บทที่ 93 การเป็นแมงดาต้องใช้ทักษะระดับสูง! (ต้น)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 93 การเป็นแมงดาต้องใช้ทักษะระดับสูง! (ต้น)

เห็นได้ชัดว่าฝูงชนเห็นด้วยกับสิ่งที่ เย่เฉินเหลียง กล่าวขณะที่พวกเขาเริ่มเชียร์ในข้อตกลง

“แกพูดบ้าอะไรเนี่ย!” ฉู่ฮวนเจา โกรธจนหน้าแดงและตวัดแส้คร่ำครวญใส่เย่เฉินเหลียง ทันที

อย่างไรก็ตาม เย่เฉินเหลียง ระวังตัวอยู่นานแล้วดังนั้นเขาจึงหลบแส้ได้อย่างว่องไว พร้อมกับตะโกนถามเสียงดัง “ฉู่ฮวนเจา เจ้าอยากสู้กับข้าเหรอ?”

“ถูกต้อง! ข้าต้องการท้าประลองเจ้า! ข้าจะฉีกปากเหม็น ๆ ของเจ้าให้กว้างไปถึงหูเลย!” ฉู่ฮวนเจา ฟาดแส้ของนางอีกครั้งเพื่อโจมตี เย่เฉินเหลียง

“คนที่ข้าต้องการประลองก็คือไอ้ขยะแซ่ซูl! ทำไมเจ้าถึงต้องมายุ่มย่ามด้วย? หรือว่าที่เจ้าออกตัวปกป้องมันขนาดนี้เป็นเพราะว่าเจ้ากับมันมีอะไรกันแล้วจริงๆ?” เย่เฉินเหลียง ตะโกนออกมาดัง ๆ ขณะที่เขาหลบการโจมตีของ ฉู่ฮวนเจา เขาไม่ต้องการต่อสู้กับ ฉู่ฮวนเจา ต่อให้เขาจะไม่สนใจว่านางจะเป็นคุณหนูรองของตระกูลฉู่ แต่ความเจ็บปวดจากการโดนแส้คร่ำครวญฟาดนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยต้องการสัมผัสอีกเลยตลอดชีวิตของเขา

ใบหน้าของ ฉู่ฮวนเจา เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างสมบูรณ์ ซึ่งมันยิ่งทำให้นางฟาดแส้ถี่ขึ้นและแรงขึ้นเพื่อระบายความโกรธของนางไปยัง เย่เฉินเหลียง

“ไอ้ขยะแซ่ซู เจ้าเป็นลูกผู้ชายแบบไหนกันที่เอาแต่หลบหลังผู้หญิงราวกับว่าเจ้าเป็นแมงดาแบบนี้? ถ้าเจ้ากล้าจริงก็ออกมาสู้ตัวต่อตัวกับข้าสิโว๊ย!” เย่ เฉินเหลียง พยายามหลบแส้คร่ำครวญอย่างบ้าคลั่งในขณะที่เขายังคงท้าทายซูอันต่อไป

ซูอัน ยักไหล่แทนคำตอบ “เจ้าไม่รู้รึไงว่าการเป็นแมงดานั้นต้องใช้ทักษะระดับสูงซึ่งข้าเองนั้นมีมัน และทำไมข้าถึงจำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง ในเมื่อข้ามีสาวสวยมาลงมือแทนข้า แต่ถ้าหากเจ้าอยากพิสูจน์ตัวเองจริง ๆ ว่าเจ้ามีความสามารถเหนือกว่าข้าอย่างที่ปากของเจ้าบอกเจ้าก็ไปหาผู้หญิงมาสู้แทนเจ้าให้ได้เหมือนกับข้า แบบนี้มันถึงจะพิสูจน์ได้ว่าเจ้าทัดเทียมกับข้าจริงไหม? เอ๊…แต่ว่าเมื่อมองที่หน้าตาอุบาทว์ ๆ ของเจ้าแล้ว ข้าสงสัยว่ามันคงยากสักหน่อยที่จะมีผู้หญิงสักคนมายืนหยัดเพื่อเจ้าจริง ๆ แม้ว่าเจ้าจะจ่ายเงินให้พวกนางก้อนโตมันก็คงไม่มีผู้หญิงคนไหนมายืนหยัดเพื่อเจ้าหรอกจริงไหม?”

ท่านยั่วยุ เย่เฉินเหลียง สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +233!

ฉู่ฮวนเจา หันกลับมาและจ้องไปที่ ซูอัน อย่างรวดเร็ว

“เจ้าหุบปากไปเลย!”

ท่านยั่วยุ ฉู่ฮวนเจา สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +99!

เมื่อได้ยินเช่นนี้ฝูงชนต่างพากันเงียบสนิทพูดอะไรไม่ออก ทางด้านของ เซี่ยซิว ก็แสดงสีหน้าโง่งมอยู่นานก่อนที่เขาจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าชื่นชม “ชายผู้นี้ฝึกฝนตัวเองจนบรรลุไปถึงจุดสูงสุดของความไร้ยางอายแล้ว!”

ฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ ต่างพยักหน้าอย่างฉุนเฉียว เห็นด้วยอย่างยิ่งกับสิ่งที่ เซี่ยซิว พูด

ท่านยั่วยุบรรดาผู้ชมสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +66 +66 +66 +66…

ซูอัน รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขากำลังโบยบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเมื่อเขาเห็นคะแนนความโกรธแค้นพุ่งพรวดขึ้นมาอีกรอบ

ข้ารวยแล้วโว๊ย! ถ้ารู้ว่าการมาสถาบันมันได้กำไรขนาดนี้ เมื่อวานข้าคงไม่โดดเรียนแน่นอน!

ทันใดนั้นจู่ ๆ ร่างหนึ่งก็พุ่งออกมายืนขั้นกลางระหว่าง ฉู่ฮวนเจา และ เย่เฉินเหลียง “แม่นางฉู่ เย่เฉินเหลียง ไม่ยอมรับการประลองกับท่านทำไมท่านถึงยังคงโจมตีเขาแบบไม่ลดละอยู่อีกเช่นนี้?”

ร่างนั้นสวมชุดสีขาวที่ดูหรูหราและพลิ้วไหวตามสายลม เขาจับแส้คร่ำครวญด้วยมือเพียงข้างเดียว ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งไพล่หลังเอาไว้ราวกับพระเอกหนัง ภาพลักษณ์ของเขานั้นดูสง่างามราวกับเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์

เกิดความโกลาหลขึ้นทันทีในหมู่นักศึกษาหญิง

“ว้าว นั่นนายน้อยหยวน!”

“นายน้อยหยวนช่างกล้าหาญอย่างแท้จริง!”

“ดูสิเขาสามารถจับแส้คร่ำครวญได้อย่างง่ายดาย… เขาต้องอยู่ระดับ 4แล้วแน่นอนใช่ไหม?”

“ระดับ 4 เฉย ๆ ที่ไหนกัน เขาอยู่ในระดับ 4 ขั้นสูงสุดแล้วต่างหากและเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะบรรลุไปถึงระดับที่ 5 แล้ว!”

“ว้าว ช่างมีพรสวรรค์ที่เลิศล้ำเหลือเกิน! เขาดีกว่าไอ้ขยะไร้ยางอายที่เอาแต่ซ่อนอยู่ข้างหลังผู้หญิงเป็นร้อยเป็นพันเท่า!”

คำพูดเหล่านั้นทำให้ใบหน้าของ ซูอัน เปลี่ยนเป็นโง่งม ผู้หญิงพวกนี้ช่างโลเลจริง ๆ เมื่อครู่นี้ยังพูดชมข้าอยู่เลยไหงตอนนี้กลับกลายเป็นด่าข้าแล้วยกยอผู้ชายคนใหม่อีกแล้ว?

“แม่นางฉู่ ท่านรู้อยู่แก่ใจดีว่าการกระทำของท่านตอนนี้เป็นการละเมิดกฎของสถาบัน หากเรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึงหูของบรรดาอาจารย์ แม้แต่ อ๋องฉู่ก็คงไม่สามารถหยุดสถาบันให้ปลดสถานะนักศึกษาของท่านได้”

“หยวนเหวินตง อย่ามาแส่ในที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้า!” ฉู่ฮวนเจา พยายามดึงแส้ของนางกลับแต่มันกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อยไม่ว่านางจะออกแรงมากแค่ไหน

ชายชุดขาวหรือที่รู้จักกันในชื่อ หยวนเหวินตง รอยยิ้มและตอบกลับ “คุณหนูรองฉู่ ท่านอยากถูกขับออกจากสถาบันจริง ๆ งั้นเหรอ?”

“เจ้าขู่ข้า?” ฉู่ฮวนเจา จ้องเขม็งไปที่ หยวนเหวินตง ด้วยสายตาโกรธจัด

“ข้าไม่กล้า แต่ท่านต้องรู้ว่าข้ากับพี่สาวของเจ้าพวกเราเป็นสหายกันดังนั้นในฐานะคนคุ้นเคย ข้าจึงไม่อยากเห็นอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับท่านก็แค่นั้นเอง” เมื่อพูดจบ หยวนเหวินตง ก็คลายมือที่เขากำแส้ในที่สุด

ฉู่ฮวนเจา ดึงแส้คร่ำครวญกลับมาอย่างรวดเร็ว แต่ความลังเลใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางเช่นกัน

เมื่อเห็นว่ามีคนออกมาพูดแทนตัวเอง เย่เฉินเหลียง ก็ยิ้มร่าอย่างมีความสุข เขาเดินออกมาชี้หน้า ซูอัน “วันนี้ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้า ในท้ายที่สุด นี่คือโลกที่เจ้าสามารถพึ่งพาได้แต่ตัวเองเท่านั้น คนที่เอาแต่พึ่งพาความช่วยเหลือจากผู้อื่นอยู่เสมอสักวันจะต้องล้มลงอย่าง…”

แต่ก่อนที่ เย่เฉินเหลียง จะพูดจบ เสียงอ่อนโยนก็ดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน “มะ…ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย! เขา… เขาแข็งแกร่งจริง ๆ!”

ฝูงชนหันกลับมามองทันที เพื่อดูว่าใครเป็นผู้พูดรอบนี้และสิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือหญิงสาวที่มีใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือกำลังก้าวออกมาข้างหน้าแก้มของนางแดงก่ำด้วยความโกรธ ดูเหมือนว่านางจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางความสนใจของผู้คน

“หืม? หญิงสาวผู้งดงามผู้นี้เป็นใครกัน?”

“เฮ้ เจ้านี่มันไม่มีรสนิยมเอาซะเลย แบบนี้เขาเรียกว่าน่ารักต่างหาก!”

“เจ้าคงไม่ใช่คนแถวนี้ใช่ไหมถึงได้ไม่รู้จักแม่นางจี้เสี่ยวซี! นางเป็นลูกสาวของ หมอเทวะจี้ ทักษะการปรุงยาของนางไม่เป็นสองรองใครในหมู่เพื่อนของนางเลยสักคน!”

“ว่าแต่ทำไมนางถึงพูดขึ้นเพื่อ ซูอัน? เป็นไปได้ไหมที่แม้แต่นางก็ยัง…”

“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ! นางฟ้าอย่างนางจะไปมีความสัมพันธ์กับขยะแบบนั้นได้ยังไง!”

ฝูงชนพูดคุยกันอย่างออกรส แม้แต่ เย่เฉินเหลียง ก็ยังรู้สึกประหลาดใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ เขายิ้มอย่างรวดเร็วและถามอย่างอ่อนโยน “น้องจี้ เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดคุยอย่างระมัดระวังกับนาง ต้องรู้ว่า จี้เสี่ยวซี เคยทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ตั้งแต่วันแรกที่นางมาถึงสถาบันนี้ เนื่องจากหน้าตาที่น่ารักของนาง ทำให้มีคนบางกลุ่มที่มีความคิดสกปรกพยายามจะล่อลวงนาง แต่ทันทีที่พวกเขาสัมผัสกับเสื้อผ้าของนาง พวกเขาพบว่าตัวเองถูกยาพิษเล่นงานทันที หลายคนลงเอยด้วยความทุกข์ทรมานตลอดทั้งครึ่งเดือน

และในท้ายที่สุด พวกเขาเหล่านั้นทั้งหมดทุกคนถูกไล่ออกจากสถาบันทันที บางคนบอกว่าเป็นเพราะเส้นสายอันกว้างขวางของหมอเทวะจี้หรือจี้เติ้งถู มีบุคคลสำคัญหลายคนที่เป็นหนี้บุญคุณเขา ดังนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตจึงไม่ลังเลเลยที่จะให้ความช่วยเหลือเมื่อได้ยินว่าลูกสาวของจี้เติ้งถูถูกล่วงเกิน อย่างไรก็ตามยังมีบางคนที่กล่าวว่า จี้เสี่ยวซี มีคนระดับสูงมากของสถาบันให้การหนุนหลังอย่างลับ ๆ อีกต่างหาก