61 ความคึกคักของคฤหาสน์ตระกูลลู่
เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลครึ่งปี ในวันนี้จึงมีผู้คนจำนวนมากมุ่งหน้าไปที่ตลาดและไปเยี่ยมเยียนมญาติของพวกเขา ดังนั้นถนนจึงคึกคักไปด้วยผู้คนและรถลากมันค่อนข้างมีชีวิตชีวา
ในขณะที่พวกเขาไม่รีบร้อน เอี้ยนลี่เฉียงและเฉียนซูก็ขี่ม้าแรดของพวกเขาและสนทนาแบบสบายๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังเดินท่องเที่ยวด้วยความสำราญ
มันไม่สะดวกนักสำหรับพวกเขาที่จะเดินลัดเลาะไปตามถนนเนื่องจากผู้คนพลุกพล่าน พวกเขาใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยามในการไปถึงคฤหาสน์ตระกูลลู่หลังจากออกเดินทางจากย่านโรงตีเหล็ก
ตามที่คาดไว้คฤหาสน์ตระกูลลู่ในปัจจุบันมีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว ระหว่างทางไปที่พักผู้เดินทางด้วยการเดินเท้าเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับในอดีต
ราวกับว่าผู้อยู่อาศัยจากแต่ละเมืองและหมู่บ้านในรัศมีสิบลี้กำลังมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลลู่ทุกคน
นี่รวมถึงเด็กและผู้ใหญ่ที่นั่งในรถม้าหรือเกวียนวัว มีทั้งพวกที่อยู่ในกลุ่ม 5-6 คนหรือเป็นกลุ่มใหญ่ที่มีหลายสิบคน พวกเขาทุกคนมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลลู่ด้วยรอยยิ้มสดใส
มีผู้คนจำนวนหนึ่งขับม้าที่มีที่นั่งว่างซึ่งยังสามารถรองรับคนได้จำนวนหนึ่ง คนเหล่านี้หลายคนเชิญผู้ที่เดินเท้าเข้าไปในรถเพื่อให้พวกเขาเดินทางไปด้วยกัน มีชายหนุ่มสองสามคนขี่ม้าของพวกเขาในขณะที่บางคนเดินลัดเลาะ แต่ละคนต่างกระตือรือร้น
ภายในรถม้าประดับด้วยดอกไม้สดมีเด็กสาวสองสามคนนั่งกันเป็นกลุ่ม แต่ละคนสวมกระโปรงสีสดใสที่ปักดอกไม้สวยงามหลายชนิดแตกต่างกัน พวกนางแต่งกายอย่างงดงามเมื่อเดินทางตามฝูงชนไป
สาวๆพูดคุยกันไม่หยุดในขณะที่ผู้ชายหัวเราะอย่างเต็มที่ ชายหนุ่มและหญิงสาวจะแลกเปลี่ยนสายตาและหยอกล้อกันเป็นครั้งคราว
พวกเขาจะถามกันและกันเกี่ยวกับสิ่งต่างๆเช่นเมืองหรือหมู่บ้านรวมทั้งคนรู้จักของพวกเขาที่อยู่ในสถานที่ใกล้เคียงด้วย
ในกรณีที่พวกเขาเข้ากันได้ชายหนุ่มก็จะเชิญหญิงสาวเดินทางไปด้วยกัน หากฝ่ายหญิงเห็นด้วยพวกเขาก็จะเดินทางไปด้วยกันเป็นกลุ่มก้อนพร้อมกับมีเสียงหัวเราะต่อกระซิกดังออกมาไม่หยุด
อย่างไรก็ตามหากทั้งคู่ไม่เข้ากันพวกเขาก็จะแยกทางกันโดยไม่รบกวนกันและกันแม้แต่น้อย
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกทึ่งเมื่อได้เห็นฉากดังกล่าวที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขา
ในชีวิตก่อนหน้านี้การเดินเล่นไปตามถนนถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยมาก ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือบรรยากาศเมื่อเดินเล่นในชีวิตก่อนหน้านี้เทียบไม่ได้กับบรรยากาศที่คึกคักและรื่นเริงต่อหน้าต่อตาเขา
แม้ว่าห้างสรรพสินค้าบนท้องถนนจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างบรรยากาศที่รื่นเริงและมีชีวิตชีวาในช่วงตรุษจีนหรือเทศกาลสำคัญอื่นๆ
แต่ผู้คนก็ยังรู้สึกห่างเหินจากกันอย่างไม่น่าเชื่อ มันไม่สามารถเทียบได้กับบรรยากาศที่รื่นเริงและกระตือรือร้นที่ปรากฏให้เห็นอยู่ตอนนี้
เป็นผลให้เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกประทับใจอย่างมากกับรอยยิ้มและความกระตือรือร้นที่เขาเห็นบนใบหน้าของฝูงชนในตลอดการเดินทางของเขา
ขณะที่เขาขี่ม้าแรดตัวใหญ่ เอี้ยนลี่เฉียงก็ขโมยหัวใจของหญิงสาวหลายคนในระหว่างการเดินทางเนื่องจากรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาและองอาจสง่างามของเขา
“ ลุงเฉียนทำไมวันนี้คฤหาสน์ตระกูลลู่ถึงคึกคักจัง?”
เอี้ยนลี่เฉียงถามออกมาลอยๆ อย่างไรก็ตามเมื่อสังเกตเห็นว่าเฉียนซูไม่ตอบกลับเขาก็หันไปมองด้วยความสงสัย
ก่อนที่จะพบว่าสายตาของเฉียนซูจับจ้องไปที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเกวียนวัวข้างหน้า
ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะมีอายุมากกว่าสามสิบปี นางสวมชุดกระโปรงสีแดงและอยู่ในวัยที่งดงามเปล่งปลั่งที่สุดในชีวิตของนาง
ทั้งร่างของนางอวบอิ่มราวกับไข่มุกและเรียบเนียนราวกับหยกเนื้อดี นางมีบั้นท้ายที่กลมกลึงใบหน้ากระปี้กระเป่างดงามไม่น้อย
ผู้หญิงคนนั้นยังสังเกตเห็นว่าเฉียนซูกำลังจับตามองนาง ทั้งคู่กำลังแลกเปลี่ยนสายตาที่มีสีสันและความสนใจซึ่งกันและกัน
เอี้ยนลี่เฉียงจึงทำลายความเงียบขึ้นอย่างไร้มารยาท “ อะแฮ่ม … อะแฮ่ม…ลุงเฉียน … ”
“ อะอะไรเหรอลี่เฉียงเจ้ากำลังเรียกข้า…?” เฉียนซูตื่นจากภวังค์ทันทีและหันไปถามเอี้ยนลี่เฉียง
“ ช่างเป็นฉากที่สวยงามน่าดู ลุงเฉียนน่าจะไปถามนางว่ารถลากวัวยังมีที่นั่งว่างอยู่หรือเปล่า ลุงเฉียนก็นั่งเบียดกับผู้หญิงคนนั้นข้าจะพาม้าแรดตัวนี้ไปที่คฤหาสน์ตระกูลลู่แทน!”
เอี้ยนลี่เฉียงแสดงความคิดเห็นอย่างซุกซนพร้อมกับขยิบตาให้ครั้งหนึ่ง
ใบหน้าที่แก่ชราของเฉียนซูแดงระเรื่อขณะที่เขาถลึงตาให้กับเอี้ยนลี่เฉียง “ เจ้าหนูเจ้ารังแกคนมากเกินไปแล้ว?!” เอี้ยนลี่เฉียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน
ยังมีระยะห่างก่อนที่พวกเขาจะไปถึงหนึ่งประตูด้านนอกของคฤหาสน์ตระกูลลู่ เอี้ยนลี่เฉียงได้เห็นสหายเก่าลู่เหวินปิงซึ่งกำลังมองมาในทิศทางของเขา
ทั้งเขาและเฉียนซูดูโดดเด่นมากในการขี่ม้าแรดมังกรตัวใหญ่
เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นลู่เหวินปิง ลู่เหวินปิงก็เห็นพวกเขาเช่นกัน พวกเขาจึงกระตุ้นมาให้เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ลู่เหวินปินก็เคลื่อนเข้าหาพวกเขาทันทีด้วยสีหน้ากระตือรือร้นและรอยยิ้มสดใส
เอี้ยนลี่เฉียงและเฉียนซูลงจากม้าแรดโดยส่งมอบบังเหียนม้าให้กับคนรับใช้สองคนจากตระกูลลู่ที่มาพร้อมกับลู่เหวินปิง
“ลู่เหวินปิงขอแสดงความนับถือต่อปรมาจารย์เฉียนและนายน้อยเอี้ยน!” ลู่เหวินปิงโค้งคำนับอย่างจริงใจ
แม้แต่ลู่เหวินปิงเองก็ไม่สามารถต้านทานการล่อลวงที่จะมองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงเป็นครั้งที่สอง ในขณะที่เขาสังเกตเห็นว่าท่าทางของเอี้ยนลี่เฉียงแตกต่างกันอย่างไรหลังจากเปลี่ยนเป็นชุดใหม่
เอี้ยนลี่เฉียงกระพริบตามองลู่เหวินปิงและยิ้ม “พ่อบ้านลู่เกรงใจเกินไปแล้ว!”
“ ฮ่าฮ่าฮ่า! พี่เปียนอยู่ที่นี่หรือปล่าว ข้าสัญญาว่าจะเล่นพนันกับพี่เปียนวันนี้ข้ารอไม่ไหวแล้ว! ดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้นจึงเป็นเวลาดีที่จะไปตกปลา…” เฉียนซูกล่าวขณะที่เขามองไปรอบๆ
“ นายท่านหกกำลังรออาจารย์เฉียนอยู่ริมทะเลสาบแล้ว!”
“ เยี่ยมมากข้าจะไปแล้วข้าจะไปเดี๋ยวนี้…” ทันทีที่เฉียนซูพูดจบเขาก็หันกลับไปพูดกับเอี้ยนลี่เฉียง
“ ทิวทัศน์ที่สระบัวนั้นสวยงามมาก มันไม่มีที่ใดในเมืองหวงหลงจะเทียบได้ เจ้ามากับข้าก็ได้หากต้องการ แต่ถ้าไม่ก็มีตลาดอยู่แถวๆบริเวณนี้เจ้าสามารถเที่ยวเล่นได้จนค่ำเพราะนั่นคือเวลาที่จะมีผู้คนพลุกพล่านมากที่สุด “
“ใช่แล้ว! มันจะมีชีวิตชีวามากโดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงบ่ายขึ้นไปที่จะมีงิ้วออกมาเล่น หากนายน้อยเอี้ยนสนใจพวกเราสามารถให้คนไปจองที่ไว้ให้ได้…” พ่อบ้านลู่อธิบายอย่างยิ้มแย้ม
“เอาล่ะ ข้าไปชมวิวทะเลสาบดอกบัวที่ลุงเฉียนแนะนำ” เอี้ยนลี่เฉียงพยักหน้า
“ท่านทั้งสองเชิญตามข้ามา … “
ทั้งสามคนไม่ได้เข้าไปในในคฤหาสน์ตระกูลลู่ ลู่เหวินปิงพาทั้งสองไปที่ริมแม่น้ำด้านนอกกำแพงของแทน
พวกเขาขึ้นไปบนเรือลำหนึ่งและพ่อบ้านลู่ก็เรียกคนพายเรือให้นำทางพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว