ตอนที่ 42

My Disciples Are All Villains

ลู่โจวในวันนี้ไม่ได้เลือกเก็บการ์ดระเบิดจุดสุดยอดที่เหลือใบสุดท้ายเอาไว้ ในวันนี้ ที่นี่ และตอนนี้ตัวเขาเลือกที่จะกลับกลายเป็นจีเทียนเด๋า ตัวเขาในตอนนี้ได้ตัดสินใจแล้ว: ฉันน่ะขอเลือกเส้นทางนี้ก็แล้วกัน!

ไม่มีสถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อให้หลบเหล่าจอมยุทธ์พวกนี้ได้ ภูเขาทองในตอนนี้เป็นที่พำนักและยังเป็นเหมือนกับฐานที่มั่นที่ตัวเขามี ลู่โจวไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาพรากภูเขาทองแห่งนี้ไปจากตัวเขา

ในตอนนี้ตัวเขามีความตั้งใจทั้งหมดอยู่สองอย่างด้วยกัน: อย่างแรกตัวเขาต้องการที่จะใช้โอกาสนี้ในการประกาศศักดาให้กับคนทั้งโลกได้เห็นว่าหุบเขาทองแห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่ใครก็จะสามารถบุกได้ และอย่างที่สองลู่โจวต้องการประกาศความแข็งแกร่งที่ตัวเขามีอยู่ ตัวเขาไม่ได้พึ่งพาของยาสูตรลับแขนงไหน ลู่โจวในตอนนี้ก็แค่ใช้พลังความแข็งแกร่งที่แท้จริงก็เพียงเท่านั้น ตัวเขาที่ได้ใช้พลังสุดยอดออกมาไม่ได้ใช้ทั้งยาสูตรลับรวมไปถึงทริคแบบไหนที่มีก็แล้วแต่

สาวกของทั้งสำนักเที่ยงธรรมและสำนักดาบสวรรค์ต่างก็ยื่นเงียบไม่ไหวติง ภายใต้พลังร่างอวตารที่มีกลีบดอกบัวถึงเก้าดอกนี้ทำให้พวกเขาทั้งหมดที่อยู่ในหุบเขาทองตอนนี้ถึงกับลืมการเคลื่อนไหวไป นอกจากนี้พลังของลู่โจวก็ได้ขยายตัวออกไป พลังร่างอวตารนั้นสามารถยับยั้งศัตรูได้ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นพลังนี้เองยังยิ่งใหญ่จนเกินไป มันห่างชั้นกันกับเหล่าชาวยุทธ์ที่อยู่ที่นี่ พลังที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขามันแข็งแกร่งจนเกินไป

พลังที่ได้เห็นทำให้ชาวยุทธ์ทั้งหลายที่มีวรยุทธ์ต่ำกว่าระดับศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดต่างก็นอนก้มหน้าอยู่บนพื้นด้วยความสั่นกลัว แม้แต่ฟางเจียนฉานเองที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังถึงกับเดินถอยหลังกลับไป ตัวของเขาไม่แม้แต่จะกล้ากลืนน้ำลายลงไปในลำคอ ฟางเจียนฉานในตอนนี้รู้สึกกลัวจนแทบที่อยากจะหนีไป ตอนนี้ตัวเขามีเกราะหัวใจมังกรอยู่กับตัว ด้วยของชิ้นนี้แล้วมันจะต้องช่วยให้ฟางเจียนฉานหลบหนีไปได้แน่ ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือตัวเขาจะต้องหาโอกาสก่อนนั่นเอง

ลู่โจวที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าได้จ้องมองลงไปยังเบื้องล่าง สายตาของเขาจับจ้องไปที่ลูกศิษย์ของตัวเองอย่างด้วนมู่เฉิง “ด้วนมู่เฉิง! “

“ครับ ท่านอาจารย์! ” ด้วนมู่เฉิงขานรับเสียงแข็ง

“วิชาขั้นสุดท้ายของกระบวนท่ายุทธพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งการใช้ดาบและการใช้หอก ข้าจะสาธิตให้เจ้าดูตอนนี้เอง! ตั้งใจดูเอาไว้ซะ! “

ด้วนมู่เฉิงในตอนนั้นดีใจมากเมื่อได้ยินแบบนั้น แม้ว่าตัวเขาจะเข้าร่วมกับจีเทียนเด๋ามาเป็นคนแรกๆ แต่ถึงแบบนั้นถ้าหากจะนับความก้าวหน้าเปรียบเทียบกับลูกศิษย์คนอื่นๆ ตัวเขานั้นก้าวหน้าช้ากว่าลูกศิษย์คนอื่นๆ มาก แม้ว่าจีเทียนเด๋าจะเคยสอนเคล็ดกระบวนท่ายุทธพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดท้ายให้กับตัวเขา แต่ถึงแบบนั้นด้วนมู่เฉิงเองก็ยังไม่สามารถฝึกฝนมันจนสำเร็จสมบูรณ์แบบได้ ตัวเขาได้ล้มเหลวมาโดยตลอดแม้ว่าจะใช้เวลามากว่าหลายปีมาแล้วก็ตาม ด้วนมู่เฉิงที่ใช้เวลาศึกษาด้วยตัวเองนั้นไม่ต่างอะไรจากการเดินไปในความมืดด้วยตัวคนเดียว ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นเหมือนกับการหลงทาง

ลู่โจวได้ใช้นิ้วของเขาให้เปลี่ยนกลายเป็นดาบ ดาบที่มาจากนิ้วมาจากพลังของตัวเขาที่ได้ควบแน่นตัวเองจนกลายเป็นลำแสงแห่งพลังงานไปในที่สุด “ใช้นิ้วของเจ้าควบคุมพลังให้อัดแน่นจนกลายเป็นดาบ…นี่แหละคือกระบวนท่าดาบยุทธพันธ์ศักดิ์สิทธิ์! “

ในตอนนั้นเองพลังที่น่ากลัวก็ได้ไหลออกมาจากปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางของลู่โจว พลังนั้นเองเป็นพลังแห่งแสงที่ไม่สามารถมองเห็นได้ หลังจากนั้นลู่โจวก็ได้ใช้พลังดาบโจมตีไปที่ฟางเจียนฉานโดยตรง

“ไม่!!!!! ” ดวงตาของฟางเจียนฉานเบิกกว้าง ตัวเขาที่เห็นการโจมตีนั้นได้กรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง พลังลำแสงอันทรงพลังได้ระเบิดร่างกายของเขาไป ในเวลาเดียวกันนั้นเองสมบัติระดับสรวงสวรรค์อย่างเกราะหัวใจมังกรก็ได้แสดงผลขึ้นมา ในตอนนั้นมันได้ระเบิดลำแสงสีทองออกมา

“นี่มันพลังของเกราะหัวใจมังกร! “

พลังหลักๆ ที่เกราะหัวใจมังกรพอจะมีก็คือพลังแห่งการป้องกันนั่นเอง หลังจากที่ฟางเจียนฉานได้พ่ายแพ้ไป ของชิ้นนี้ก็จะปกป้องตัวของเขาเอาไว้นั่นเอง นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าสำนักเที่ยงธรรมเลือกส่งตัวเขามาที่ภูเขาทองแห่งนี้ นอกจาก ฟางเจียนฉานในตอนนี้ที่มีสมบัติระดับสรวงสวรรค์สามารถที่จะต่อกรกับยอดฝีมือที่มีระดับวรยุทธ์มหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ และถึงแม้ว่าฟางเทียนฉานจะไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังจะพอมีโอกาสที่จะหลบหนีไปได้อยู่ดี

“ท่านผู้อาวุโส! ” ในตอนนั้นเองชาวยุทธ์ทั้งหลายที่อยู่รอบๆ ต่างก็ทำได้เพียงเฝ้าดูลำแสงจากดาบตัดผ่านมาที่ร่างกายของฟางเจียนฉานเท่านั้น ลำแสงที่เห็นมันสว่างจ้าจนเกินไปจนทำให้พวกเขาไม่อาจที่จะลืมตาได้

ตู้ม!

ก่อนที่ชาวยุทธ์ทั้งหลายจะได้รู้ว่าฟางเทียนฉานจะสามารถเอาชีวิตรอดมาได้หรือไม่ ในตอนนั้นเองเสียงของชายชราก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง “ใช้ฝ่ามือของเจ้าให้เป็นเหมือนกับฐานแห่งพลัง อาศัยจังหวะนั้นรวบรวมพลังและควบแน่นมันให้ได้! พลังแห่งคลื่นทั้งพัน! “

สิ่งที่ลู่โจวจะพูดถึงเป็นกระบวนท่ายุทธพันธ์ศักดิ์สิทธิ์กระบวนท่าแห่งหอกนั่นเอง มันเป็นการโจมตีระยะไกลที่เหมือนกับชื่อของมัน การใช้กระบวนท่าหอกนั้นเป็นเหมือนกับการรวมคลื่นพลังที่เข้มข้นซ้อนกันให้ได้ถึง 1,000 ชั้น ลำแสงที่ได้ถูกใช้ออกมาจึงเป็นเหมือนกับหอกนับพันเล่มนั่นเอง สิ่งที่ลู่โจวได้พูดออกมาคือสุดยอดกระบวนท่าขั้นสุดท้ายของกระบวนท่ายุทธพันธ์ศักดิ์สิทธิ์

เมื่อเห็นการโจมตี ชาวยุทธ์ทั้งหลายก็ได้อ้าปากค้างในทันที สีหน้าของพวกเขานั้นเปลี่ยนไปจากตอนแรกมาก ความแตกต่างระหว่างพลังที่มีนั้นมันมีมากจนเกินไป

“ไม่ดีแน่! วิ่งเร็วเข้า! “

ในตอนนั้นเองชาวยุทธ์ทั้งสิบที่เคยตั้งค่ายกลเพื่อใช้ม่านพลังอันไร้สาระเอาไว้ต่างหยุดตัวลง หันหลังกลับก่อนที่จะหลบหนีไป การโจมตีครั้งนี้มันยิ่งใหญ่มากจนแม้แต่ยอดฝีมือที่ฝึกฝนตัวเองไปยังขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ก็แม้แต่จะไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน

อย่างไรก็ตามการโจมตีนั้นไม่ได้เล็งไปที่กลุ่มของเหล่าชาวยุทธ์ทั้งหลาย การโจมตีในครั้งนี้ได้พุ่งเข้าใส่ฟางเจียนฉาน

ตู้ม!

ไม่มีใครสามารถรู้ถึงการมีอยู่ของฟางเจียนฉานได้ ในตอนนี้วิสัยทัศน์ทั้งหมดต่างก็ถูกบดบังไปด้วยฝุ่นควัน ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าฟางเจียนฉานที่มีเกราะหัวใจมังกรเอง แม้ว่าทุกคนที่รู้แบบนั้นก็ยังไม่รู้สึกมั่นใจว่าตัวเขาจะเอาชีวิตรอดมาได้

การปะทะกันทำให้เกิดแรงระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ แรงระเบิดนั้นได้กระจายไปทั่วทุกทิศทาง พลังนั้นได้ทำให้ชาวยุทธ์ทั้งหลายต่างก็กระเด็นไปนอนกับพื้น เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดได้ดังไปทั่ว แม้ว่าโจวจี้เฟิงจะเป็นอัจฉริยะของเหล่าชาวยุทธ์ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังโดนผลกระทบจากแรงระเบิดจนต้องใช้พลังของตัวเองหยุดยั้งแรงระเบิดเอาไว้

‘ชายผู้ที่แข็งแกร่งจนแม้แต่เหล่าสิบสุดยอดฝีมือก็ไม่อาจที่จะเอาชนะได้! เป็นเพราะพลังอวตารดอกบัวทั้งเก้าแห่งร้อยวิถีของเขาอย่างงั้นหรอ? ‘ นี่คือสิ่งที่โจวจี้เฟิงกำลังคิด ตัวเขาไม่อาจรู้ได้เลย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ตัวเขามั่นใจดี จีเทียนเด๋านั้นแข็งแกร่งมากขึ้น!

ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ตัวเขาก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลู่โจวถึงได้ใช้กระบวนท่าอันสุดยอดเพื่อที่จะจัดการกับฟางเจียนฉานแบบนี้ เขาคนนั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น การทำแบบนั้นก็เหมือนกับการใช้ค้อนปอนด์อันใหญ่ยักษ์ทุกไปที่ตะปูตัวน้อย ไม่มีทางเลยที่เกราะหัวใจมังกรจะต้านทานการโจมตีที่สุดยอดแบบนั้นได้ ตัวเขานั้นไม่สงสัยเลยถ้าหากสมบัติระดับสรวงสวรรค์ชิ้นนั้นจะถูกทำลายไปตั้งแต่การโจมตีครั้งแรก โจวจี้เฟิงคิดได้เพียงสาเหตุเดียว สิ่งที่ลู่โจวได้โจมตีต่อเนื่องไปเป็นเพียงการระบายความโกรธและชี้แนะให้แก่ลูกศิษย์ของเขาเพียงเท่านั้น

หลังจากการโจมตีทั้งสองครั้ง ในตอนนั้นเองสายลมที่เคยพัดผ่านก็ได้เงียบสงบลง หมู่เมฆที่เคยรวมตัวก็ได้จางหายไป แม้แต่ฝุ่นละอองและคลื่นพลังเองก็ค่อยๆ สลายไปเช่นกัน

ลู่โจวในตอนนี้ได้แสดงสีหน้าที่ไร้อารมณ์ออกมาเช่นเคย ตัวเขาได้ใช้มือประสานเอาไว้ที่หลังเช่นเดิม ตัวเขาได้เหลือบมองไปที่ระบบที่ตัวเขามี ในตอนนี้เวลาทั้งหมดก็เพิ่งจะผ่านไปเพียง 3 นาทีเท่านั้น ดูเหมือนว่าการใช้การ์ดพลังจุดสุดยอดจัดการกับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ตรงนี้เป็นเหมือนกับอะไรที่เสียของมาก แต่แน่นอนความจริงแล้วลู่โจววางแผนไว้ที่จะทำอะไรมากกว่านี้

“เจ้าน่ะเห็นแล้วใช่ไหม? “

ด้วนมู่เฉิงในตอนนั้นได้คุกเข่าลงก่อนจะพูดออกมา “ศิษย์เห็นแล้วครับท่านอาจารย์! ขอบคุณมากครับ! ” การดูผู้เป็นอาจารย์ของเขาสาธิตกระบวนท่าให้เห็นกับตามันดีกว่าการที่ตัวเขาทดลองฝึกฝนด้วยตัวเองมาเป็นเวลากว่าสิบปี

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย

“เยี่ยมมาก”

และเมื่อฝุ่นและควันได้จางหายไป ในตอนนั้นเองหลุมขนาดใหญ่ก็ได้ปรากฏขึ้น ที่เบื้องล่างของหลุมนั้นไม่มีแม้แต่ร่างของใครสักคน ร่างของฟางเจียนฉานได้หายไปอย่างสมบูรณ์แบบ!

เมื่อทุกคนเห็นผลลัพธ์จากการโจมตี ในตอนนั้นเองชาวยุทธ์ทั้งหมดต่างก็วิ่งหนีไปทั่วทุกทิศทางอย่างตื่นตกใจ

“ท่านอาจารย์คะ! ” หยวนเอ๋อในตอนนั้นเริ่มรู้สึกกังวล ถ้าหากท่านอาจารย์ยังคงนิ่งต่อไปแบบนี้ ชาวยุทธ์ทั้งคนจะต้องหนีไปได้แน่!

กลุ่มจอมยุทธ์ทั้งหลายที่มากันในวันนี้ต่างก็คิดยอมแพ้แล้ว พวกเขาจะไม่กลับมาปิดล้อมภูเขาทองเอาไว้อีกต่อไป

ถึงแม้ว่าลู่โจวจะมีพลังมากขนาดไหน แต่ตัวเขาที่เป็นคนธรรมดามีสองแขนสองขาเหมือนกับคนอื่น ตัวเขาในตอนนี้ก็คงจะไม่สามารถจับเหล่าชาวยุทธ์ทั้งหมดที่มาชุมนุมได้ การแยกกันหลบหนีนั้นเป็นกลยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดแล้วสำหรับการเอาชีวิตรอด การเสียสละของคนเพียงไม่กี่คนจะทำให้คนส่วนมากมีชีวิตต่อไปได้

ตอนนี้ชาวยุทธ์ทั้งหมดได้พ่ายแพ้ไปแล้ว พวกเขาได้แต่หลบหนีเท่านั้น!

“ข้าก็เคยพูดแล้วว่าทุกคนจะต้องอยู่ที่นี่ นั่นก็หมายความว่าจะไม่มีใครวิ่งหนีตัวข้าไปได้! “

พลังอวตารดอกบัวทั้งเก้าแห่งร้อยวิถีได้เคลื่อนย้ายไปในพริบตา ในตอนนั้นเองพลังอวตารก็ไม่ได้อยู่เหนือภูเขาทองอีกต่อไป ลู่โจวในตอนนั้นได้พุ่งเข้าไปในใจกลางของม่านพลังภูเขาทอง

“ท่านอาจารย์…” ด้วนมู่เฉิงตกตะลึง ตัวเขาไม่รู้เลยว่าอาจารย์ของเขาในตอนนี้กำลังทำอะไรกันแน่ หยวนเอ๋อเองก็เฝ้าดูด้วยความสับสนเช่นกัน ในตอนนั้นเองเหล่าชาวยุทธ์ทั้งหลายไม่รู้อะไรเลย พวกเขาต่างก็วิ่งหนีไปหันมาเหลียวหลัง

โชคไม่ดีสำหรับเหล่าชาวยุทธ์ทั้งหลายที่พวกเขาไม่ได้เป็นผู้ใช้วรยุทธ์ระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนี้ชาวยุทธ์ทั้งหมดไม่สามารถใช้กระบวนท่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อที่จะหลบหนีได้อีกต่อไป

ในตอนนั้นเองลู่โจวได้ทุ่มพลังทั้งหมดที่พอจมีอยู่ในจุดตันเถียนลงไปในใจกลางของมีม่านพลัง!

“ท่านอาจารย์กำลังซ่อมแซมม่านพลัง? “

“นี่มัน…เป็นไปได้ยังไง? “

ม่านพลังของภูเขาทองเดิมทีได้ถูกสร้างขึ้นมาจากเหล่ายอดฝีมือหลายชั่วอายุคน มันได้ดูดซับพลังงานจำนวนมากเอาไว้จนกลายมาเป็นม่านพลังที่สามารถทำงานให้เข้ากับตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ได้ ก่อนหน้านี้ลู่โจวได้สั่งการให้ศิษย์ของตัวเขาอย่างศิษย์คนที่สาม, คนที่สี่ และคนที่ห้าคอยซ่อมแซมมันพลังอันนี้ แต่อย่างน้อยๆ พวกเขาทั้งสามจะต้องใช้เวลากว่า 3 ปีด้วยกันกว่าที่จะซ่อมแซมม่านพลังนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากใช้ศิษย์เพียงคนเดียวซ่อมแซมม่านพลังศิษย์คนนั้นจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ ก็คงจะเป็นเวลากว่าสิบปีกว่าที่จะซ่อมแซมม่านพลังจนสำเร็จ

‘ท่านอาจารย์อายุมากแล้ว เขาไม่ควรจะทำแบบนั้นไม่ใช่หรอ? ตัวเขาควรจะเก็บรักษาพลังเอาไว้สิถึงจะถูก? ‘

นี่เป็นเหมือนกับความตั้งใจที่แท้จริง และยังเป็นความตั้งใจอย่างที่สองของลู่โจวนั่นเอง!

และเป็นเพราะการ์ดระเบิดจุดสุดยอด เพราะแบบนั้นเองทำให้จุดตันเถียนของตัวเขาถูกเติมเต็มพลังอยู่เรื่อยๆ ลู่โจวได้ใช้เวลาไม่นานมากนักในการจัดการฟางเจียนฉาน และเพราะแบบนั้นตัวเขาจึงใช้เวลาที่เหลือไปกับการซ่อมแซมม่านพลัง ลู่โจวไม่อยากที่จะปล่อยให้โอกาสดีๆ แบบนี้เสียของไป

เมื่อพลังงานจำนวนมหาศาลได้ถูกเติมเต็มเข้าไปในใจกลางของม่านพลัง ในตอนนั้นเองม่านพลังที่เป็นเหมือนกับแก้วก็ได้ล้อมรอบภูเขาขึ้นมาทันที ม่านพลังนั้นได้ปิดเส้นทางทั้งหมดไม่ให้เหล่าชาวยุทธ์หลบหนีไปได้! ในตอนนั้นเองด้วนมู่เฉิงก็ได้นึกถึงอะไรบางอย่าง

‘ท่านอาจารย์ต้องการที่จะจับพวกเขาทั้งหมดด้วยม่านพลัง! วิธีนี้มันดีกว่าการจับศัตรูทีละคนมาก! ‘

ในตอนนี้คำพูดที่เคยถูกใช้ก็ได้รับการพิสูจน์แล้ว: ยิ่งแก่มากขึ้น, ก็ยิ่งฉลาดเป็นกรด!