มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 78 ชดเชย

เช้าวันที่สอง

มู่เซิ่งพึ่งตื่นและกำลังตระเตรียมจะออกจากบ้านไปซื้อข้าวเช้าอยู่พอดี แต่ประตูก็มีเสียงเคาะดังขึ้นมาครู่หนึ่งเสียแล้ว เมื่อเปิดประตูออกก็พบว่าท่านเจียงสามพวกคนกำลังยืนอยู่ที่ปากประตูด้วยสีหน้าอึมครึม เจียงมู่หลงยืนอยู่ด้านหลังท่านเจียงสามและกำลังสบตามองมู่เซิ่งด้วยท่าทีที่ไม่ได้มาดี

“คุณปู่ คุณปู่มาได้อย่างไรครับ?” มู่เซิ่งตกใจอยู่บ้างเล็กน้อย

ท่านเจียงสามไม่ได้กล่าวคำ แต่กลับพาคนกลุ่มหนึ่งมุ่งตรงเข้าไปในห้องรับแขกทันที

เดิมทีในบ้านก็ไม่ได้ถือว่าใหญ่มากนัก หลังเครือญาติเดินเข้ามากันแล้วก็ยิ่งเห็นชัดมากขึ้นว่ามันคับแคบเป็นอย่างมาก ในกลุ่มคนมีเพียงท่านเจียงสามเท่านั้นที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ญาติคนอื่น ๆ ต่างก็ยืนอยู่ทางด้านข้างด้วยท่าทีไต่สวน

“คุณปู่หรือคะ?”

เจียงหว่านกำลังเดินขยี้ตาออกมาจากห้องนอน สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

จ้าวหลินเองก็ถูกเสียงในห้องรับแขกปลุกให้ตื่นด้วยเช่นเดียวกัน กำลังเตรียมจะก่นด่ายกใหญ่อยู่เมื่อครู่นี้ ทว่าเมื่อเห็นท่านเจียงสามแล้วนั้น ทันใดนั้นจึงหยุดอารมณ์ร้อน ๆ นั่นเอาไว้ ก่อนไปยืนเรียบร้อยอยู่ทางด้านข้าง

ในห้องรับแขกกำลังมีบรรยากาศเคร่งเครียดแพร่กระจาย

“ไอ้ขยะ คิดไม่ถึงว่านายกลับมีฝีมือมากเลยนะที่ปีนผ่านขึ้นไปบนความสัมพันธ์ของตระกูลกู่และประธานสวี” เจียงมู่หลงที่ยืนอยู่ทางด้านข้าง เปิดปากพูดขึ้นมาอย่างร้ายกาจ

“ผมกับประธานสวีมีความสัมพันธ์อะไรกัน ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวกับคุณหรอกกระมัง?” มู่เซิ่งเอ่ยพูดอย่างราบเรียบ

ดวงตาของเจียงมู่หลงเย็นยะเยือกทันที ไอ้ขยะคนนี้มันมีท่าทีอะไรกัน?

เรื่องงานแถลงข่าวเมื่อวาน ตระกูลเจียงทั้งตระกูลล้วนทราบกันหมดแล้ว พวกเขาเองก็ถึงเข้าใจในช่วงเวลานั้นเหมือนกัน ว่าที่แท้แล้วการที่บริษัทมู่หรานเลือกเจียงหว่านให้เป็นผู้ดูแลนั้น กลับมีสาเหตุมาจากไอ้ขยะคนหนึ่งคนนี้ ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าไอ้ขยะคนนี้สุดท้ายแล้วเป็นเพราะเหตุตรงจุดไหนที่สามารถได้รับการชื่นชมจากประธานสวีได้

“หมอหลิวเป็นคนแนะนำนายกระมัง?” จู่ ๆ ท่านเจียงสามก็เอ่ยปากขึ้น ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา

“ครับ” มู่เซิ่งพยักหน้า ทั้งก็คร้านจะอธิบายเช่นเดียวกัน

“เหอะ ๆ เรื่องแบบนี้ทำไมนายถึงไม่พูดให้เร็วกว่านี้? หากไม่ใช่เพราะเราเห็นงานแถลงข่าวเมื่อวาน ฉันล้วนไม่รู้เลยว่านายมีความสัมพันธ์ถึงขั้นนี้อยู่!” เจียงมู่หลงชี้นิ้วไปยังมู่เซิ่งพลางตำหนิติเตียน

มู่เซิ่งสบตามองเจียงมู่หลงอย่างราบเรียบหนึ่งหน ก่อนจะยกยิ้มเย็นชาหนึ่งสาย “ทำไมผมต้องบอกคุณด้วยหรือครับ?”

“นาย!”

เจียงมู่หลงบันดาลโทสะจนควันแทบจะออกทวารทั้งเจ็ด ไอ้ขยะคนนี้กลับวางอำนาจต่อหน้าเขาเชียวหรือ

“ได้ ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว ฉันจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนายก็ได้” ท่านเจียงสามเปิดปากกล่าว ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงโทสะเอาไว้ว่า “แต่ว่านายจะต้องทำเรื่องเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือการชดเชยให้ตระกูลเจียง”

“การชดเชยหรือครับ?”

มุมปากของมู่เซิ่งแขวนรอยยิ้มสงสัยขึ้นมา การไต่สวนในตอนนี้กลับเพื่อเป้าหมายนี้เป้าหมายเดียวเท่านั้น เขาเปิดปากเอ่ยถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านเจียงสามคิดอยากจะให้ผมชดเชยอย่างไรครับ?”

“ง่ายดายมาก ในเมื่อนายรู้จักท่านสวี เช่นนั้นก็ช่วยตระกูลเจียงของพวกเราพูดคำดี ๆ หลาย ๆ ประโยค ทางที่ดีที่สุดคือสามารถทำให้ตระกูลเจียงได้รับโครงการการร่วมมือเหล่านั้นได้อีกครั้ง” ท่านเจียงสามกล่าว

“เจียงหว่านไม่ใช่ได้โครงการเขตผิงมาแล้วหรอกหรือครับ?”

ทั้ง ๆ ที่มู่เซิ่งทราบอยู่แล้วแต่ก็ยังคงแสร้งเอ่ยถามขึ้นมา

เมื่อได้ยินคำนี้แล้ว เจียงมู่หลงพลันกระวนกระวายทันที ก่อนจะเอ่ยอย่างร้ายกาจว่า “นั่นคือความร่วมมือกันของตระกูลเจียงหรือ? เห็น ๆ กันอยู่ว่าเป็นตัวนายเองที่ใช้อำนาจใช้ผลประโยชน์ส่วนตัวแก่เจียงหว่าน! สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่พวกนายหรือไงที่ได้เปรียบ?”

ท่านเจียงสามนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ สีหน้ามืดครึ้มราวกับสายน้ำ

เขามีเพียงเจียงมู่หลงเท่านั้นที่เป็นหลานชายเพียงคนเดียว ดังนั้นจึงรักใคร่ยิ่งกว่าใคร เมื่อคืนวานเองก็เป็นเจียงมู่หลงที่เป็นฝ่ายไปหาเขาก่อนด้วยตนเอง บอกว่ามู่เซิ่งมีความน่าสงสัยที่จะก่อกบฏต่อตระกูลเจียง คิดอยากที่จะกุมทั้งตระกูลเจียงผ่านเจียงหว่าน ตอนนี้ดูจากท่าทีของมู่เซิ่งแล้ว หรือว่าคิดอยากที่จะฮุบตระกูลเจียงจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?

ตระกูลเจียงจะไม่อาจตกสู่มือคนนอกแซ่คนหนึ่งได้อย่างเด็ดขาด!

“มู่เซิ่ง ที่ฉันพูดถึงไม่ใช่โครงการของเจียงหว่าน แต่เป็นโครงการความร่วมมือของเจียงมู่หลงต่างหาก” ท่านเจียงสามเอ่ยพูดอย่างเย็นชา

“ไม่ได้ครับ” มู่เซิ่งเอ่ยปากปฏิเสธทันที

ท่านเจียงสามบันดาลโทสะจนลูกตาแทบจะถลนออกมาแล้ว ไอ้ขยะคนนี้กลับกล้าปฏิเสธเขาเชียวหรือ

จ้าวหลินที่ยืนมองอยู่ทางด้านข้าง ทันใดนั้นพลันกระวนกระวายเช่นกันทันที ก่นด่าอย่างเจ็บแสบว่า “ไอ้ขยะ ทำไมนายถึงพูดจาด้วยท่าทางแบบนี้กับคุณปู่? นายไม่รู้หรือไงว่านายอยู่ในสถานะอะไร? ยังไม่รีบกล่าวขอโทษอีก!”

มู่เซิ่งไม่ได้สนใจจ้าวหลิน ก่อนจะเปิดปากกล่าวต่อ “คุณปู่ครับ สามปีมานี้คุณปู่ปฏิบัติต่อเจียงหว่านเหมือนกับคนนอกคนหนึ่ง ไม่เพียงแค่ได้รับความช่วยเหลืออย่างน้อยนิดจนน่าสงสารเท่านั้น ถึงแม้ว่าเจียงมู่หลงจะสร้างกับดักทำร้ายต่อเจียงหว่านก็ตาม แต่คุณปู่กลับถือหางเจียงมู่หลง สถานการณ์พรรค์นี้ คุณปู่ยังมีหน้าจะให้ผมช่วยเหลืออยู่อีกหรือครับ?”

สุรเสียงแจ่มชัดดังสนั่นไปทั่วบริเวณ

เครือญาติตระกูลเจียงทุกคนล้วนชะงักนิ่งไปกันหมดแล้ว ต่างก็กำลังสบตามองมู่เซิ่งอย่างไม่เชื่อสายตา

พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่ามู่เซิ่งกลับกล้าพูดคำเช่นนี้ออกมาได้

ถึงแม้ว่าคำนี้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม ทว่าเขาเคยคิดมาก่อนหรือเปล่าว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์หลังจากพูดออกมานั้นคืออะไร? ในเมื่อตระกูลเจียงนั้นก็ยังเป็นท่านเจียงสามที่เป็นผู้มีสิทธิ์ตัดสินทุกอย่าง!

เจียงหว่านยืนอยู่ทางด้านข้าง ทันใดนั้นกระบอกตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เธอจุกจนพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า “มู่เซิ่ง เขา…”

มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มู่เซิ่งทำไปล้วนเพื่อเธอทั้งหมด!

“แต่ว่านะครับ หากต้องการความช่วยเหลือจากผมแล้วละก็ มันก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้เหมือนกันครับ”

เป็นในตอนที่ท่านเจียงสามเกือบจะระเบิดสายฟ้าฟาดออกมานั้นเอง มู่เซิ่งก็เปิดปากเอ่ยขึ้นมาอย่างราบเรียบว่า “ง่ายดายมากครับ ขอเพียงแค่คุณปู่แต่งตั้งให้เจียงหว่านเป็นว่าที่ประมุขตระกูลในอนาคตของตระกูลเจียงเท่านั้น แล้วผมจะให้ตระกูลเจียงได้โครงการการร่วมมือเหล่านั้น”

“คุณพ่อ อย่าได้ตกปากรับคำข้อเสนอของไอ้ขยะนี่เด็ดขาดเลยนะคะ!” เฉินเสว่กระวนกระวายขึ้นมาทันที

“คุณปู่ครับ มู่เซิ่งเขากลับกล้ากล่าวข้อเสนอนี้กับคุณปู่ รีบ ๆ ให้เจียงหว่านหย่ากับเขาในทันทีเลยเถอะครับ มิฉะนั้นแล้วละก็ หลังจากนี้เดิมทีเขาก็จะไม่เอาพวกเราไปไว้ในสายตาแน่!” เจียงมู่หลงกล่าว

ตำแหน่งประมุขของตระกูลเป็นของเขา ไม่อาจตกเป็นของเจียงหว่านได้อย่างเด็ดขาด

เขาเองก็ไม่อาจยอมรับให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างเด็ดขาดเช่นเดียวกัน

“คนที่แต่งงานกับเขาคือฉัน พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาชี้นิ้วสั่งการ?” เจียงหว่านเดินไปหยุดอยู่ข้างกายมู่เซิ่งด้วยท่าทางวางอำนาจไร้เทียบเทียม

ฉากนี้ทำให้เครือญาติทุกคนล้วนตะลึงงันไปกันหมดแล้ว เพราะในสายตาของพวกเขา เจียงหว่านไม่เคยเข้าใกล้สนิทชิดเชื้อกับมู่เซิ่งมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นแล้วยังมีท่าทีเช่นนี้อีก!

ดวงหน้าของเจียงมู่หลงแฝงยิ้มเย็น ยิ่งเจียงหว่านต่อต้านมากเท่าไหร่ เวลาคุณปู่มองเธอก็จะยิ่งรังเกียจมากขึ้นเท่านั้นอย่างแน่นอนเช่นกัน!

“พอแล้ว! ทั้งหมดไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว!”

ท่านเจียงสามตบโต๊ะขึ้นมา หลังจากนั้นจึงกล่าวว่า “มู่เซิ่ง ฉันรับปากข้อเสนอนี้ของนาย แต่ฉันโครงการที่ฉันเสนอให้ของตระกูลเจียงนั้น ผลประโยชน์จะต้องไม่น้อยกว่าเจียงหว่าน!”

“ขอเพียงแค่นายสามารถทำจุดนี้ได้ สามเดือนหลังจากนี้ ในงานเลี้ยงครบหนึ่งร้อยปีของการก่อตั้งตระกูลเจียง ฉันจะประกาศยอมรับตำแหน่งของเจียงหว่านอย่างเป็นทางการ”

มู่เซิ่งแอบตกใจจนพูดไม่ออก ตาแก่นี่กลับคิดอยากที่จะได้โครงการหนึ่งในสามที่เหลือเชียวหรือ ลมปากยิ่งใหญ่พอจริง ๆ! ทั้งก็ไม่กลัวว่าเขาจะสามารถกลืนได้หรือเปล่าเหมือนกัน

“ได้ครับ”

ทว่าเงินเล็กน้อยนี้สำหรับมู่เซิ่งแล้วก็ไม่ถือว่าเป็นอะไรมากนัก เขาจึงพยักหน้ารับคำแล้ว

เป้าหมายเสร็จสรรพแล้ว เดิมท่านเจียงสามก็ไม่ยินยอมที่จะอยู่ในสถานที่โกโรโกโสนี่นานนัก ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ หลังจากนั้นก็นำกลุ่มคนผลักประตูให้เปิดแล้วออกไปทันที

“มู่เซิ่ง ได้สิ ตอนนี้กลับมีฝีมือมากขนาดนี้แล้ว” จ้าวหลินปรายตามองมู่เซิ่งหนึ่งหน ก่อนจะเอ่ยพูดอย่างร้ายกาจว่า “รอหลังเจียงหว่านเป็นประมุขตระกูลแล้ว หากนายกับเธอหย่ากันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่งด้วยเหมือนกัน”

จ้าวหลินอาศัยเจียงหว่านถึงสามารถมีชีวิตในตอนนี้ได้ หากตอนนี้เจียงหว่านเป็นประมุขตระกูลจริง ๆ แล้วละก็ ชีวิตหลังจากนี้ก็จะสบายเป็นอย่างมาก นี่เองก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเธอถึงมองว่ามู่เซิ่งขัดหูขัดตา ทว่ากลับไม่ได้หยุดยั้งเช่นเดียวกัน

มู่เซิ่งคร้านจะสนใจจ้าวหลินแล้ว ก่อนจะหันศีรษะมองออกไปนอกหน้าต่าง เขากำลังมองกลุ่มท่านเจียงสามจากเขตเล็กไปกันอย่างอึกทึก ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ

เขาทราบว่าเรื่องราวมันจะไม่ง่ายดายขนาดนั้นอย่างแน่นอน

“หวังว่าจะสามารถรักษาคำพูดได้นะครับ อย่าบีบให้ผมต้องเป็นคนลงมือทำลายตระกูลเจียงเลยครับ”

กลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเจียงแล้ว

เครือญาติทุกคนล้วนแยกย้ายกันไปแล้ว มีเพียงเจียงมู่หลงที่ยังคงอยู่ที่เดิม ก่อนจะกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “คุณปู่ครับ ทำไมคุณปู่ต้องยกตำแหน่งประมุขตระกูลแห่งตระกูลเจียงให้กับเจียงหว่านนั่นด้วยละครับ!”

“เจียงหว่านเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น อีกอย่างในตอนนี้ก็เชื่อมู่เซิ่งมากกว่าใครเข้าไปอีก หรือว่าคุณปู่ไม่กลัวว่าธุรกิจของตระกูลเจียงจะตกไปอยู่ในมือคนนอกหรอกหรือครับ!”

“ฉันย่อมรู้อยู่แล้วสิ!”

ท่านเจียงสามกล่าวมาถึงเรื่องนี้ทั้งก็บันดาลโทสะเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะท่าทีที่มู่เซิ่งมีต่อเขาเมื่อครู่นี้นั้น มันสามารถพูดได้เลยว่าอวดดีอย่างถึงที่สุด หากไม่ใช่เพราะมีความสัมพันธ์ต่อตระกูลกู่ถึงขั้นนี้แล้วละก็ เขาก็จะขับไล่มู่เซิ่งออกจากตระกูลเจียงไปนานแล้ว

“แต่ว่านะ หากมีโครงการความร่วมมือแล้วละก็ ตระกูลเจียงถึงจะมีฐานะขึ้นมาได้ สังคมในตอนนี้น่ะ เงินถึงจะเป็นราชา”

“แต่ว่าตำแหน่งประมุขแห่งตระกูลเจียงนั่น!” เจียงมู่หลงวิตกกังวลเป็นอย่างมาก

“วางใจเถอะ ตำแหน่งนี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเป็นของหลานแน่ ตอนนี้ที่ปู่พูดคำนี้ออกไปก็เพราะความมั่นคงของเจียงหว่านเช่นเดียวกัน”

ท่านเจียงสามกล่าว ภายในหัวใจของเขานั้น ตั้งแต่ต้นจนจบนั้นล้วนรักใคร่เจียงมู่หลงเสมอมา “ตอนนี้ความสามารถหลานยังไม่เพียงพอ ทางที่ดีที่สุดคือหยิบยืมโครงการในครั้งนี้มาพัฒนาตนเองเสีย รอเมื่อถึงวันงานเลี้ยงแล้ว ปู่ก็จะให้ไอ้ขยะนั่นไสหัวออกไปจากตระกูลเจียงให้ได้ โครงการในมือของเจียงหว่านก็จะมีหลานเป็นคนรับช่วงต่อแทนเช่นเดียวกัน”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ที่แท้คุณปู่ก็ดีต่อผมที่สุดแล้วจริง ๆ ครับ” เจียงมู่หลงยกยิ้มทั้งน้ำหูน้ำตา

“ออกไปเถอะ” ท่านเจียงสามโบกมือไปมา

เจียงมู่หลงเดินออกจากคฤหาสน์ด้วยสีหน้าลำพองใจทั่วทั้งใบหน้า

สบตามองแผ่นหลังของเจียงมู่หลงแล้ว สีหน้าของท่านเจียงสามยังคงเคร่งขรึมดังสายน้ำ การพูดคุยในวันนี้ทำให้เขารู้สึกว่ามู่เซิ่งเป็นบุคคลอันตรายคนหนึ่งไปเรียบร้อยเสียแล้ว หากป้องกันเอาไว้ไม่ทันแล้วละก็ เกรงว่าหลังจากนี้ตระกูลเจียงก็คงจะต้องเปลี่ยนแซ่เข้าจริง ๆ เสียแล้ว