บทที่ 120 ด้านหลังมีพิษ

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 120 ด้านหลังมีพิษ

สวี่ชิงมองร่างของนายกองที่กระโจนเข้าไปในตาปลาที่กลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ด้านหน้า และคำพูดของนายกอง ก็เหมือนจะแผ่วลงอย่างไรอย่างนั้น เพียงแต่ว่าที่ร่วงไปไม่ใช่หลุมลึก แต่เป็นจิตใจของสวี่ชิง

ที่นั่น คำพูดเหล่านี้พัดคลื่นออกไปเป็นระลอก เกิดเป็นวงกระแสวนแผ่กว้างออกไป

ก่อนหน้านี้ สิ่งที่สวี่ชิงรู้ พื้นที่ต้องห้ามของโลกนี้ ควรจะคล้ายๆ กับป่าที่อยู่ข้างๆ ฐานที่มั่นคนเก็บกวาด เพียงแต่ว่ายิ่งลึกเข้าไป ก็ยิ่งมืดสลัวแปลกประหลาดและอันตรายมากขึ้น

ต่อให้เป็นแดนต้องห้ามปักษาราชันอีกด้านของทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ เขาก็แค่รู้สึกว่าอาณาเขตกว้างหน่อย สัตว์ร้ายกับสิ่งประหลาดด้านในก็แค่มากขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นก็เท่านั้น

ทว่าตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่ตนเองรู้ แม้จะไม่ผิด แต่มันเป็นแค่มุมเดียวเท่านั้นเอง

โลกใบนี้กว้างใหญ่เกินไป เผ่ามนุษย์เองก็เป็นแค่หนึ่งในนี้ ยังมีต่างเผ่าอีกมากมายรวมไปถึงพื้นที่ต้องห้ามที่อันตรายอยู่อีกหลายแห่ง

และเหนือจากพื้นที่ต้องห้ามไปก็ยังมีแดนต้องห้ามอยู่อีก

และการมีอยู่ของแดนต้องห้ามก็เหนือกว่าระดับพื้นที่ต้องห้ามอย่างสมบูรณ์ สามารถให้กำเนิดเผ่าพันธุ์ใหม่ขึ้นมาได้

แล้วก็ยังมี…แผ่นดินเทวะที่ไม่ค่อยจะชัดเจนเท่าไรจากปากนายกองอีกด้วย

“ดังนั้น ผู้แข็งแกร่งกับสิ่งประหลาดที่มีอยู่ในโลกนี้จึงมีจำนวนมากมาย” สวี่ชิงคิดถึงรูปปั้นหินถือดาบในศาลเจ้าที่พบในพื้นที่ต้องห้ามคนเก็บกวาด คิดไปถึงยักษ์ลากราชรถที่สัมผัสได้ใต้ทะเล แล้วยังมีร่างจริงของเกาะกิ้งก่าทะเลด้วย

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาหันหน้ากลับมามองเผ่าสิงซากสมุทรที่กำลังปะทะอยู่กับติงเซียวไห่ด้านหลัง ในดวงตาเผยประกายล้ำลึกขึ้นมา

เผ่าสิงซากสมุทรที่กำเนิดขึ้นที่พื้นที่ชายขอบแดนต้องห้ามมรณะ แข็งแกร่งอย่างมาก

รวมปราณขั้นบริบูรณ์เช่นเดียวกัน ถ้าหากเป็นเผ่าเงือกหรือผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ สวี่ชิงจะไม่สังหารช้าถึงเพียงนี้ การลงมือของเขาจะเร็วกว่านี้

“ระดับสร้างฐานของเผ่าสิงซากสมุทรจะเป็นอย่างไรกันนะ” สวี่ชิงระมัดระวังในใจ เขาเชื่อว่าใต้หลุมลึกจะต้องยังมีเผ่าสิงซากสมุทรอยู่อีก และในนี้จะต้องมีผู้บำเพ็ญสร้างฐานอยู่แน่นอน

แม้ค่ายกลบนท้องฟ้าจะสะกดพลังบำเพ็ญทั้งหมดลงไปที่ระดับรวมปราณ แต่เผ่าสิงซากสมุทรแข็งแกร่งเช่นนี้ สวี่ชิงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างขันแข็ง

โดยเฉพาะในค่ายกลนี้ที่ดูเหมือนอยู่ในช่วงไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

สวี่ชิงครุ่นคิด ยิ่งเข้าใจความลับของโลกใบนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองเล็กจ้อยอ่อนแอเสียเหลือเกิน เวลานี้ความคิดที่ว่าต้องรีบขึ้นเป็นระดับสร้างฐานก็เปลี่ยนเป็นรุนแรงมากขึ้น

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก แววตาดุดัน กระโจนลงไปในหลุมลึกในตาปลา

หลุมลึกนี้ราวกับเป็นอุโมงค์เส้นหนึ่ง อาณาเขตใหญ่โต ระดับความลึกก็เช่นกัน มองไม่เห็นปลายทางเลย

ตอนที่สวี่ชิงกระโดด ห่างออกไปเห็นเงาของนายกองเป็นเพียงจุดเล็กจุดหนึ่งกำลังทิ้งดิ่งอย่างรวดเร็ว เขาหรี่ตาลง ไม่ทำการควบคุมความเร็ว แต่ใช้แรงโน้มถ่วงตามธรรมชาติ พุ่งลงไปพลางสำรวจรอบด้านไปด้วย

รอบด้านของหลุมลึกเป็นดินโคลนสาบดำ ยิ่งลงลึกก็ยิ่งชื้น และยิ่งมีพืชจำพวกตะไคร่มากขึ้น สักพักก็จะมองเห็นดอกไม้หลายดอกซึ่งก็ล้วนเป็นสีดำ ยืนชูช่อน่าครั่นคร้าม

และความชื้นนี่ก็รุนแรงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งสวี่ชิงมองเห็นนายกองที่อยู่ด้านล่าง มีเสียงตู้มดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง เสียงนี้ไม่เหมือนถูกคนเข้าโจมตี แต่ดูคล้ายกับร่วงลงไปในน้ำมากกว่า

สวี่ชิงโคจรพลังบำเพ็ญทันที ขณะที่ยกมือขวาขึ้นเหล็กแหลมสีดำก็ปรากฏ แทงเข้าไปที่ดินข้างกาย ตอนที่เสียงฉึกดังแว่วออกมา เหล็กแหลมสีดำก็กรีดกำแพงจนเป็นรอยยาว

ความเร็วของสวี่ชิงเองก็ค่อยๆ ช้าลงด้วยแรงช่วยของเหล็กแหลม จนผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เห็นว่าด้านล่างของอุโมงค์นี้เป็นผิวน้ำ

ผิวน้ำดำสนิท มองไม่เห็นว่าด้านในมีอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าอุโมงค์ที่ยังไม่สิ้นสุดเส้นนี้ เส้นทางต่อไปจำเป็นต้องดำลงไปใต้น้ำ

สวี่ชิงครุ่นคิด สาดผงพิษออกไป

รอจนยืนยันว่าไม่มีอุปสรรค และป้องกันไว้ก่อนระดับหนึ่ง หยิบเอาสิ่งของที่ไม่กันน้ำบนตัวออกมาใส่เข้าไปยังถุงเก็บของ หลังจากจัดเรียบร้อยก็พุ่งลงไปในน้ำ คัมภีร์แปรสมุทรในร่างกายก่อตัวเป็นเกราะคุ้มกัน ทำให้น้ำทะเลเข้ามาไม่ได้ จากนั้นจึงดำดิ่งเดินหน้าต่อ

ทว่าดำลงไปได้ไม่นานนัก สวี่ชิงมองไปด้านล่าง ระแวดระวังขึ้นในใจ

เขาอยู่ตรงนี้ มองไม่เห็นเงาของนายกอง

เหมือนว่าในอุโมงค์ที่ดำมืดนี้ ซ่อนอันตรายที่ไม่รู้จักเอาไว้ แล้วกลืนกินร่างของนายกองลงไปจนหมดจด

สวี่ชิงไม่ลังเล ล้วงเอาถุงที่ใส่ผงพิษต่างๆ ไว้จนเต็มใบหนึ่งออกมาจากถุงเก็บของ ส่งออกไปนอกชั้นเกราะคุ้มกันตนเอง ทำให้ถุงนั้นพอผสานเข้ากับน้ำ ก็ซึมซาบอย่างรวดเร็ว จนแผ่พิษปริมาณมหาศาลออกมา

ขณะที่กระจายไปทั้งสี่ทิศ สวี่ชิงก็คว้าถุงใบนี้ แล้วดำดิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว

ทุกที่ที่ผ่าน น้ำทะเลสีดำภายใต้การปนเปื้อนของพิษ ก็ยิ่งดำหนักกว่าเดิม

อาจจะเพราะพิษของสวี่ชิงให้ผลดีชะงัดนัก ดังนั้นในผงพิษที่ละลายมาตลอดทาง เขาที่ดำลงมาจึงไม่เจอกับอันตรายใดเลย ตอนที่ใกล้ถึงปลายอุโมงค์เส้นนี้ พิษในถุงก็เหลือไม่มากแล้ว

สวี่ชิงไม่ชะงัก สะบัดถุงโยนออกไปฉับพลัน และถุงใบนี้ก็พุ่งตรงไปยังทางออกของอุโมงค์ใต้น้ำ จังหวะที่ถุงปรากฏขึ้นก็ทำให้พิษเหมือนหมึกดำที่เหลืออยู่ด้านในเหล่านั้นแผ่ซ่านออกมาในน้ำรอบทิศฉับพลันจนหมด

ถ้าหากที่นั่นไม่มีศัตรูซุ่มโจมตีอยู่ก็แล้วไป แต่ถ้ามีคนซุ่มอยู่ล่ะก็ เช่นนั้นน้ำพิษนี้ก็เพียงพอจะทำให้พวกเขาต้องเสียใจกับตัวเลือกนี้แล้ว

พริบตาต่อมา ระหว่างที่น้ำพิษตีเกลียว ฉับพลันก็มีเสียงกรีดร้องแหลมออกมา ผู้บำเพ็ญเผ่าเงือกที่ซุ่มอยู่ที่นี่หกคนถอยห่างจากน้ำพิษ ร่างกายดำคล้ำอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า เน่าสลายต่อเนื่อง ความเย็นชาของสวี่ชิงยกระดับขึ้น ร่างกายก็เพิ่มความเร็วพุ่งไปยังทางออกทันที

พริบตาที่ออกมา คลื่นวิชามากมายสั่นสะเทือนอยู่รอบด้าน และมีเสียงคำรามกราดเกรี้ยวอื้ออึงก้องอยู่ใต้น้ำ

ที่นี่กำลังสู้กันวุ่นวาย

ขณะเดียวกันโลกใต้น้ำที่งามจับตา ก็ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าสวี่ชิงตามการพุ่งออกมาของเขา

เมื่อเทียบที่นี่กับบนเกาะแล้วตรงกันข้ามทั้งหมด แต่ถ้าหากตีลังกากลับหัวในนี้ แล้วใช้เท้าเหยียบกับดินเลนด้านบนใต้ตัวเกาะ จะมองเห็นอย่างชัดเจนว่า พื้นของที่นี่มีปะการังเจ็ดสีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน

เหมือนว่าโลกทั้งใบประกอบขึ้นจากปะการัง สิ่งปลูกสร้างที่สร้างขึ้นจากปะการังอย่างหรูหราหลายแห่ง บนปะการังเหล่านั้น ยังมีดอกไม้ทะเลจำนวนมากอยู่อีกด้วย

ใจกลางดอกไม้ทะเลสีแดงก่ำ กลีบดอกไม้รอบๆ สีเทาเหมือนฟันหลายซี่ และยังมีรยางค์กลับหัวอีกเต็มไปหมดยื่นออกมา กวัดแกว่งไปมาในท้องทะเล

รยางค์เหล่านี้ยาวไม่เท่ากัน มีทั้งนับสิบจั้ง มีทั้งจั้งสองจั้ง บนตัวมันมีแสงไหลเวียน จนทำให้โลกใต้ท้องทะเลมองแล้วงามวับจับตา

และไข่กึ่งโปร่งแสงนับไม่ถ้วนที่ลอยอยู่ที่ก้นทะเลนั่น ไข่เหล่านี้ทุกใบล้วนใหญ่ขนาดเท่าเด็กเจ็ดแปดขวบ และมองเห็นทารกเผ่าเงือกหลายคนอยู่ด้านใน

ที่นี่ ก็คือโลกใต้ทะเลที่เผ่าเงือกสร้างขึ้นใต้เกาะ และเป็นรากฐานที่แท้จริงของพวกเขา เวลานี้จากการที่สวี่ชิงมองเห็นทั้งหมด เขาก็ยังเห็นการต่อสู้ที่มีอยู่ทุกที่รอบด้านอีกด้วย

ศิษย์เจ็ดเนตรโลหิตมากมายกำลังแย่งชิงปะการังเหล่านั้น รวมไปถึงสิ่งของที่มีมูลค่าของที่นี่ด้วย และผู้บำเพ็ญเผ่าเงือกที่มากกว่าก็ลงมืออย่างโหดเหี้ยม เข้าสังหารคนของเจ็ดเนตรโลหิต

เนื่องจากอยู่ใต้ทะเล ดังนั้นเลือดสดจึงไม่หยดลงพื้น แต่ผสมรวมอยู่ในน้ำทะเล จนกลายเป็นหมอกเลือด แผ่ออกไปตามคลื่น สวี่ชิงยังไม่ทันได้ตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมด จู่ๆ ดวงตาก็เปล่งประกายเย็น ร่างกายก็กระแทกไปด้านหลังอย่างรุนรง จนชนเข้ากับร่างผู้บำเพ็ญเผ่าเงือกคนหนึ่งที่ลอบโจมตีเข้ามา

เสียงโพละดังขึ้น ร่างกายผู้บำเพ็ญเผ่าเงือกคนนี้เลือดเนื้อแตกกระจาย หลังจากหมอกเลือดคละคลุ้งมหาศาล ดอกไม้ทะเลดอกหนึ่งที่อยู่ข้างๆ จู่ๆ ก็มีปากขนาดใหญ่งับมาทางสวี่ชิง

รยางค์รอบๆ ก็พันรัดอย่างรวดเร็ว แต่พอเข้าใกล้ก็แห้งเหี่ยวทันที และดอกไม้ทะเลเหล่านั้นก็เช่นกัน ไม่ทันได้กัดก็แห้งเหี่ยวจนกลายเป็นสีดำสนิทไปฉับพลัน

สวี่ชิงไม่สนใจดอกไม้ทะเล พุ่งตรงไปข้างหน้าทันที ทำการตรวจสอบรอบด้านต่อ

บนสนามรบโลกใต้เกาะนี้ ที่สู้กับศิษย์เจ็ดเนตรโลหิตไม่ได้มีเพียงเผ่าเงือกเท่านั้น สวี่ชิงยังเห็นผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรด้วย เหลือบตามองกวาดไป เผ่าสิงซากสมุทรที่กระจัดกระจายอยู่จำนวนน่าจะประมาณร้อยกว่า

ทุกคนล้วนดุร้ายอย่างมาก มีเจ็ดแปดคนที่บนตัวมีคลื่นพลังใกล้เคียงระดับสร้างฐาน และต้องมีศิษย์เจ็ดเนตรโลหิตห้าคนขึ้นไปล้อมโจมตี จึงจะสยบเขาได้

สวี่ชิงพอเห็นเหล่านี้ จู่ๆ ก็ยกมือขวาขึ้น เหล็กแหลมสีดำพุ่งออกไปฉับพลัน ตรงไปยังเงาร่างหนึ่งที่ตรงเข้ามาอย่างรวดเร็วทางซ้าย แทงทะลุหน้าผากทันควันพร้อมอาการสะดุ้งของอีกฝ่าย จากนั้นก็กลับมาอยู่ข้างกายสวี่ชิงอีกครั้ง

สวี่ชิงไม่ชะงัก แต่พุ่งทะยานต่อ

เขาลงมือเองน้อยมาก การสังหารไม่ใช่ตัวเลือกแรกของเขาในการมาครั้งนี้ หลังจากมาถึงโลกเบื้องล่าง เขาก็พิจารณาถึงตำแหน่งคลื่นที่สัมผัสได้จากตะเกียงดับวิญญาณก่อนหน้า

เขาคิดจะออกจากสนามรบนี้ แล้วไปดูสถานที่นั้นเสียหน่อย ยืนยันว่ามีสิ่งที่ตนเองคาดเดาและเฝ้ารอไว้อยู่จริงหรือไม่

และตอนที่สวี่พุ่งผ่านสนามรบ ความรู้สึกอันตรายวูบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในความคิดเขา

สวี่ชิงหยุดเท้าลง เงยหน้ามองไปฉับพลัน

แทบจะตอนที่มองออกไป ตำแหน่งชายขอบสนามรบ ที่นั่นจู่ๆ ก็ปรากฏเผ่าเงือกที่แตกต่างกันออกมานับสิบคน

เผ่าเงือกเหล่านี้สวมชุดคลุมยาวสีขาว คลื่นบนตัวแปลกประหลาดมาก ไม่ใช่ไอพลังประหลาด และไม่ใช่พลังวิญญาณ แต่เป็นความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ได้อย่างหนึ่ง หลังจากสวี่ชิงมองไป ในหัวก็ปรากฏความเป็นเทพที่แฝงไว้ในเรือเวทขึ้นมา

สิ่งนี้ทำให้ม่านตาเขาหดลง

และข้างกายของเผ่าเงือกเหล่านี้ทุกคน ก็ล้วนมีอสูรประหลาดที่โหดร้ายบางอย่างอยู่ด้วย!

อสูรประหลาดเหล่านี้มีทั้งรูปร่างคน แต่ทั้งร่างกลับยาวบาง ร่างกายสูงหลายจั้งราวกับไม้จิ้มฟัน แต่ศีรษะกลับใหญ่โต ผิวหนังสีดำมีไอพลังประหลาดปล่อยออกมา

ยังมีที่ดูเหมือนยักษ์ แต่กลับมีหัวงอกออกมาสองหัว ใบหน้าทั้งสองก็มีความโหดร้าย ก้าวเดินมาข้างหน้าพลางกัดฉีกกันและกัน

และยังมีดวงตาขนาดยักษ์ที่มีตุ่มหนองอยู่เต็มไปหมด และในตาดำยังมีลิ้นที่ยาวเหยียดอยู่อีก ทุกที่ที่มันผ่านไป ก็ทั้งดูโหดร้ายและน่าตกตะลึง

และยังมีฉลามตัวเล็กที่เน่าเปื่อยอีกเล็กน้อย บนตัวมีอาวุธที่ผุพังนับไม่ถ้วนเสียบอยู่ พุ่งชนกันไปมา

“ชิ้นส่วนเทวะ!” ในสมองสวี่ชิงก็ปรากฏเนื้อหาการแนะนำการฝึกบำเพ็ญพิเศษในผู้บำเพ็ญเผ่าเงือกจากแผ่นหยกของเจ้าอ้วนน้อยขึ้นมา

จำนวนของผู้บำเพ็ญประเภทนี้มีน้อยมาก เรียกตนเองว่าชิ้นส่วนเทวะ วิชาของพวกเขาไม่ใช่พลังวิญญาณ แต่เป็นการหยิบยืมพลังจากเทพเจ้าที่ตนเองศรัทธา ดังนั้นจึงเรียกตนเองเป็นวิชาเทพ

อสูรประหลาดเหล่านั้น คือรูปธรรมวิชาเทพของพวกเขา!

เวลานี้จากการปรากฏตัวของพวกเขาก็ส่งผลกระทบไม่น้อยกับสนามรบ ทำให้ศิษย์เจ็ดเนตรโลหิตเกิดความวุ่นวายขึ้นมาบ้าง แต่ศิษย์เจ็ดเนตรโลหิตเดิมทีก็เป็นพวกโหดเหี้ยมที่ผ่านการเลี้ยงกู่ออกมาอยู่แล้ว แม้จะเห็นว่าชิ้นส่วนเทวะของเผ่าเงือกปรากฏขึ้นมา แต่คนที่จับจ้องมายังชิ้นส่วนเทวะเหล่านี้ก็มีอยู่ไม่น้อย

ถึงอย่างไรระดับของชิ้นส่วนเทวะก็สูงลิบลิ่วในเผ่าเงือก ระดับความร่ำรวยก็มากเกินกว่าผู้บำเพ็ญธรรมดาทั่วไป

สวี่ชิงไม่ไปเข้าร่วม เวลานี้เขาเก็บสายตาที่มองไปยังชิ้นส่วนเทวะเหล่านั้นกลับมา พอกำลังจะจากไป ตอนนี้เอง สีหน้าสวี่ชิงก็แปลกประหลาดขึ้น

เขามองเห็นในสนามรบไม่ห่างออกไปนัก มีศพที่ดูแล้วเหมือน่าเวทนามากศพหนึ่ง กำลังคืบคลานอย่างรวดเร็ว

ศพนี้มีเลือดสดแผ่กระจาย ทั่วร่างมีบาดแผลที่น่าสยดสยองเต็มไปหมด สภาพน่าเวทนามาก

เขาเดี๋ยวก็คลานเดี๋ยวก็หยุด ตอนที่ผ่านศพที่ตายไปแล้วของเผ่าเงือกกับผู้บำเพ็ญเจ็ดเนตรโลหิต ศพนี้ก็พลิกค้นอย่างชำนิชำนาญ หยิบเอาของแล้วคลานต่อไป

ถ้าหากพบกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเข้ามา ศพนี้ก็จะแกล้งตายไม่ขยับเขยื้อน แต่ถ้าหากมีผู้บำเพ็ญพลังธรรมดาเข้ามา พริบตาที่เขาแล่นผ่าน ศพนี้ก็จะระเบิดพลังขึ้นมากะทันหัน หลังจากลอบสังหารแล้วก็จะรีบวิ่งอีกด้านอย่างรวดเร็ว แกล้งเนียนเป็นศพต่อ…

แม้อีกฝ่ายจะเนียนเป็นอย่างดี แต่สวี่ชิงก็ยังมองตัวตนของเขาออก

“สหายจางซาน…”

หลังจากที่สวี่ชิงมองเห็นจางซาน ด้านหลังของเขาก็มีคลื่นส่งเข้ามา สวี่ชิงพุ่งไปด้านหน้า หันตัวกลับฉับพลันและในจังหวะที่กำลังจะโยนเหล็กแหลมสีดำออกไป ก็มีเสียงเร่งร้อนดังขึ้น

“ข้าเองรองนายกองสวี่”

คนที่มาคือนายกอง

เพียงแต่ว่า…นายกองเวลานี้ แตกต่างจากที่สวี่ชิงเห็นก่อนหน้าพอสมควร

ร่างของเขาดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัด มีร่องรอยของพิษที่คุ้นเคย ริมฝีปากม่วง เดินเข้ามาก็พลางกลืนยาแก้พิษไปด้วย