเวลาพี่รองข้าจะเดินทางไปด้วย เพราะฉะนั้นคุณชายอวี๋ไม่จำเป็นต้องกังวล”
เจียงซื่อไม่ได้ตั้งใจจะร้องขอความช่วยเหลือจากอวี้จิ่น
ในเมื่อนางตั้งใจแล้วว่าในชาตินี้จะอยู่ให้ห่างเขามากที่สุด แต่พอมีปัญหาก็วิ่งเข้าไปให้เขาช่วยเหลือคงไม่ดี
“แม่นางเจียงมั่นใจหรือว่าใต้เท้าเจินผู้นั้นจะสามารถช่วยแก้ไขเรื่องนี้ได้?”
เจียงซื่อหัวเราะออกมา “มีคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า ทำให้ดีที่สุดแล้วรอดูชะตากรรม ข้าได้ทำอย่างสุดความสามารถของตนแล้ว”
“ใต้เท้าเจินเป็นนักปราชญ์ผู้ร่ำเรียนตำรา บางทีเขาอาจจะไม่เชื่อเรื่องผีสาง”
“ขุนนางที่อุทิศตนเพื่อประชาชนโดยแท้จริงนั้น ต่อให้เผชิญหน้ากับเรื่องเช่นนี้เขาก็เชื่อ”
“ดังนั้นนางจึงจะเดินทางไปที่วัดหลิงอู้สักหน เพื่อไปพบครอบครัวของหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายอีกคน
หลังจากนี้จะมีคนเข้าไปฟ้องร้องฉังซิงโหวซื่อจื่ออีก และเป็นเรื่องเดียวกัน ต่อให้ไม่เชื่อเรื่องผีสางก็คงต้องหวั่นไหวกันบ้าง
“ดูเหมือนว่าแม่นางจะมั่นใจในตัวใต้เท้าเจินยิ่งนัก
เจียงซื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจนางก็รู้สึกบางอย่างขึ้นมา
จะว่าไปแล้ว การที่นางเชื่อมั่นใต้เท้าเจินเช่นนี้ก็เป็นเพราะชายผู้อยู่ตรงหน้า
นางยอมรับว่าชายผู้นี้แม้จะเล่นกับความรู้สึกของนาง แต่ในด้านอื่นๆ นางก็เชื่อใจเขามากทีเดียว
ไม่เช่นนั้น นางคงจะไม่หวั่นไหว…
“ข้าควรกลับแล้ว เรื่องในคืนนี้ข้าหวังว่าคุณชายจะกล่าวคำไหนคำนั้น อย่าได้เอ่ยขึ้นกับพี่รองของข้า”
อวี้จิ่นเดินตามติดออกไป
เจียงซื่อหยุดฝีเท้าลง “คุณชายอวี๋ไม่จำเป็นต้องไปส่งข้าหรอกเจ้าค่ะ”
อวี้จิ่นยิ้มแล้วชี้ไปยังสุนัขตัวโตที่นอนอยู่ในลาน “ให้เอ้อร์หนิวส่งพวกเจ้ากลับไปเถิด”
เอ้อร์หนิวเดินเข้ามาแล้วดมมือของเจียงซื่อย่างออดอ้อน
เจียงซื่อนิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้า
เมื่อมองดูเจียงซื่อเดินออกไปไกลพร้อมกับเอ้อร์หนิวแล้ว แต่อวี้จิ่นยังคงอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน
เขาก้มหน้ามองดูมือตนเอง ภาพที่นางยกมือขึ้นปัดหน้าผากตรงที่เขาจุมพิตนั้นผ่านเข้ามาในความคิด
ดูเหมือนว่านางจะรังเกียจเขากว่าที่คิดเอาไว้
ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ดีเอาเสียเลย
อวี้จิ่นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดบริเวณบาดแผลกลางฝ่ามือที่ถูกเล็บจิกเข้าไปเป็นรอย ผ้าอันขาวสะอาดเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยเลือดทันใด
ค่ำคืนอันเงียบสงัด
เมื่อเอ้อร์หนิวเดินทางกลับมา พบว่าอวี้จิ่นยังยืนอยู่ในลาน จึงได้วิ่งเข้าไปล้อมรอบตัวเขาเอาไว้อย่างตื่นเต้นดีใจ
อวี้จิ่นยื่นมือออกไปดึงหูทั้งสองข้างของเอ้อร์หนิว ถอนหายใจออกมาว่า “เฮ้อ เหตุใดจึงไม่อาจทำให้นางชื่นชอบข้าได้ดั่งเจ้ากันนะ”
เขาเทียบไม่ได้แม้แต่กับสุนัข!
เอ้อร์หนิวส่งเสียงครางออกมาเบาๆ แล้วกระดิกหาง
นางชื่นชอบมันก็ผิดหรือ มันผิดอย่างไรเล่า!
ณ เรือนไห่ถัง อาเฉี่ยวรออย่างรีบร้อน นางมองไปยังเครื่องบอกเวลาแล้วเดินวนไปมา
ปาเข้าไปกี่ยามแล้ว เหตุใดคุณหนูจึงยังไม่กลับมาอีกเล่า หรือจะเกิดเรื่องขึ้น?
นางไม่ควรตามใจคุณหนูและอาหมานเช่นนี้เลย!
ในขณะที่อาเฉี่ยวกำลังรู้สึกผิดที่ตนทำเช่นนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นจากประตู
อาเฉี่ยวเรียกว่าบินออกไปก็ว่าได้ นางรีบพาเจียงซื่อและอาหมานเข้ามาด้านใน
“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวตกใจเสียยิ่งกว่าอะไร” อาเฉี่ยวมองเจียงซื่อจากหัวจรดเท้า เมื่อพบว่าปลอดภัยดีก็ร้องไห้ออกมา
เจียงซื่อลูบไปที่แขนของนางเบาๆ “เอาเถิด ไม่เป็นไรหรอก เตรียมน้ำร้อนไว้หรือยัง”
อาเฉี่ยวพยักหน้าซ้ำๆ
ครั้งที่แล้วเมื่อแม่นางกลับมาก็ต้องอาบน้ำก่อนแม้จะเป็นยามค่ำคืน ดังนั้นนางจึงมีประสบการณ์
สวรรค์คุ้มครอง นางหวังว่าประสบการณ์เช่นนี้ในอนาคตนางไม่จำเป็นต้องนำมาใช้อีก
เมื่อร่างของนางแช่ลงในน้ำอุ่นที่มีไอร้อนโชย กายที่เหนื่อยล้าของเจียงซื่อก็รู้สึกเสียจนไม่อยากจะขยับแม้แต่ปลายนิ้ว
ความเหนื่อยล้านี้ไม่ได้มาจากเรื่องของซิ่วเหนียงจื่อ แต่เป็นเพราะชายผู้นั้น
สำหรับอวี้ชีแล้ว นางเป็นเพียงตัวแทนของคนรักที่ตายจากไป เมื่อเขาพบเข้ากับนางจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะได้นางมา เพื่อที่จะได้เติมความว่างเปล่าในใจ
แต่สำหรับนางนั้น เขาเป็นเพียงคนเดียวที่นางมอบใจให้ เป็นผู้ที่ใช้ชีวิตร่วมกันเป็นสามีภรรยาด้วยถึงหนึ่งปีเต็ม
ตัวนางในสภาพนี้ เมื่อต่อกรกับเขาจะสามารถเอาชนะได้อย่างไร
ยิ่งคิดยิ่งโมโห!
เจียงซื่อใช้มือทั้งสองข้างกุมหน้าแล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวลงไปในน้ำอย่างรำคาญใจ
เช้าวันต่อมา เสียงกรีดร้องอันแหลมทำลายความสงบของหมู่บ้านหวังจยา
ผู้คนที่อาศัยในหมู่บ้านหวังจยาโดยมากล้วนแซ่หวัง และโดยมากมีบรรพบุรุษเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่าหัวหน้าหมู่บ้านหวังจยาต้องแซ่หวัง
ในหมู่บ้านมีบ้านเพียงหลังเดียวของหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้นที่สร้างด้วยอิฐเขียว เมื่อปีกลายภรรยาของเขาจากไป จึงได้แต่งภรรยาเข้ามาใหม่ซึ่งเป็นสาวน้อยอายุเพียงสิบเจ็ดสิบแปดปี
เช้าวันนี้ภรรยาของเขาออกไปเทน้ำทิ้ง แต่เมื่อเปิดประตูออกไปก็พบเข้ากับก้นสีขาวซีด
น้ำถังนั้นจึงได้ราดลงบนก้นขาว จากนั้นเสียงกรีดร้องของนางก็ดังลั่นเรียกความสนใจจากชาวบ้านในหมู่บ้านทั้งสี่ทิศ
“ไอ้หยา! นี่คือตาเฒ่าโสดที่อยู่ทางตะวันตกของหมู่บ้านหรอกหรือ”
พวกเขาล้วนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน คิดว่าเมื่อแก้ผ้าเช่นนี้จะไม่มีผู้ใดรู้จักหรือ
“ให้ตายสิ ที่ก้นของเขาเหตุใดจึงถูกฟันเช่นนั้น หรือว่าเขาแอบมองภรรยาสาวของหัวหน้าหมู่บ้านจึงถูกท่านหัวหน้าหมู่บ้านฟันเอารึ”
หัวหน้าหมู่บ้านหวังได้ยินลูกบ้านเจรจาดังนั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ในอนาคตอันยาวไกลนี้ เขาจะต้องจัดการกับไอ้เฒ่าอันธพาลที่มานอนหน้าบ้านตนอย่างแน่นอน
ท่ามกลางความครึกครื้นในยามเช้านี้ ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นสตรีที่เคยได้รับฉายาว่าเป็นบุปผาแห่งหมู่บ้านหรือเต้าหูไซซี ได้หอบกระเป๋าผ้าย่องออกไปจากหมู่บ้าน จนกระทั่งหลายวันผ่านไปจึงมีคนค้นพบว่าสตรีที่เสียสติเพราะบุตรสาวหายตัวไปไม่อยู่ที่นี่แล้ว
เจียงซื่อลุกขึ้นมาเพื่อน้อมทักเฝิงเหล่าฮูหยินแต่เช้าตรู่ จากนั้นกลับไปยังเรือนไห่ถังเพื่อนอนต่อ กระทั่งเกือบเที่ยงวันจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง
อาหมานนำข่าวดีมาแจ้งแก่นางว่า “คุณหนูเจ้าคะ อาเฟยกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”