ตอนที่ 105 ตอนนี้ที่เถาหยางมีห้องว่างหรือเปล่า

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 105 ตอนนี้ที่เถาหยางมีห้องว่างหรือเปล่า?

ตอนที่ 105 ตอนนี้ที่เถาหยางมีห้องว่างหรือเปล่า?

ซูเถาแอบปวดหัวเมื่อได้ยินสิ่งนี้

“มีข่าวลือว่า ตอนนี้ตงหยางมีกองทหารรักษาการณ์ และกำแพงเมืองก็อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง มันไม่ง่ายเลยที่จะเข้ามาทำลายเมือง ผู้ที่เผยแพร่คำพูดเหล่านี้ก็สร้างความวิตกกังวลเช่นกัน”

นอกจากนี้ยังเพิ่มภาระงานให้กับจวงหว่านและคนอื่น ๆ เพื่อจัดการกับผู้ที่มาสอบถาม

สือจื่อเยว่พยักหน้า “มันน่าตกใจจริง ๆ แต่ทางด้านของพี่เผยน่าจะจัดการกับมันได้ พี่อย่ากังวลมากเกินไปเลยค่ะ ครั้งก่อนที่พี่ขอให้หนูช่วยหาครูสอนพิเศษให้ หนูเจอคนที่เหมาะสมมากคนหนึ่ง แต่ว่าเธอไม่ใช่ครูนะ เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของหนูเอง”

“แต่พี่เถาจื่อไม่ต้องกังวลนะ เพื่อนร่วมชั้นของหนูมีผลการเรียนดีมากในวิชาวัฒนธรรม เธอเป็นเด็กที่ทำงานหนักและเป็นคนฉลาด แต่สภาพครอบครัวของเธอค่อนข้างลำบาก ครอบครัวของเธอทั้งสี่คนอาศัยอยู่ในหอพักรวม และเธอก็มักจะถูกรุ่นพี่ในหอพักนั้นก่อกวน”

ซูเถาถามว่า “ใช่คนที่เธอเคยเล่าให้พี่ฟังไหม เหมือนพี่จะคุ้น ๆ นะ ครอบครัวของเธอมีสี่คน แล้วเด็กสองคนพี่น้องก็เป็นผู้หญิงใช่ไหม?”

สือจื่อเยว่พยักหน้าเหมือนไก่จิก “ใช่ ๆ เธอชื่อเซิ่งอวี๋หลัน และน้องสาวของเธอชื่อเซิ่งอวี๋ชิง เป็นเด็กดีทั้งคู่ค่ะ”

“เซิ่งอวี๋หลันและเซิ่งอวี๋ชิงมีเรื่องที่ทำให้ลืมไม่ลง เธอกับน้องสาวทำการสู้รบในบ่อทรายจำลองเก่งมาก พี่ชายของหนูเคยไปเป็นครูอบรมพิเศษในวิชาจำลองยุทธศาสตร์ด้วยบ่อทราย เขายังยกย่องเซิ่งอวี๋ชิงว่าเป็นเหมือนตัวตายตัวแทนของเผยตงเลย”

พูดแบบนี้แล้ว เธอคงก๋ากั่นไม่เบา

“เซิ่งอวี๋ชิงอายุน้อยกว่าหนูหนึ่งปี พี่ชายยังไม่เคยชมหนูขนาดนี้มาก่อนเลย แน่นอนว่าการจำลองยุทธศาสตร์ด้วยบ่อทรายนั่นหนูไม่ค่อยสันทัด พี่ชายก็บอกว่าหนูน่ะไม่รู้จักเรียนรู้”

ซูเถาพูดด้วยรอยยิ้ม “คู่พี่น้องนั่นไม่ใช่คนธรรมดา ดูจากชื่อของพวกเธอสิ แค่ชื่อก็เป็นชื่อที่ดีมากจริง ๆ พี่ไม่ค่อยได้ยินเธอยกย่องใครมากนัก นั่นแสดงว่าเธอต้องมีดีไม่น้อย ถ้างั้นอีก 2 วัน เธอพาเซิ่งอวี๋หลันมาที่เถาหยางแล้วกัน”

สือจื่อเยว่กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข เธอจับมือของซูเถาแล้วพูดว่า “เมื่อพี่เห็นเธอ พี่ต้องพอใจมากแน่ ๆ”

ซูเถาแอบตีเธอ “ประเด็นหลักคือให้เธอมาช่วยเป็นครูสอนให้หลินฟางจือ ถ้าเธอสอนเขาได้ พี่ก็พอใจมากแล้ว”

หลินฟางจือผู้ที่ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับตัวเขา เขากำลังนั่งแปรงขนให้ไป๋จือหม่าอย่างจริงจัง

ไป๋จือหม่านอนยืดขาอย่างสบายใจเฉิบ

เมื่อสือจื่อเยว่มองไปที่หลินฟางจือ เธอก็มักจะรู้สึกว่าคนคนนี้ทึ่มไปหน่อย และจู่ ๆ ก็กังวลว่าเพื่อนรักของเธอจะไม่สามารถสอนเขาได้

ในตอนเที่ยงวันมีคนหลายคนที่ได้กินผัดผักและซุปกระดูกหมูตุ๋นที่คุณย่าเฉินเป็นคนทำ

หลินฟางจือผู้โง่เขลา ปกติเขาเป็นคนไม่ค่อยพูด ตอนนี้มีหม้อหุงข้าว เขาก็เอาแต่มองไปที่มัน แต่กดมันขึ้นไม่เป็น

คุณย่าเฉินรักเขามาก แค่ดูเขากินข้าวได้ก็ทำให้เธอเจริญอาหารมากขึ้น

คุณย่าเฉินลูบศีรษะเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม

“ฟางจืออ้วนขึ้นแล้ว แถมยังดูดีขึ้นอีกด้วย กินอิ่มหรือเปล่า ถ้ายังกินไม่อิ่มเดี๋ยวย่าจะตักให้อีก”

หลินฟางจือถือชามข้าวแล้วตอบรับในลำคอเบา ๆ

คุณย่าเฉินตักกระดูกหมูเต็มช้อน แล้ววางไว้ในชามข้าวของเขา

ซูเถารีบหยุดเธอเอาไว้ “คุณย่าคะ ไม่ต้องให้เขากินแล้วค่ะ บางครั้งเขาก็ไม่รู้ตัวเองว่าเขาอิ่มแล้ว เดี๋ยวเขาจะกินอิ่มเกินไป”

และในวินาทีต่อมา กระดูกหมูก็ถูกวางลงในชามข้าวของเธอเอง “เถาจื่อ งั้นหนูกินแล้วกัน”

หลินฟางจือจ้องมอง เขาเลียนแบบการตักอาหารให้ซูเถา “เถาจื่อ กิน”

ซูเถาเห็นอาหารที่พูนชามตรงหน้าเธอ แล้วก็แบ่งปันอาหารของตนเองให้กับสือจื่อเยว่

หลังจากกินอาหารเสร็จ ซูเถาก็ได้รับโทรศัพท์จากหม่าต้าเพ่า

“เถ้าแก่ซู ผมติดต่อกับกลุ่มทหารรับจ้างแล้ว คุณเคยได้ยิน ‘กลุ่มทางเสือดาวหรือเป้าถู’ ไหม ได้ยินมาว่าปีที่แล้วพวกเขารับภารกิจขนส่งอาวุธจากโส่วอันไปยังฉางจิง มีกัน 14 คน ใช้เวลาเดินทาง 2 เดือน และมีเพียงคนเดียวที่รับบาดเจ็บ ซอมบี้ 200 ตัวถูกฆ่า และสินค้าที่ทำการขนส่งไม่มีความเสียหายใด ๆ นี่เป็นหนึ่งในสถิติที่ดีที่สุด”

ซูเถากล่าวว่า “เหมือนจะเคยได้ยินเกี่ยวกับการกระทำของพวกเขา แต่ก็ได้ข้อมูลมาไม่ชัดเจนเท่าไหร่ พวกเขามีความแข็งแกร่ง แต่ราคาที่พวกเขาเรียกน่าจะไม่น้อย คุณไปคุยมาว่ายังไงบ้าง”

หม่าต้าเพ่าไม่กล้าเอ่ยปาก “ผมก็เป็นคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง พวกเขาไม่ยอมคุยกับผม พวกเขาบอกว่าต้องการคุยกับคุณแบบตัวต่อตัว น่าจะช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ พวกเขาจะมาพบคุณที่ภูเขาผานหลิว”

“ได้ แล้วตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้าง คุณยังอยู่ที่หลบภัยใต้ดินหรือเปล่า?”

“เถ้าแก่ซู ผมออกมาแล้ว ซอมบี้ก็ถอยทัพออกไปแล้วเหมือนกัน ผมกำลังติดต่อคนทำอาหารที่ผมเคยติดต่อก่อนหน้านี้ รอให้ผมหาคนทำความสะอาดและพนักงานต้อนรับได้ก่อน แล้วจะพาพวกเขาไปหาคุณที่ภูเขาผานหลิวพร้อมกัน”

เมื่อซูเถาคิดเรื่องนี้ เธอก็โอนเงินไป 10,000 เหลียนปังให้เขาแล้วพูดว่า

“เหนื่อยหน่อยนะคะ ขอบคุณที่ทำงานอย่างหนัก ฉันคงปล่อยให้คุณทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่มีค่าตอบแทนไม่ได้ คุณต้องจัดการกับเรื่องมากมาย รับไว้นะคะ อีกอย่างใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกก็ระวังความปลอดภัยด้วยนะ ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือก็ติดต่อหาฉันได้ตลอด”

เมื่อหม่าต้าเพ่าได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็ทำให้เขาน้ำตาคลอเบ้า

ช่วงนี้จะทำอะไรแต่ละอย่างมันไม่ง่ายเลยจริง ๆ

ในวันสิ้นโลกแบบนี้คนที่ยังมีความสามารถแล้วยังมีร่างกายที่สมบูรณ์นั้นมีไม่มากแล้ว

ยิ่งคนที่ทำอาหารได้มีประสบการณ์ในการทำอาหาร ยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร

เขาจ่ายเงินให้คนไปช่วยสืบหา และต้องติดหนี้บุญคุณเขา ปากเขาต้องแตกกลับมาแถมขาของเขาก็หัก

แล้วก็คนของกลุ่มทางเสือดาว ตอนแรกก็ไม่อยากที่จะเจรจากับเขาเพราะว่าเห็นว่าเขาเป็นแค่คนตัวเล็ก ๆ เขาก็ต้องเกลี้ยกล่อมพวกเขาทั้งคืน

พูดแล้วก็น้ำตาซึม

หม่าต้าเพ่าไม่คิดว่าเถ้าแก่อายุน้อยคนนี้จะคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ เมื่อเขาจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เสร็จสรรพแล้ว เธอก็ยังให้เขาได้มีต้นไม้ใหญ่ไว้พักพิงในวันสิ้นโลก และมีชีวิตที่มั่นคงยิ่งขึ้น

ไม่คิดว่าเถ้าแก่จะทำให้เขาประทับใจได้ขนาดนี้

ไม่ใช่เพราะการที่เธอให้เงิน แต่เป็นความอบอุ่นที่เธอมอบให้ต่างหาก

“เถ้าแก่ซู ถึงแม้ว่าคุณอาจจะมองว่าผมเป็นคนกะล่อน แต่ครั้งนี้ผมคงไม่มีคำพูดที่สวยหรู พูดได้แค่ว่าหม่าต้าเพ่าจะพยายามอย่างเต็มที่ในสิ่งที่คุณร้องขอ”

……

ในตอนบ่าย ซูเถาไปที่อาคารสำนักงาน เธอเห็นจวงหว่านและเฉียนหรงหรงยุ่งจนยืนไม่ติดพื้น แต่ละคนคอยผลัดกันรับโทรศัพท์เพื่อตอบคำถามว่า ที่เถาหยางยังพอมีห้องว่างเหลือไหม

เมื่อมีจังหวะว่าง จวงหว่านก็รีบดื่มน้ำอย่างรวดเร็ว เธอพูดกับซูเถาช้า ๆ

“มันไม่ง่ายเลย เมื่อฉันบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีห้องว่าง ก็ยังมีคนมาเสนอราคาเป็นสองเท่าเพื่อต้องการเข้าอยู่อาศัย หลังจากที่ปฏิเสธ ฉันก็โดนพวกเขาด่าพ่อล่อแม่”

เฉียนหรงหรงก็ดูสิ้นหวังเช่นกัน “ฉันคิดว่าบางคนก็คงบ้าไปแล้วหลังจากได้ยินข่าวลือจากข้างนอก พวกเขาโทรมาขู่ฉัน ถ้าไม่จัดห้องว่างให้พวกเขา พวกเขาก็จะมาที่เถาหยางเพื่อฆ่าฉันหรือถ้าเจอผู้เช่าของเถาหยางก็จะฆ่าให้หมด”

ใบหน้าของซูเถาเคร่งขรึม “ตั้งแต่นี้ไปพวกคุณทั้งสองไม่ต้องรับโทรศัพท์ เราจะรับคำแนะนำจากผู้เช่าภายในของเราเท่านั้น คนพวกนั้นนี่ยังไงกัน”

ขณะที่เธอกำลังพูด เครื่องมือสื่อสารของเธอก็ดังขึ้น เป็นคนแซ่กู้ที่โทรมาอีกครั้ง

ก่อนที่ซูเถาจะกดรับ คนปลายสายก็ยิงเข้าประเด็นทันที

“ตอนนี้ที่เถาหยางมีห้องว่างหรือเปล่า?”