ตอนที่ 189 ทายอักษรหาตัวคนร้าย

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 189 ทายอักษรหาตัวคนร้าย

ฉินหลิวซีมั่นใจว่าแม่นางตระกูลเจาจะหวนกลับมา ในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นทันทีที่นางทำกิจวัตรประจำวันเสร็จก็มีลูกศิษย์เต๋ามาเคาะประตู บอกว่าคนตระกูลเจามาหาที่อาราม กำลังรออยู่ที่เรือนด้านหลัง

ฉินหลิวซีแต่งกายให้เรียบร้อยแล้วไปที่เรือนด้านหลังอย่างกระปรี้กระเปร่า ทันทีที่ก้าวเข้าประตูเรือนมา ก็ได้ยินเสียงอันอบอุ่นของชิงหย่วนกำลังปลอบโยนผู้ศรัทธาอยู่

“ทุกท่าน ไม่ต้องกังวล ศิษย์พี่กำลังมาแล้ว อ้อ มาถึงแล้ว” ชิงหย่วนชี้ไปที่ประตู

คนตระกูลเจาหันไปมอง เห็นว่าฉินหลิวซีอยู่ที่นี่แล้ว

หญิงชราพยุงเจาชิงม่าน เอ่ยด้วยความตื่นเต้นว่า “ฮูหยิน นั่นคือนักพรตเต๋าน้อยที่ทำนายให้คุณหนูเจ้าค่ะ”

ฮูหยินเจาสวมเสื้อคลุมปักลายสีเงิน บนศีรษะปักปิ่นหยกสองอัน สีหน้าย่ำแย่ ไม่รู้ว่าเพราะไม่ได้นอนทั้งคืนหรือเพราะอาการเจ็บป่วย ใบหน้าของนางซีดเซียวและดูอ่อนแรง เมื่อมองเห็นฉินหลิวซี ดวงตาเศร้าสร้อยคู่หนึ่งกลับฉายแววตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อวานนี้เจาชิงม่านเกือบถูกหอกของบุตรชายแทง นางตื่นตระหนกอย่างมาก แต่เมื่อเห็นยันต์แคล้วคลาดเผาไหม้ไปเอง นางก็รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา เมื่อได้สติกลับมาก็รู้สึกตกใจจนเหงื่อเย็นออกไปทั่วตัว

ต่อมาแม่นมของบุตรีก็ได้เล่าให้ฟังอย่างละเอียดว่าฉินหลิวซีทำนายว่าบุตรีของนางถูกยืมชะตาชีวิตไป ฮูหยินเจาอ่อนแรงในทันที ทั้งตกใจทั้งโมโห

ที่น่าตกใจคือบุตรีถูกคนยืมชะตาชีวิตไปแต่นางกลับไม่ได้สังเกตเลย คิดว่าเป็นแค่โชคร้ายธรรมดาทั่วไปเลยทำให้เกิดเรื่องร้ายขึ้นบ่อยๆ แต่กลับไม่รู้ว่ามีคนทำสิ่งชั่วร้าย ที่น่าโมโหก็คือหากมีคนยืมชะตาชีวิตไปจริงๆ คนผู้นั้นคือใครกัน

หรือเป็นอย่างที่ฉินหลิวซีกล่าว เป็นคนใกล้ชิดหรือไม่

ฮูหยินเจานอนไม่หลับทั้งคืน ฟ้ายังไม่ทันสางก็ให้คนขับรถพาเจาชิงม่านออกจากเมือง ไปขอความช่วยเหลือที่อารามเต๋าด้วยตัวเอง

คำอธิบายเรื่องการยืมชะตาชีวิตคนคนหนึ่งนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว ยันต์แคล้วคลาดที่เผาไหม้ไปเองนั่นก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากๆ จนนางต้องเชื่อ อย่างไรเสียหากไม่มียันต์แผ่นนั้นกันไว้ หัวหอกนั่นจะไม่แทงเจาชิงม่านไปแล้วหรือ หัวหอกที่แหลมคมเช่นนั้น แม้ว่าจะไม่ตายแต่ก็ต้องได้รับบาดเจ็บรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน นางก็ไม่ยินดีที่จะได้เห็นมัน

เป็นการดีที่จะเชื่อการมีอยู่ของสิ่งต่างๆ ย่อทดีกว่าพลาดบางสิ่งบางอย่างเพราะความไม่เชื่อ เรื่องเกี่ยวกับชีวิตของบุตรี ครั้งนี้นางจำเป็นต้องมา

เจาชิงม่านก้าวไปข้างหน้า คำนับฉินหลิวชี “ข้าขอบคุณท่านนักพรตน้อยที่มอบยันต์ช่วยชีวิตข้า”

หัวหอกนั้นมาถึงตรงหน้า เกือบจะแทงตัวเองแล้ว แต่เป็นเพราะยันต์แคล้วคลาดแผ่นนั้นไหม้ขึ้นมาเอง หัวหอกนั้นจึงดูเหมือนถูกใครหยุดไว้ มหัศจรรย์เกินไปแล้ว

เป็นยันต์แคล้วคลาดแผ่นนั้นที่ฉินหลิวซีมอบให้ที่ช่วยปัดเป่าภัยพิบัตินองเลือดให้นาง นางไม่ได้เอ่ยอะไรเกินจริงเลย

มีคนช่วยพยุงฮูหยินเจาเดินเข้ามาคำนับขอบคุณฉินหลิวซีเช่นกัน “ขอบคุณท่านนักพรตน้อยที่ช่วยชีวิตบุตรสาวข้า”

“นี่เป็นพรที่แม่นางสมควรได้รับ” ฉินหลิวซียิ้มพลางโบกปัดมือบอกว่าไม่จำเป็นต้องพิธีรีตอง

ฮูหยินเจาถามด้วยความกังวล “ได้ยินบ่าวรับใช้บอกว่า ท่านนักพรตเอ่ยว่าที่บุตรสาวของข้าช่วงนี้จะประสบเคราะห์ร้ายเพราะมีคนยืมชะตาชีวิตไป เป็นเรื่องจริงหรือ เมื่อวานนางเกือบถูกหัวหอกแทงจากการรำหอกของบุตรชาย แต่ก็แคล้วคลาด เช่นนั้นเคราะห์กรรมครั้งนี้ผ่านไปแล้วใช่หรือไม่”

“ตราบใดที่ยังไม่ได้ทำลายคาถายืมชะตาชีวิตนั่น เคราะห์ครั้งนี้ผ่านไปก็ยังมีเคราะห์อื่นอีก” ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “จนกว่าแม่นางจะไม่มีชะตาชีวิตให้ยืม นั่นก็คือ…”

ฮูหยินเจาสีหน้าซีดเผือด เมื่อตื่นตระหนกก็รู้สึกเจ็บหน้าอก นางงอตัวไออย่างรุนแรง ราวกับว่าไอจนปอดจะหลุดออกมา

แม่นมและสาวรับใช้ต่างก็เป็นกังวล พากันเข้าไปลูบหลังนาง

เจาชิงม่านมองไปที่ฉินหลิวซีพลางเอ่ย “ท่านแม่ไอมาเป็นเวลานาน ตอนนี้รู้สึกตื่นตระหนกจึงเสียมารยาทต่อหน้าท่านนักพรตแล้ว ขอท่านนักพรตอย่างได้ขุ่นเคือง”

“ไม่เป็นไร” ฉินหลิวซีก้าวไปข้างหน้า ให้สาวใช้ที่กำลังลูบหลังถอยออกไป เอ่ย “ขออภัยฮูหยิน ข้าขอบรรเทาอาการไอให้ท่านก่อน”

นางกดจุดเทียนทูที่กลางหน้าอกของฮูหยินเจาผ่านเสื้อผ้าด้วยน้ำหนักกำลังดี จากนั้นก็นวดจุดต้าจุยที่บริเวณกระดูกสันหลังใต้ทายทอยตามเข็มนาฬิกา สุดท้ายก็กดที่จุดฝังเข็มเลี่ยเชวียบริเวณข้อมือด้านข้าง

แม้ว่าฮูหยินเจาจะตกใจการกระทำอย่างอุกอาจของฉินหลิวซี แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอายุยังน้อยจึงไม่ได้เอ่ยอะไร และตัวเองก็ค่อยๆ หยุดไอแล้วจึงอดรู้สึกอัศจรรย์ใจไม่ได้

“ท่านนักพรตทำเช่นนี้ ท่านเป็นวิชาแพทย์ด้วยหรือ”

“สิบเต๋าเก้าวิชาแพทย์ ข้าก็พอรู้อยู่บ้าง” ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อย

เจาชิงม่านรีบเอ่ย “ท่านนักพรต ท่านแม่ของข้าไอไม่หยุดมาได้หนึ่งเดือนแล้ว มีวิธีรักษาให้หายหรือไม่”

“ม่านเอ๋อร์ คนที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเจ้า เหตุใดถึงเอ่ยเรื่องอาการป่วยของแม่ แม่ไม่เป็นไร” ฮูหยินเจาตบมือนางเบาๆ แล้วจึงเอ่ยกับฉินหลิวซีว่า “ท่านนักพรต เรื่องของบุตรสาวข้าท่านมีวิธีแก้หรือไม่ แล้วใครเป็นคนทำ”

“การยืมชะตาชีวิต ตามหลักแล้วต้องรู้แปดตัวอักษรเวลาตกฟากของแม่นาง ใครที่สามารถรู้ได้บ้าง ในใจฮูหยินน่าจะรู้ดี”

ฮูหยินเจาขมวดคิ้ว แปดตัวอักษรเวลาตกฟากเป็นสิ่งสำคัญส่วนบุคคล จะไม่เปิดเผยง่ายๆ แปดตัวอักษรของบุตรสาว ผู้ที่รู้ก็มีไม่มาก ล้วนเป็นญาติสนิทกัน มีหรือจะนำแปดตัวอักษรของเจาชิงม่านไปทำวิชาสายดำเช่นนั้น

“หากท่านคิดไม่ออกจริงๆ ข้าจะทายตัวอักษรหาคำตอบแทนท่านดีหรือไม่” ฉินหลิวซีนั่งลง เอ่ยกับเจาชิงม่านว่า “แม่นางหลับตาลง คิดในใจว่าใครยืมชะตาชีวิตไป ให้อักษรข้ามาหนึ่งตัว”

เดาอักษรก็รู้แล้วหรือ

มหัศจรรย์เช่นนั้นเลยหรือ

เจาชิงม่านมองไปที่ฮูหยินเจาโดยไม่รู้ตัว ฮูหยินเจาพยักหน้า ลองทดสอบวิชาเต๋าของคนผู้นี้ดูก่อนก็ดี หากไม่มีความสามารถ นางค่อยไปขอให้พระภิกษุลัทธิชินโต[1]ช่วยแก้เคราะห์กรรมครั้งนี้ให้บุตรี

เมื่อเจาชิงม่านเห็นว่าท่านแม่พยักหน้าจึงได้นั่งลง หลับตาลงแล้วคิดถึงเรื่องยืมชะตาชีวิตนี้ เขียนตัวอักษรมาหนึ่งตัว

‘เจี่ย’

“อักษรเจี่ย ด้านข้างเป็นคน เสียงหลักเป็นซี ความหมายคือยืมของผู้อื่นมา ซีคืออดีต เมื่อครู่ข้ามองแม่นางเขียน ‘ซี’ ที่เป็นตัวประกอบของตัวอักษร ‘เจี่ย’ มีสัตว์ปีกบินผ่าน เป็นนกสาริกาดำ มีความหมายว่านกเขาหรือนกพิราบครอบครองรังนกสาริกาดำ” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อไปว่า “ตัวอักษร ‘ซี’ ธาตุทั้งห้าเป็นทอง ไฟชนะทอง หากเอาส่วนประกอบด้านบนออกจะเป็นตัวอักษร ‘รยื่อ’ หากชื่อของแม่นางมีอักษร ‘ชิง’ รยื่อกับชิงรวมกันเป็น ‘ฉิง’ ซึ่งธาตุเป็นไฟ ดังคำที่ว่า ‘ไฟชนะทอง’ พอดี”

ฉินหลิวซีเงยหน้าขึ้น มองดูเจาชิงม่านและคนอื่นพลางเอ่ย “สตรีในตระกูลที่เลี้ยงดูมีนกเขาและนามว่าฉิง คือคนที่ยืมชะตาชีวิตแม่นางไป”

นิ้วของเจาชิงม่านสั่นเทา

สีหน้าฮูหยินเจาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่านึกบางสิ่งบางอย่างได้ เริ่มเจ็บแปลบที่หน้าอกขึ้นมา

หญิงชราเอ่ยตะกุกตะกัก “ฮูหยิน คุณหนูลูกพี่ลูกน้องผู้นั้นคงไม่…”

ฮูหยินเจาหันไปมอง หญิงชราก้มหน้าลงทันที กลืนน้ำลายลงคอ

น่ากลัวเกินไปแล้ว ผู้ที่ใช่มนต์ดำยืมชะตาชีวิตไปคือคุณหนูลูกพี่ลูกน้องหรือ

นั่นเป็นหลานสาวแท้ๆ ของฮูหยินเชียวนะ ฮูหยินสงสารที่นางสุขภาพอ่อนแอ มักจะส่งของบำรุงมากมายไปให้นางเป็นประจำ ทั้งยังให้ความเคารพและสนิทสนมกับพี่หญิงเป็นอย่างมาก และครั้งนี้ก็จะไปอวยพรวันเกิดให้นางที่เมืองฝู่ด้วยร่างกายที่เจ็บป่วยเช่นนี้

แต่กลับเป็นบุคคลนี้ที่ลงมือกับบุตรีของตนเอง หากไม่ได้มาที่อารามชิงผิงแห่งนี้ และหากไม่ได้บังเอิญพบฉินหลิวซีช่วยไขข้อข้องใจให้ เช่นนั้นหากบุตรีของตนเองเป็นอะไรไปแล้วพวกเขาก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นใช่หรือไม่

การยืมชะตาชีวิตนี้ เป็นการฆ่าคนโดยที่มองไม่เห็นชัดๆ

หญิงชราตัวสั่นเทา มองคุณหนูด้วยความกังวล

ฮูหยินเจาสงบสติอารมณ์ลงแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชาและเคร่งขรึม เอ่ย “ท่านนักพรตน้อย มนต์นี้สามารถแก้ไขได้หรือไม่ ขอท่านนักพรตช่วยแก้เคราะห์กรรมนี้ให้บุตรสาวข้าด้วยเถิด”

“ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ฮูหยินจะไม่ตรวจสอบก่อนหรือว่าสิ่งที่ข้าคาดเดานั้นแม่นยำหรือไม่”

“ไม่จำเป็นแล้ว ข้าเคยได้ยินบ่าวรับใช้เอ่ยว่าเมื่อมนต์คาถานี้คลี่คลายแล้ว ผู้ที่เสกมนต์และผู้ที่ยืมชะตาชีวิตจะถูกมนต์ย้อนกลับคืน ผู้ที่ไม่ได้ทำย่อมไม่เดือดร้อน หากเป็นคนทำเช่นนั้นก็ต้องรับบาป ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น!” ฮูหยินเจาเอ่ยอย่างเย็นชา “ในใต้หล้านี้ไม่มีใครสำคัญไปกว่าบุตรของข้า”

[1] ชินโต (神道) เป็นศาสนาที่ไม่มีศาสดาผู้ก่อตั้งศาสนา เป็นเพียงศรัทธาดั้งเดิมที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับประเทศญี่ปุ่น