ตอนที่ 129 – ปิดบัญชี
ชิ่งเฉินวิ่งอย่างบ้าคลั่งบนถนน ตอนที่ปีนข้ามกำแพงออกไป บาดแผลที่ยังไม่หายดีบนมือถูกลวดหนามบนเสาเหล็กดัดแทงจนเป็นรู
เด็กหนุ่มสีหน้าเย็นยะเยียบ เขาคิดไม่ถึงว่าพ่อคนนี้ของตัวเองหลังออกจากศูนย์กักกัน เรื่องแรกที่ทำคือการขายบ้าน
ตอนที่เขาเร่งรุดกลับบ้าน กลับได้ยินนายหน้าคนหนึ่งกล่าวอยู่ข้างในว่า “ท่าน ๆ อย่าเห็นว่าบ้านนี้เก่าเล็กพุพังนะครับ แต่มันเป็นบ้านเขตสถานศึกษาจริงแท้แน่นอน พอลงทะเบียนบ้านแล้วเด็กก็สามารถเข้าโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศเมืองลั่วที่อยู่ติด ๆ กันนี้ได้เลย แถมที่นี่ห่างลั่วไหว้*ใกล้มากจริง ๆ ลูกท่านไปโรงเรียนข้ามถนนห้านาทีก็ถึงแล้ว”
ในบ้านมีคนหกคนกำลังดูบ้าน เหมือนจะเป็นสามีภรรยาสามคู่ ล้วนมุ่งเป้ามาที่บ้านเขตสถานศึกษา
ณ ขณะนี้ นายหน้ากล่าวว่า “แถมเจ้าของบ้านก็บอกว่าลูกบ้านเขาเป็นแชมป์สอบเข้าของเมืองลั่วเลยนะครับ นี่ก็ถือว่าเป็นบ้านเก่าของแชมป์นะ”
ชิ่งเฉิน “……”
พูดตามตรง เขาคิดไม่ถึงจริง ๆว่าชื่อเสียงแชมป์สอบเข้าของตนเองถึงกับยังสามารถเอาไปเป็นวิธีเพิ่มมูลค่าในการขายบ้านได้ด้วย
ชิ่งเฉินอ้าปากพูดอย่างเย็นชาว่า “ใครให้พวกคุณมาดูบ้านหลังนี้ครับ บ้านหลังนี้ไม่ขาย!”
พอคำพูดนี้หลุดออกมา สายตาของคนทั้งหมดล้วนหันมาทางชิ่งเฉิน
นายหน้าขายบ้านลังเลชั่วขณะ “คุณคือ?”
ชิ่งเฉินตอบอย่างสั้นกระชับ “แชมป์”
นายหน้า “……”
หญิงชายวัยกลางคนที่มาดูบ้านหลายคนนั้นมองไปทางรูปถ่ายหนึ่งใบบนผนังจากจิตใต้สำนึก นั่นถึงกับเป็นรูปที่ระลึกตอนที่ชิ่งเฉินได้รับรางวัลตอนนั้น
ตอนนั้นเมืองลั่วยังมอบรางวัลให้เขา 5000 ไคว่ แน่นอนว่าเงินก็ถูกชิ่งกั๋วจงเอาไปพนันจนเกลี้ยงเลย
นายหน้าเอ่ยอย่างลังเลว่า “บ้านหลังนี้ ถูกคุณชิ่งกั๋วจงยกให้พวกเราจัดการแล้ว แถมพวกเราก็เคยดูโฉนดบ้านแล้ว บนนั้นเป็นชื่อของเขาจริง ๆ จุดนี้ไม่ผิดแน่ อีกอย่าง กุญแจก็เป็นเขาให้ผมมา เมื่อกี้เขายังเคยมาที่นี่เลย อย่างนี้เถอะครับ ผมจะโทรไปหาคุณชิ่งกั๋วจงเพื่อยืนยัน”
เขาว่าแล้วโทรศัพท์หาชิ่งกั๋วจง กดสปีกเกอร์โฟนด้วย
กลับได้ยินเสียงเล่นไพ่นกกระจอกที่อีกปลายสาย ชิ่งกั๋วจงกล่าวอย่างไม่มีความอดทนว่า “ทำไม”
”สวัสดีครับคุณชิ่งกั๋วจง” นายหน้ากล่าว “คืออย่างนี้ครับ ผมพาลูกค้าหลายคนมาดูบ้าน ผลคือ……น่าจะเป็นลูกชายคุณ บอกว่าบ้านนี้ไม่ขาย”
ชิ่งกั๋วจงฉงนอยู่บ้าง “เด็กนั่นน่าจะอยู่ชั้นเรียนไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ ๆ กลับบ้านล่ะ ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องไปแคร์เขา บ้านเป็นชื่อของผม ผมบอกว่าขายก็ขาย จงแดง**!”
นายหน้ากล่าวว่า “เอิ่ม เกรงว่าไม่ได้นะครับคุณชิ่ง อันนี้ต้องให้คุณกลับมาแก้ปัญหาสักรอบนะครับ ไม่งั้นตอนที่เก็บกวาดบ้านก็จะเกิดปัญหา “
”งั้นรอพรุ่งนี้ผมจะไปอีกสักรอบ ตอนนี้ยุ่งน่ะ สองถ่ง***!” ชิ่งกั๋วจงกล่าว
พูดจบ ปลายสายตัดสายโทรศัพท์ไปเลย
นายหน้าถือโทรศัพท์อย่างพูดไม่ออก จากนั้นมองไปทางชิ่งเฉิน “เอิ่ม งั้นพวกเรารอพรุ่งนี้บ่ายค่อยมานะครับ”
ส่วนชิ่งเฉินตอนนี้คิดในใจว่า ชิ่งกั๋วจงทำไมพอออกจากศูนย์กักกันก็มีเงินเล่นไพ่เลยล่ะ
เขารอจนทุกคนออกจากบ้าน อันดับแรกไปคลำใต้ฟูกนอนของตนเอง กลับค้นพบว่าเงินหลายพันไคว่ที่เหลือจากการขายทองคำแท่งครั้งที่แล้วถูกชิ่งกั๋วจงขโมยไปแล้ว
ชิ่งเฉินเป็นนักเรียน แถมเป็นนักเรียนยากจนที่รู้กันไปทั่ว ในกระเป๋าสตางค์ถ้ายัดเงินสดไว้หลายพันไคว่ง่ายมากที่จะถูกคนระแวงสงสัย
เขารู้สึกดีใจนิดหน่อยที่ก่อนตนเองไปเขาเหล่าจวินได้เอาทองคำแท่งใส่ลงไปในกระเป๋าเป้ ไม่อย่างนั้นทองคำหลายแท่งนั้นก็อาจจะถูกขโมยไปด้วย
เวลานี้เจียงเสวี่ยเดินเข้ามา เธอถามเสียงค่อย ๆ ว่า “เสี่ยวเฉิน คุณไม่เป็นไรนะ”
ชิ่งเฉินส่ายหน้าอย่างไร้เสียง
เจียงเสวี่ยกล่าวว่า “เมื่อกี้ฉันไปยืนยันกับนายหน้ามา ถ้าพ่อคุณอยากขายบ้านหลังนี้ คุณห้ามไม่ได้จริง ๆ พูดตามกฎหมาย นี่เป็นบ้านของเขา”
นอกหน้าต่างยังสามารถได้ยินเสียงจอแจ เป็นนายหน้ากำลังอธิบายสถานการณ์ให้ลูกค้าทั้งหลาย ถึงอย่างไรคนพวกนั้นมาดูบ้านแต่กลับวิ่งเสียเที่ยวไปรอบหนึ่ง ล้วนโมโหมาก
”อืม” ชิ่งเฉินตอบเสียงเบา ๆ
”แต่ไม่เป็นไรนะเสี่ยวเฉิน พ่ออย่างนี้ไม่เอาก็ไม่เป็นไร วันหลังเธอก็ย้ายมาอยู่บ้านพวกฉัน เสี่ยวอวิ๋นกับฉันนอนห้องหนึ่ง ฉันเก็บกวาดห้องของเธอแล้วคุณก็อยู่ได้เลย” เจียงเสวี่ยเอ่ยปลอบ “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปคุณก็คือครอบครัวของพวกเรา คุณเรียนหนังสืออย่างสบายใจเถอะ วันหลังเข้ามหาวิทยาลับแล้วน้าจะออกค่าเล่าเรียนให้คุณ”
ชิ่งเฉินยิ้ม “ไม่เป็นไรครับน้าเจียงเสวี่ย เสี่ยวอวิ๋นก็โตจนไม่เหมาะจะไปอัดอยู่ห้องเดียวกับคุณแล้ว”
เวลานี้ นอกประตูจู่ ๆ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ชิ่งเฉินมองออกไปข้างนอก ถึงกับเป็นหูเสี่ยวหนิวกับจางเทียนเจินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เข็นสองคน
ข้างหลังพวกเขาขังมีคนเข็นเก้าอี้เข็นเป็นพิเศษ
หูเสี่ยวหนิวครุ่นคิดสักครู่แล้วกล่าวว่า “เพื่อนนักเรียนชิ่งเฉิน พวกเราอยู่ข้างนอกได้ยินบทสนทนาของนายหน้าแล้ว คืองี้นะ เพื่อนนักเรียนสองคนที่ห้องตรงข้ามนายย้ายไปแล้ว แต่ห้องนั่นฉันซื้อไปหมดแล้ว ถ้านายไม่ถือสาก็สามารถย้ายไปอยู่ที่นั่นได้”
พูดตามจริง แต่ก่อนหูเสี่ยวหนิวมีชีวิตอย่างกับเจ้าชาย ไม่เคยสัมผัสกับเรื่องประเภทนี้เลย เขาก็คิดไม่ออกว่าพ่อคนไหนจะขายบ้าน ทำให้ลูกชายตัวเองไม่มีที่จะอยู่
เขาไม่เข้าใจ
ชิ่งเฉินคิดแล้วกล่าวว่า “ฉันรู้สึกขอบคุณความปรารถนาดีของนายมาก สิ่งที่นายให้ก็เป็นความจำเป็นเร่งด่วนของฉันจริง ๆ แต่ฉันอยู่เปล่าไม่ได้ ฉันรู้ว่านายไม่ขาดเงิน แต่โปรดรับค่าเช่าด้วย พร้อมกันนั้น ฉันจะจดจำบุญคุณนี้เอาไว้”
หูเสี่ยวหนิว “โอเค ไม่มีปัญหา”
จากที่ชิ่งเฉินเห็น อีกฝ่ายถึงจะมีบ้านว่าง แต่ไม่จำเป็นต้องปล่อยเช่าให้ตัวเอง ดังนั้นเขาจำเป็นต้องแบกรับบุญคุณนี้เอาไว้
อนาคตถ้าอีกฝ่ายมีความลำบาก เขาจะต้องช่วยอีกฝ่ายฟรี ๆ หนึ่งครั้ง
หูเสี่ยวหนิวให้คนหยิบกุญแจมาให้ชิ่งเฉิน “เช่าห้องตามปกติคือ 1200 แต่ห้องนี้พวกเราเพิ่งรีโนเวท แล้วยังเปลี่ยนสิ่งของมากมาย อย่างเช่นแอร์, ส้วมอัจฉริยะ, ชุดทีวี ดังนั้นค่าเช่าห้องต้องสูงหน่อย 1400 นายว่าเป็นไง”
”สมเหตุสมผล” ชิ่งเฉินกล่าวกับเจียงเสวี่ยว่า “น้าเจียงเสวี่ยช่วยผมออกก่อนนะครับ วันหลังผมหาเงินมาคืนคุณ”
”อืม” เจียงเสวี่ยพยักหน้า
หูเสี่ยวหนิวกล่าวกับเจียงเสวี่ยอย่างจริงใจว่า “ก่อนหน้านี้อาจจะเป็นเพราะเหตุผลของพวกเราเอง ตอนที่ติดต่อกับคุณล่วงเกินไปบ้าน ได้โปรดให้อภัยด้วยนะครับ หวังว่าจะไม่ทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีให้กับคุณ มีโอกาสยังสามารถกลายเป็นเพื่อนกัน”
เจียงเสวี่ยยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะเพื่อนนักเรียนคนนี้ อย่าเก็บไปใส่ใจเลย”
”อืม” หูเสี่ยวหนิวพยักหน้า
พูดจบ เขาลุกขึ้นช้า ๆ จับราวขึ้นบันไดไปทีละนิด ๆ คนที่อยู่ข้างหลังช่วยเขาขนเก้าอี้เข็นขึ้นไป
เจียงเสวี่ยมองไปทางชิ่งเฉิน “ถัดจากนี้วางแผนว่าจะทำยังไงเหรอ”
ชิ่งเฉินหันหน้ากลับไปมองบ้านอันคุ้นเคย ห้องมืดสลัว ผ้าม่านกับโซฟาเก่าคร่ำคร่า แต่ก่อนนี้เขารู้สึกเสมอว่าตนเองไม่ช้าก็เร็วจะมีสักวันที่ได้ออกไปจากที่นี่ แต่ถึงเวลาจากไปจริง ๆ ยังคงไม่อยากพรากจากอยู่บ้าง
เขาจำได้ว่าหลายปีก่อนพ่อยังจะซื้อหมี่เซี่ยนร้านเถาเถาจูกลับมา สองคนนั่งบนโซฟา กินข้าวรอบโต๊ะกาแฟ
เขาจำได้ว่าในบ้านนี้บางครั้งจะมีมดมาหาอาหาร แม่จางหวั่นฟางบ่นตลอดว่าแมลงมากไป บ้านชื้นเกินไป
เขาจำได้ว่ามองไปข้างนอกจากโต๊ะหนังสือของตัวเองสามารถมองเห็นต้นมะเดื่อที่หน้าประตู
รายละเอียดทุกอย่างของบ้านหลังนี้เขาล้วนจดจำได้ ไม่ว่าจะดีหรือว่าแย่
จากนั้น แม่จากไป
แล้วจากนั้นอีก พ่อก็ไม่กลับมา
นี่อาจจะเป็นข้อเสียของความทรงจำที่ดีเกินไป
แต่ทว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้
”อาจจะควรทำให้จบสิ้นสักที” ชิ่งเฉินยืนอยู่ในบ้านเล็ก ๆ กล่าวอย่างสงบนิ่ง “พรุ่งนี้ก็เอาชีวิตที่ผ่านไปแล้วกลบฝังให้หมดเถอะ”
…………………….
*ลั่วไหว้ เป็นชื่อย่อของโรงเรียน ไหว้แปลว่าข้างนอก เป็นส่วนหนึ่งของคำว่า “ต่างประเทศ”
**จงแดง ไพ่
***สองถ่ง ไพ่