บทที่ 118 คำชักชวนของโจวซาน

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 118 คำชักชวนของโจวซาน

บทที่ 118 คำชักชวนของโจวซาน

ภายหลังอู๋ฝานเรียนรู้และเข้าใจทักษะธนู ระดับนักธนูของตัวเขาก็เปลี่ยนเป็นผู้มีความสามารถเหมาะสม อีกทั้ง ทุกครั้งที่ยิงลูกธนูออกไป ตัวเขาจะได้รับค่าประสบการณ์ทีละน้อย แถมค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้จากระดับต้นสู่ระดับกลางมันก็ไม่ได้สูงมากมาย อู๋ฝานจึงเชื่อว่าหากผสานรวมกับการฝึกจริงที่นี่ จะทำให้วิชาธนูของตัวเขาก้าวหน้าสู่ระดับกลางได้ก่อนจะเริ่มออกเดินทาง

ถึงเวลานั้น ระดับธนูขอตัวเขาน่าจะก้าวหน้าไปอีกหนึ่งระดับได้

ภายหลังยิงลูกธนูออกไปสิบชุด โจวซานไม่ได้บอกให้อู๋ฝานยิงต่อ แต่นำพาไปยังสถานที่เปิดกว้างด้านหลังค่าย ที่ซึ่งมีม้าตัวหนึ่งก้มศีรษะลงพลางส่งเสียงร้อง

“วันนี้ข้าจะสอนเจ้าขี่ม้า” โจวซานนำอู๋ฝานไปยังทางที่ม้าอยู่

“ขี่ม้า?” อู๋ฝานแสดงอาการประหลาดใจ

ดังทราบกันดีว่ายุคสมัยนี้ยังเป็นยุคกลาง ทหารม้าคือเกียรติอันสูงส่งและนักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะในยุคบ้านป่าเมืองเถื่อน หน่วยทหารราบมักได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในยามเผชิญหน้ากับหน่วยทหารม้าที่ปราดเปรียว

ทหารม้าไม่ใช่อะไรที่เป็นเพียงการพุ่งไปด้านหน้า แต่ยังต้องใช้สติปัญญา กล่าวคือตำแหน่งทหารม้าบนสมรภูมิรบ มันยิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่ารถถังในยุคสมัยใหม่

เพียงแต่ค่าใช้จ่ายการฟูมฟักทหารม้าขึ้นมาไม่ใช่น้อย มูลค่าที่ต้องใช้ฟูมฟักทหารม้าขึ้นมามาก มันอาจมากถึงสามหรือสี่เท่าของทหารราบ หากว่าเป็นทหารม้าเกราะหนัก ค่าใช้จ่ายจะยิ่งสูงล้ำจนน่าสะพรึง การเลี้ยงดูทหารม้าเกราะหนักจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่าย ในระดับที่เทียบเท่ากองทหารราบถึงสิบหน่วยได้

เพราะความสำคัญของทหารม้า ต่อให้ทราบว่าการฟูมฟักทหารม้าขึ้นมามีค่าใช้จ่ายสูงส่ง แต่มันก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น ทว่าจำนวนจะไม่อาจมีมากนัก ทำให้ทหารที่ขี่ม้าได้ว่ามีน้อยแล้ว ผู้ที่ต่อสู้บนหลังม้าได้ยิ่งมีจำนวนที่น้อยกว่า

อู๋ฝานไม่นึกคิด ว่าโจวซานจะสามารถขี่ม้าได้ และหากมองแล้ว ราวกับอีกฝ่ายไม่ได้เพียงแค่ขี่ม้าทั่วไป แต่เป็นทหารม้าตัวจริงเสียงจริง

ระดับฝีมือธนูไม่ใช่ต่ำเตี้ย ทั้งยังสามารถขี่ม้าได้ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่เพื่อชี้แนะสั่งสอนเป็นหัวหน้ากองพันทหารลำเลียงและขนส่ง? คล้ายกับปล่อยให้พรสวรรค์ต้องเสียเปล่า

“หัวหน้าใหญ่ ทำไมคุณถึงถูกย้ายมาที่นี่กันล่ะครับ?” อู๋ฝานอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยถาม “ผมไม่ได้ดูหมิ่นหรือว่าอะไรนะครับ เพียงแต่…ด้วยความสามารถของหัวหน้า ผมไม่คิดว่าคุณควรอยู่แค่หน่วยลำเลียงขนส่งเช่นพวกเรา”

“สงสัยหรือ?” โจวซานไม่โกรธ กระทั่งยิ้มตอบรับ

“ครับ” อู๋ฝานพยักหน้ารับ

“ก็แค่ไปมีเรื่องกับคนคนหนึ่งเข้า” โจวซานตอบกลับ “แท้จริงแล้ว ที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้าย คนพวกนั้นไม่ชอบที่นี่ ไม่คิดสนใจพวกเจ้าที่เป็นกองทัพสำรองแต่อย่างใด ข้าจึงมาที่นี่ ผลลัพธ์คือไม่อาจมีใครมาควบคุมได้ว่าข้าอยากจะทำอะไร”

แม้ว่าโจวซานยิ้มไปพลางบอกเล่า แต่อู๋ฝานสังเกตเห็นว่าสายตาของเขามันมีความไม่ยินดีแสดงออกร่วมด้วย

อู๋ฝานพอเข้าใจความไม่ยินดีของโจวซาน บุคคลที่มีความทะเยอทะยาน ย่อมไม่ยินดีจะอยู่กับสถานที่เช่นพวกเขา อย่างไรแล้ว หน่วยเช่นพวกเขาก็พร้อมจะสลายตัวได้ทุกเมื่อ กระทั่งหนิวเอ้อยังทราบว่าหากต้องการทำความดีความชอบ ก็ต้องเป็นกองทัพประจำการจึงสามารถประสบความสำเร็จได้

ขณะที่โจวซาน ผู้เห็นชัดว่ามีพละกำลังอันแข็งแกร่ง อย่างที่หนิวเอ้อในปัจจุบันไม่อาจเทียบ ไฉนจึงยินยอมอยู่ที่นี่ได้?

เพียงแต่คล้ายว่าเขาจะไปมีเรื่องกับบุคคลมากอำนาจ จนทำได้เพียงแต่ต้องอยู่ที่นี่

“ข้าคิดว่าเจ้าไม่ได้อ่อนแอ พรสวรรค์ทางธนูก็สูงล้ำ เอาอย่างนี้เป็นยังไง? เจ้าคิดเรื่องกองทัพประจำการ ก้าวขึ้นเป็นทหารตัวจริงหรือไม่? แม้ว่าข้าถูกย้ายมาที่นี่ แต่ก็ยังมีเส้นสาย การจัดแจงส่งเจ้าเข้ากองทัพประจำการไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร” โจวซานเอ่ยถามกับอู๋ฝาน

โจวซานมีความกระตือรือร้นกับเรื่องของอู๋ฝาน ดังนั้นจึงไม่คิดฝังพรสวรรค์ของอู๋ฝานเอาไว้กับกองทัพสำรอง อู๋ฝานสมควรไต่เต้าก้าวเข้าสู่กองทัพประจำการ สถานที่เช่นนั้นจึงสามารถแสดงพรสวรรค์ให้เปล่งประกาย

เดิมนั้นโจวซานคิดว่าอู๋ฝานที่ได้ฟังข้อเสนอจะแสดงความยินดีออกมา อย่างไรแล้ว สวัสดิการของที่นี่ก็แตกต่างจากกองทัพประจำการอย่างไม่อาจเทียบได้ ภายในกองทัพประจำการ ยังมีอุปกรณ์พร้อมกว่าที่นี่ อาหารการกิน รวมถึงเงินเดือนก็ดีกว่า ทั้งยังสามารถเลื่อนขั้นได้โดยง่าย ขณะที่ที่นี่ เป็นได้ก็เพียงแค่พลทหารลำเลียงขนส่ง

แต่แล้วผู้ใดกันนึกคิดว่าอู๋ฝานที่พอได้ยินข้อเสนอ จะไม่เพียงไม่แสดงความยินดีออกมา แต่เร่งร้อนโบกมืออย่างแตกตื่นเพื่อปฏิเสธ “ไม่ครับ ผมไม่สนใจเข้าร่วมกองทัพ ถ้าหากว่าครั้งนี้ไม่ใช่เพราะมีสาเหตุที่พิเศษ ผมก็คงไม่มารับใช้กองทัพด้วยซ้ำไปครับ”

ล้อกันเล่นหรือไร เพียงแค่เป็นกองทัพสำรองสามเดือนต่อปี ต่อเนื่องยาวนานสิบปี อู๋ฝานก็ไม่อาจยอมรับได้ไหวแล้ว หากต้องกลายเป็นกองทัพประจำการ นั่นคือตลอดชั่วชีวิตการทำงาน เขาจะต้องมีอาชีพเป็นทหาร ไม่อาจไปไหน ไม่อาจได้จับมีดทำอาหาร ไม่มีหนทางการหลุดพ้นจากระบบกองทัพ มีหรืออู๋ฝานจะยินดี?

ตัวเขายังต้องการกลับไปทำฟาร์ม ใช้ฟาร์มสร้างเงิน แค่ฟังก็หอมหวานกว่าแล้วไม่ใช่หรือ?

โจวซานผู้ซึ่งเดิมมีสีหน้ายิ้มแย้ม พลันต้องชะงักกลับกลายเป็นแข็งทื่อ “เป็นทหารไม่ดีหรือ?”

“หัวหน้า ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ผมไม่ชื่นชอบกฎระเบียบและข้อจำกัดของค่ายทหาร ผมรักในอิสระ” อู๋ฝานอธิบาย

“อิสระ? โลกเช่นนี้ยังมีอิสระที่ใด? หากไร้ซึ่งกำลังและสถานะ แค่เอาชีวิตรอดในโลกนี้ยังเป็นเรื่องยาก ต่อให้พอจะเอาชีวิตรอดมาได้ มันก็ต้องผ่านความยากลำบากอันมากมาย” โจวซานตอบกลับ

อู๋ฝานนึกถึงหนิวเอ้อและผู้อื่น พวกเขาดำรงชีวิตเพื่อเอาชีวิตรอดโดยแท้จริง กระทั่งว่าการเป็นทหาร มันอาจเป็นหนทางเพียงหนึ่งเดียวด้วยซ้ำ

เพียงแต่สถานะของอู๋ฝานในโลกแห่งนี้ มันคือการพัฒนาตนเองเกื้อหนุนโลกความเป็นจริง กับการใช้ชีวิตในโลกใบนี้ ตัวเขาไม่ได้ใส่ใจถึงขนาดนั้น เพราะอย่างไรรากเหง้าของเขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ ที่เขาต้องการก็เพียงแค่ทรัพยากรของที่นี่

“เจ้าชื่นชอบเงินทองหรือ?” โจวซานราวกับได้เห็นความคิดของอู๋ฝาน

“ครับ ใครบ้างไม่ชอบเงินทอง?” อู๋ฝานไม่คิดปฏิเสธ

“ก็จริง ทุกคนต่างก็ชอบเงินทอง” โจวซานตอบรับ “เพียงแต่เจ้าไม่มีสถานะที่มากพอ ไม่ว่ามีเงินทองมากมายเช่นไร ตัวเจ้าก็จะไม่มีความสามารถเก็บรักษามันเอาไว้ ผลลัพธ์คือสิ่งที่เจ้าใช้เวลาสะสมมาจะถูกผู้อื่นช่วงชิง กระทั่งชีวิตก็อาจไม่สามารถรักษา หากเป็นเช่นที่ว่า ไม่ว่าจะมีเงินเท่าใด แล้วเจ้าจะทำอะไรได้?”

อู๋ฝานเงียบงันไปชั่วครู่ แม้ว่าโลกแห่งนี้ไม่ใช่รากเหง้าของตัวเขา แต่ตัวเขาต้องการพัฒนาตนเองอยู่ที่นี่ เพื่อจะได้สามารถนำสิ่งที่ได้รับป้อนกลับไปยังโลกความเป็นจริง เพียงแต่หากว่าไม่อาจรับประกันสิทธิ์ขั้นพื้นฐานเช่นการปกป้องทรัพย์สินที่นี่ แล้วเขาจะนำมันกลับไปโลกความเป็นจริงได้อย่างไร?

อู๋ฝานนึกถึงสิ่งมากมายที่ได้พบด้านหลังของภูเขาที่หมู่บ้านเร้นลับ มันมีกำแพงโลหะ สิ่งมีชีวิตหายากในป่า ไม้ล้ำค่า ทุกสิ่งอย่างไม่อาจประเมินมูลค่าเป็นราคา หากผู้อื่นทราบ ตัวเขาจะยังมีเรี่ยวแรงพอปกป้องสิ่งเหล่านั้นเอาไว้หรือไม่?

คำตอบก็คือไม่

“แต่ถ้าหากเจ้าต้องการเลื่อนระดับฐานะ เจ้าก็จะมีสองหนทาง นั่นคือการสอบของราชสำนัก หรือไม่ก็เข้าร่วมกองทัพ เจ้าคิดว่าตนเองเป็นหนอนหนังสือ จนขนาดคว้าอันดับหนึ่งของการสอบจอหงวน*ได้หรือ?” โจวซานยังคงเอ่ยถาม

*จอหงวน เป็นตำแหน่งราชบัณฑิตซึ่งได้คะแนนอันดับหนึ่งในการสอบขุนนางของประเทศจีนในยุคก่อน