ตอนที่ 10 ใครสักคนกำลังจับตามอง

บรรยากาศกลับมาเงียบสงบอีกครั้งหลังจากผ่านพ้นช่วงจังหวะเวลาไถ่ถามอย่างหนักหน่วง

แต่ความเงียบเหล่านั้นล้วนเป็นเพียงม่านหมอกสายหนึ่งเท่านั้นไม่อาจคงอยู่ได้นานไม่อาจปกปิดเอาไว้ได้นาน

ไอรีนเอ่ยถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงัน

“ฉันมีเรื่องบางอย่างอยากจะถาม?”

“ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไปอยากให้คุณตอบอย่างตรงไปตรงมาห้ามโกหกหรือว่าบ่ายเบี่ยงเด็ดขาด”

…‘ถามอีกแล้วเหรอ?’

“…” สายตาชายหนุ่มภายใต้ถุงดำหรี่ลงหลายระดับคล้ายล่วงรู้ว่าหล่อนต้องการเปิดปากถามเรื่องอะไร

สุดท้ายเขาก็เลือกถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

“จำเป็นมากรึเปล่า?”

“มากถึงมากที่สุดค่ะ”

“…หวังว่าจะไม่ใช่เรื่องหลอกล้อเล่นนะ”

“วางใจได้เลยค่ะ”

“เรื่องที่ฉันจะถามมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่นอนค่ะ”

บรรยากาศเคยสงบกลับมาปั่นป่วนอีกครั้ง

“…” ทั้งสองต่างนิ่งเงียบไม่คิดกล่าวอะไรเพิ่มเติมออกมาก่อนไอรีนจะสานต่อประเด็นนำเข้าสู่หัวข้อที่หล่อนต้องการ

แน่นอนว่ามันเป็นหัวข้อที่อันตรายเหลือเกินสำหรับชายหนุ่ม

“ตอนที่ฉันไปรับตัวคุณกลับมา”

“ฉันได้เจอหน้าเอริด้วย”

“…แล้ว?”

“ก่อนจะพาตัวคุณกลับหล่อนทิ้งคำพูดน่าสนใจเอาไว้ให้”

“…เอาไว้ให้คุณโดยเฉพาะ”

น้ำเสียงไอรีนดิ่งเหวมากไปด้วยอารมณ์ด้านลบไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหล่อนตอนนี้กำลังอยู่ในห้วงความรู้สึกแบบไหน

มันย่อมไม่มีความรู้สึกแง่บวกแน่นอน

…‘เรื่องนั้นสินะ’

“…” ทราเวียร์ยิ้มแห้งทันที

“คงรู้ใช่ไหมคะว่าฉันกำลังหมายถึงอะไร?”

“ฉันหมดสติอยู่ไม่รู้หรอกว่าไอ้ที่เธอพูดมามันหมาย—” ไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มสวมแว่นเข้าครอบงำบทสนทนา

หล่อนทะลวงกลางลำทันที

“ตกลงอะไร?”

“ไอ้ที่เธอบอกว่าตอบตกลงกับคุณน่ะ”

“สุดท้ายแล้วมันหมายถึงอะไร?”

“…” แววตาหล่อนเอาเรื่องมากถึงมากที่สุดเกิดทำอะไรไม่เข้าเรื่องไม่ถูกใจขึ้นมามีสิทธิ์โดนเล่นงานหนักหน่วงถึงตาย

กล่าวสำหรับเขาในตอนนี้มีเพียงต้องตอบให้ดีตอบมันให้เป็นที่น่าพึ่งพอใจถึงจะรอดพ้นจากคราวเคราะห์ครั้งนี้ไปได้

ทราเวียร์ยิ้มรักษาท่วงท่ากล่าวตอบกลับไป

“ฉันไม่เห็นจะรูัเรื่องเลย”

“…สรุปเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่?”

“…”

“ก็หล่อนบอกอยู่คุณก็ได้ยิน”

”…หมดสติอยู่อย่าลืม”

“อย่ามาโกหกต่อให้คุณหมดสติมันก็เปลี่ยนแปลงคำพูดของหล่อนไม่ได้หรอก” ไอรีนแค่นเสียงเย้ยหยัน

เพียงแค่หยิบยกเอาข้ออ้างเปล่าประโยชน์ขึ้นมาบังหน้าแล้วจะหลบเลี่ยงสถานการณ์ตรงหน้าไปได้เหรอ

คิดง่ายเกินไป

หยาบกร้านเกินไป

…‘หาข้ออ้างอื่นเถอะค่ะ’

“…”

“…มันอาจจะเป็นเรื่องโกหกก็ได้นะ”

“เพราะมันอาจจะเป็นเรื่องโกหกเหมือนกับที่คุณพูด”

“ฉันถึงได้ถามเพื่อความมั่นใจ”

“สรุปคือ?”

หล่อนคาดคั้นหนักหน่วงมากถึงมากที่สุดขอเพียงเอาคำตอบจากปากชายหนุ่มได้หล่อนพร้อมแลกราคา

ติดตรงที่ไม่อาจใช้ไม้แข็งได้เต็มเปี่ยมประสิทธิภาพ

…‘อย่างที่คิดต้องกลับไปที่บ้านเท่านั้นถึงจะได้คำตอบ’

“…” แววตาไอรีนแข็งกร้าวไม่พอใจขั้นสุด

หล่อนต้องการคำตอบและเขาต้องมอบคำตอบที่หล่อนต้องการจะได้ให้น่าเสียดายที่หลายสิ่งอย่าง

มันดันไม่เป็นไปตามที่คิดเอาไว้

“…เธอถามยังไงฉันก็จะตอบเหมือนเดิม”

“ฉันไม่รู้ว่าหล่อนกำลังหมายถึงอะไร?”

“…”

“ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้หมดสติตั้งแต่ตอนแรก”

“คุณต้องได้ยินมันแต่แค่ทำเป็นเมินเฉย”

“ได้ยินไม่ได้แปลว่าต้องรู้เรื่องนะ”

ทราเวียร์ถอนหายใจเหนื่อยหน่ายเรื่องบางเรื่องใช่จะเป็นจริงเสมอไปด้วยนิสัยของเอริมีความเป็นไปได้มากมายเหลือเกินที่มันจะเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นแหกตา

ติดตรงหล่อนจะเชื่อเขารึเปล่าหากเขาเปิดปากเล่าความจริงอีกครั้งแน่นอนว่าผลลัพธ์สุดท้ายปลาย

คงจบที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า

…‘เธอต้องไม่เชื่อแน่นอน’

“…”

“แต่เธอพูดกับคุณ?”

“ฉันไม่รู้ว่าเอริพูดถึงเรื่องอะไร?”

“เธอรู้เหรอ?”

“เพราะไม่รู้ถึงได้มาถามคุณนี่ไง?” สายตาหล่อนหรี่มองเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงกดดันขั้นสุด

น่าเสียดายที่ชายหนุ่มพูดความจริงไปหมดเรียบร้อยไม่หลงเหลืออะไรให้สอบถาม

สุดท้ายปลายทางเจ้าตัวก็เลือกปล่อยผ่านนิ่งเงียบ

“…” แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมโอนอ่อนให้ง่ายดายยิ่งนานสายตาไอรีนยิ่งทวีความรุนแรง

รุนแรงมากพอทำให้ชายหนุ่มสวมแว่น

ต้องออกมาปกป้องตัวเอง

“หัวจะปวด”

“เธอจะเชื่อฉันไหมถ้าฉันบอกว่าไม่รู้ว่าหล่อนกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”

“…เชื่อค่ะ”

“เธอไม่เชื่อแน่นอน”

“รู้แล้วถามทำไมคะ?”

เห็นไหมละสุดท้ายก็ไม่เชื่อ

“…” ชายหนุ่มสวมแว่นเลือกนิ่งเงียบ

วันเวลาผ่านไปเรื่องราวมากมายยิ่งบุกทะลวงเข้ามาในสมองมันมากพอทำให้ชายหนุ่มอดกลุ้มใจไม่ได้

ทราเวียร์ถอนหายใจยาวหนึ่งครั้ง

“…” มันดังมากพอร้องเรียกความสนใจจากหญิงสาว

“รู้สึกผิดเหรอคะ?”

“…”

ครั้งนี้ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาดูท่าเรื่องราวบางอย่างมันจะหนักหน่วงหนักหนาเกินไปสำหรับเอามาหยอกล้อเล่นสนุก

ไอรีนที่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรจึงถามกลับไปอย่างระมัดระวัง

“ถ้าคุณมีเรื่องหนักใจบอกฉันได้นะคะ”

“ฉันพร้อมเป็นที่ระบายให้ถ้าคุณต้องการ”

“…” ทราเวียร์หันหน้ามามอง

มองอยู่นานมากก่อนตัดสินใจกล่าวออกไป

“เรื่องหนักใจสินะ”

“…”

“พักนี้ฉันรู้สึกแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้”

“…รู้ยังไงเหรอคะ?”

“เหมือนมีคนคอยจับตามองตลอดเวลา” สิ้นเสียงบอกกล่าวแววตาหญิงสาวเริ่มแปรเปลี่ยนไปในทันที

การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเฉกเช่นที่กำลังเกิดขึ้นย่อมไม่ได้สร้างความแปลกประหลาดใจให้กับชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย

ราวกับรู้ว่ามันต้องเกิดขึ้นหากเขาพูดมันออกไป

“…”

“คุณสงสัยพวกเรา?”

“…แน่นอนว่าไม่ใช่พวกเธอ”

“เป็นพวกอื่นเป็นใครหน้าไหนก็ไม่รู้จับต้องไม่ได้ตามหาร่องรอยไม่พบเหมือนกับพวกผีในหนังยังไงก็ไม่รู้” ทราเวียร์หัวเราะขึ้นมาเบาบางหัวเราะโดยไม่มีสาเหตุ

ไอรีนขมวดคิ้วแน่น

“…ผี?”

“น่าตลกใช่ไหมละ?”

“…ฉันว่าคุณคิดไปเองมากกว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนคุณพึ่งหักโหมร่างกายจนถึงขีดสุด”

“ไม่แปลกหากจะมีผลข้างเคียงแปลกประหลาดแบบนี้ขึ้น”

“เธออยากให้ฉันลืมมัน?” ทราเวียร์ยิ้มตอบกลับ

เขาเข้าใจถึงเจตนาแท้จริงของหล่อนบางทีการใช้งานร่างกายหนักหน่วงเกินควรอาจทำให้เกิดบางสิ่งอย่างผิดแปลกตามมา

โดยเฉพาะเมื่อมันเกี่ยวกับสภาพจิตใจ

…‘จะบอกว่าฉันเห็นภาพหลอนไปเองสินะ’

“…”

“อย่าไปคิดมากค่ะ”

“คิดซะว่าเป็นเรื่องคิดไปเองคุณจะได้ไม่ต้องกังวลเกินไป”

“ถ้าแค่คิดไปเองก็ดีสิ” ทราเวียร์ถอนหายใจ

เรื่องบางเรื่องพูดออกไปใช่ว่าจะเปลี่ยนผลลัพธ์สุดท้ายปลายทางได้กล่าวสำหรับเขาในตอนนี้การกล่าวปัญหาตัวเองออกไปไม่ต่างอะไรไปจากการระบายความรู้สึกนึกคิด

เขาเองก็เข้าใจในจุดนั้นจึงไม่ได้คาดหวังเอาคำตอบจากหล่อนเพียงแค่อยากระบายให้พ้นจากความคิดเท่านั้น

ชายหนุ่มสวมแว่นยิ้มเอนตัวนอนไปตามอารมณ์

…‘อย่างน้อยก็ได้ระบายละนะ’

“…”

“หรือคุณกำลังกังวลกลุ่มคนพวกนั้น”

“พวกไหนละ?”

“…ที่ฉันลงมือเมื่อเช้า”

“ไม่ใช่” ทราเวียร์ส่ายหน้า

“คนพวกนั้นไม่มีทางทำให้ฉันกังวลได้หรอกเธอก็รู้นิ”

คนปรกติธรรมดาไหนจะมาสร้างความหวั่นไหวบนหัวจิตหัวใจของเขาเป็นพวกอื่นมากกว่า

ทั้งยังไม่ใช่พวกปรกติธรรมดาอีกด้วย

“…” เมื่อหล่อนหยิบเอาเรื่องอันธพาลพวกนั้นมาพูดคุยทำเอาอยากรู้อยากเห็นขึ้นทันตา

เพื่อไขข้อสงสัยเขาเลยกล่าวถามกลับไป

“แล้วลงมือหนักไปแค่ไหน?”

“นิดเดียวค่ะ”

“…”

“ไม่ถึงกับหักกระดูกจนเดินไม่ได้” ไอรีนตอบเสียงเรียบ

หรือก็คือเล่นงานเกือบตามเอาชนิดที่ก็ว่านอนเตียงนอนข้างถนนไม่อาจกลับมายืนได้เร็ววันสินะ

…‘ก็สมกับที่เป็นเธอดี’

“…”