ตอนที่ 117 คำเตือนของมิติการเรียนรู้!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

หลิงหลานกระโดดขึ้นไปบนห้องคนขับของหุ่นรบอย่างราบรื่น จากนั้นก็ปิดฝาประตูห้องคนขับอย่างรวดเร็ว แล้วติดเครื่องยนต์หุ่นรบ สามนาทีให้หลังก็มีตัวเลขนับถอยสามนาทีปรากฏขึ้นมาที่มุมขวาล่างของหน้าจอแสดงผลอีกครั้ง มันกระพริบแสงติดๆ ดับๆ กำลังเตือนหลิงหลานถึงการมีอยู่ของมัน

คราวนี้หลิงหลานจ้องมองไปปราดเดียวเท่านั้น นี่ไม่ใช่เพราะตัวเลขเป็นทิวแถวพวกนั้นทำให้เธอตื่นเต้นร้อนใจ เธอแค่มองดูภาพสุดท้ายที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจออย่างใจเย็นเท่านั้น

ภาพบนหน้าจอเกิดการเปลี่ยนแปลงตามที่คาดไว้จริงๆ หลิงหลานมาถึงหน้าทางเข้าเส้นทางทดสอบอีกครั้ง มิติการเรียนรู้ไม่ได้ให้เวลาหลิงหลานเตรียมตัวมากนัก ตัวเลขนับถอยหลังด้านล่างหน้าจอเริ่มหมุนขึ้นมา เวลานับถอยหลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว…

ครั้งนี้หลิงหลานไม่ได้เพิ่มความเร็วมือสุดชีวิตเพื่อพุ่งออกไปให้รวดเร็วที่สุดเพราะความร้อนใจ เธอเลือกที่จะลดความเร็วมือลง ความเร็วนี้ย่อมไม่เร็วแน่นอน ถึงขนาดที่ยังมีเวลาหยุดชะงักอยู่หลายครั้ง สองมือของเธอผสานกันควบคุมหุ่นรบกระต่ายให้กระโดดเบาๆ เข้าไปด้านในเส้นทางเล็กๆ ที่คับแคบ!

การก้าวเดินนี้สั้นมากๆ เธอกระโดดไปได้ไม่ถึงสองเมตรด้วยซ้ำ ถึงขนาดที่ยังไม่ถึงความยาวของลำตัวหุ่นรบกระต่ายเธอเลย อย่างไรก็ตามความระมัดระวังเช่นนี้กลับรับประกันว่าครั้งนี้เธอจะไม่ทำผิดพลาด เธอกระโดดไปที่ใจกลางเส้นทางด้วยความมั่นคง ยังคงไม่มีข้อผิดพลาดอะไร

หลิงหลานไม่ได้รีบร้อนกระโดดต่อไป หากแต่คำนวณระยะทางเส้นทางด้านหน้าดีแล้วถึงค่อยสะบัดนิ้วควบคุมหุ่นรบให้กระโดดต่อ

หลิงหลานที่ใจเย็นลงก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเวลานับถอยหลังสามนาทีอีก เธอค่อยพบว่าเส้นทางที่ดูเหมือนเป็นเส้นตรงสายนี้ ความจริงแล้วมีความโค้งอยู่เล็กน้อย เพียงแต่ไม่สามารถสังเกตเห็นเรื่องนี้ด้วยตาเปล่าในตอนที่แล่นอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้หลิงหลานเข้าใจแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงชนกำแพงอยู่ตลอด เธอไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงความโค้งของเส้นทาง ต่อให้ใช้ข้อมูลพิกัดที่หุ่นรบให้มาแล้วกระโดดไปยังพิกัดตำแหน่งที่ข้อมูลให้มาก็ไม่มีประโยชน์ เพราะในความเป็นจริง เธอกระโดดเอียงไปแล้ว สิ่งที่รอคอยเธออยู่ก็มีเพียงการชนเข้ากับกำแพงเท่านั้น

เวลาสามนาทีจะว่ายาวก็ไม่ยาว จะว่าสั้นก็ไม่สั้น หลิงหลานเพิ่งจะกระโดดเข้าไปในเส้นทางได้ประมาณสามสิบกว่าเมตร หลบหลักสิ่งกีดขวางไปได้ไม่กี่อัน เวลาก็หมดลง เพียงแต่หลิงหลานไม่รู้ตัวเลย เนื่องจากครั้งนี้มิติการเรียนรู้ไม่ได้ทำการลงโทษเธอเมื่อเวลาลดลงถึงศูนย์อย่างน่าประหลาดใจ ไม่มีการช็อตไฟฟ้าเกิดขึ้น และหลิงหลานก็ไม่ได้ขับไล่ไปที่จุดเริ่มต้น ทว่าหลังจากที่เวลานับถอยหลังถึงศูนย์ มันไม่ได้หยุดเดิน แต่นับถอยหลังต่อไปเรื่อยๆ กลายเป็นเลขติดลบ…

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ดังนั้นหลิงหลานที่เพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การบังคับหุ่นรบจึงไม่ได้สังเกตเห็นเรื่องนี้เลย…จนกระทั่งเธอกระโดดไปได้หลายครั้งเข้าลึกไปข้างในได้หลายสิบเมตรแล้ว เธอถึงค่อยตระหนักขึ้นมาได้ ก่อนจะมองไปที่เวลานับถอยหลัง เนื่องจากหลิงหลานรู้สึกว่าทำไมเวลาสามนาทีในครั้งนี้ถึงได้ยาวนานขนาดนั้น

หลิงหลานตั้งใจมองไปที่เวลานับถอยหลังแวบหนึ่ง ก่อนจะพบว่าเวลายังคงนับถอยหลังอยู่ แต่ว่าครั้งนี้ตัวเลขที่เด้งขึ้นมาไม่ได้น้อยลง หากแต่มากขึ้นเรื่อยๆ หลิงหลานตกใจ สองมือพลันหยุดโบกสะบัด หุ่นรบกระต่ายหยุดชะงักลงแล้วตกอยู่ในสภาพนอนคว่ำทันที

เวลานี้หลิงหลานค่อยมองเห็นได้ชัดเจนว่า เวลานับถอยหลังตอนนี้ปรากฏตัวเลขติดลบแล้ว พูดอีกอย่างก็คือเธอใช้เวลาเกินสามนาทีไปนานแล้ว หลิงหลานครุ่นคิดขึ้นมา เนื่องจากความร้อนใจก่อนหน้านี้ของเธอ ทำให้เพิ่มความเร็วพุ่งทะยานไปสุดชีวิตจนถึงขั้นมองข้ามสภาพแวดล้อมไป ดังนั้นถึงได้ชนกำแพงติดต่อกัน และผลสรุปคือถูกระบบลงโทษให้ช็อตไฟฟ้าหลังจากที่เวลานับถอยหลังสิ้นสุดลง ก่อนจะไล่เธอกลับไปที่จุดเริ่มต้น…ทำไมตอนนี้มิติการเรียนรู้กลับไม่มีปฏิกิริยาล่ะ ปล่อยให้ทำตามใจชอบ?

หลิงหลานนึกย้อนถึงพวกบทสนทนาที่คุยกับอาจารย์หมายเลขสามตอนที่ผลักประตูห้องหุ่นรบเข้าไป นึกถึงตอนที่ตัวเองถูกอาจารย์หมายเลขสามทำให้เข้าใจผิดง่ายๆ นึกว่าเวลานับถอยหลังสามนาทีสิ้นสุดลง ทำภารกิจไม่สำเร็จก็จะมีบทลงโทษ จนเธอหัวร้อนต้องขับหุ่นรบวิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต…เธอแม่งโง่ฉิบหายจริงๆ!

เธอลืมไปเลยว่าถ้ายังไม่ถึงกำหนดเวลาของภารกิจในมิติการเรียนรู้ ถึงจะฝึกฝนผิดพลาดไปก็จะไม่มีบทลงโทษอะไรทั้งนั้น! มีประสบการณ์เรียนรู้มาเจ็ดปีเชียวนะ แต่ว่าเมื่อสักครู่นี้เธอกลับลืมไปจนหมดในชั่วพริบตา มิน่าล่ะมิติการเรียนรู้ถึงได้โมโห ต้องบอกก่อนว่านับตั้งแต่เธอได้รับมรดกของหลิงเซียวภายใต้จมูกของกองทัพ หลิงหลานก็เริ่มทระนงตนเล็กน้อย ทำให้เธอสูญเสียความระมัดระวังตัวที่ควรมีไป

หลิงหลานพึมพำกับตัวเองทันทีว่า “น่าขายหน้าชะมัด! ฉันมองข้ามคำใบ้ที่ชัดเจนขนาดนี้ไปเนี่ยนะ รวมถึงกับดักที่คิดสักหน่อยก็สังเกตได้นั่นด้วย… นี่เป็นเพราะสภาพจิตใจเสียความสมดุลไปอย่างนั้นเหรอ? เป็นเพราะฉันคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ฉันก็เลยทระนงตนไปแล้ว…”

หรือว่าคิดจะใช้บทลงโทษพวกนั้นบอกฉันว่าฉันยังไม่มีคุณสมบัติทำตัวหยิ่งยโสเหรอ? ในใจหลิงหลานเกิดความเข้าใจแล้ว การช็อตไฟฟ้านี้ไม่ได้ลงโทษที่เธอล้มเหลว หากแต่ลงโทษในความประมาทบุ่มบ่ามของเธอ รวมถึงสภาพจิตใจที่เสียสมดุลไป นี่เป็นคำเตือนของมิติการเรียนรู้!

มุมปากของหลิงหลานยกขึ้นน้อยๆ แววตาเธอเปล่งประกาย ถึงแม้ว่าบางครั้งมิติการเรียนรู้จะเอาแน่เอานอนไม่ได้มากๆ แต่พอถึงเวลาสำคัญกลับหยุดยั้งไม่ให้เธอทำพลาด เธอคิดว่าการได้รับมิติการเรียนรู้มาคือโชคดีของเธอจริงๆ

สภาพจิตใจของหลิงหลานที่ครุ่นคิดอย่างทะลุปรุโปร่งยิ่งมีสมดุลมากขึ้น เธอไม่สนใจสิ่งที่เรียกว่าตัวเลขนับถอยหลังอีก หากแต่ตั้งใจควบคุมหุ่นรบสำรวจเส้นทางนี้ช้าๆ เส้นทางตอนแรกคับแคบเพียงพอที่จะบรรจุหุ่นรบตัวเดียว พอถึงช่วงหลัง ถึงแม้ว่ามันจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งกีดขวางก็มากขึ้นเช่นกัน ถึงขนาดที่มีสิ่งกีดขวางกองสุมกัน จำเป็นต้องอาศัยการกระโดดติดต่อกันถึงจะผ่านไปได้

หลิงหลานได้ข้ามผ่านอุปสรรคไปทีละอัน แต่ว่าปัญหาใหม่ก็ปรากฏขึ้นมาอีก ก้อนหินขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาตรงหน้าหลิงหลานหนึ่งก้อน พื้นที่สองฝั่งของหินยักษ์ไม่มีระดับความกว้างที่เพียงพอให้ตัวหุ่นรบกระต่ายขนาดมหึมาผ่านไปได้ ไม่เพียงเท่านั้น ส่วนล่างของหินยักษ์ยังมีหินก้อนเล็กๆ ที่มีระดับความสูงไม่เท่ากันวางอยู่หลายจุด นี่เป็นการขัดขวางผู้ท้าทายไม่ให้ลอดผ่านจากด้านล่างโดยสิ้นเชิง

หลิงหลานมองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าเส้นทางอยู่ตรงไหน ส่วนยอดของก้อนหินยักษ์บังเอิญมีช่องว่างหนึ่งที่มีพื้นที่เพียงพอให้หุ่นรบกระต่ายกระโดดผ่านเข้าไป สังเกตคำว่ากระโดดผ่านเข้าไป พูดอีกอย่างก็คือคราวนี้ต้องการให้หุ่นรบกระต่ายกระโดดสูงมากพอ รวมไปถึงมีทะยานผ่านหินยักษ์ด้วยความรวดเร็วสุดขีด ไม่อย่างนั้นก็จะกระแทกก้อนหินได้ง่ายๆ

หลิงหลานให้ออปติคอลคอมพิวเตอร์ของหุ่นรบกระต่ายวิเคราะห์เส้นทางการเดินทางที่ต้องกระโดดผ่านรวมไปถึงวิธีการควบคุมด้วย ในใจก็จำลองสถานการณ์ซ้ำไปซ้ำมา หลังจากที่คิดว่ามีข้อมูลละเอียดแล้วถึงค่อยเตรียมตัวเดินทาง

เธอควบคุมหุ่นรบให้ถอยหลังไปสิบกว่าเมตร ก้อนหินยักษ์สูงมากเกินไป เธอต้องยืมแรงวิ่ง ครั้งแรกหลิงหลานวิ่งออกไปจนถึงจุดกระโดดแล้วรู้สึกว่าตำแหน่งเกิดความคลาดเคลื่อนก็เลยหยุดชะงักกะทันหัน หุ่นรบหยุดลงในตอนที่ห่างจากก้อนหินยักษ์ไป 0.01 เมตร ทำให้หลิงหลานตกใจจนร่างกายหลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมา

ครั้งที่สอง ตำแหน่งที่กระโดดขึ้นมาถูกต้องแล้ว แต่เพราะว่าพละกำลังไม่เพียงพอจึงไม่สามารถไปถึงระดับความสูงที่ต้องการได้ โชคดีที่หลิงหลานตอบสนองได้รวดเร็วมาก ตอนที่เธอชนกับหินยักษ์ก็ควบคุมแขนขากระต่ายให้ถีบไปบนหินยักษ์ พลิกร่างควบคุมหุ่นรบให้ร่อนลงพื้นอย่างปลอดภัย หลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมการชนก้อนหินยักษ์ไปได้…

การพลาดพลั้งสองครั้งทำให้หลิงหลานเข้าใจมากขึ้นว่าผลน่าจะออกมาประมาณไหน ครั้งที่สามหลิงหลานเรียนรู้จุดสำคัญในการควบคุมหุ่นรบได้ทั้งหมด เธอสามารถทะยานข้ามผ่านจากช่องบนส่วนยอดของก้อนหินยักษ์ไปได้ ตอนนี้หลิงหลานไม่รู้เลยว่าการผ่านสิ่งกีดขวางต่างๆ นานาทำให้หลิงหลานควบคุมหุ่นรบกระต่ายได้คล่องมือมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่ประดักประเดิกในตอนแรก พอถึงตอนนี้ก็รับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันต่างๆ ได้อย่างสบายๆ พัฒนาการของหลิงหลานรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์

ส่วนหลิงหลานก็ยังคงปรับตัวต่อไป เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์รูปแบบต่างๆ ได้ เธอค่อยๆ ผสมผสานท่วงท่าต่อสู้ที่ตัวเองได้ร่ำเรียนในชีวิตจริงมาใช้กับการควบคุมหุ่นรบโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว และนี่คือเป้าหมายสูงสุดของภารกิจเส้นทางนี้

เกณฑ์การสอบผ่านสำหรับผู้ควบคุมหุ่นรบภายในมิติการเรียนรู้คือ ผู้ควบคุมหุ่นรบจำเป็นต้องทำการควบคุมหุ่นรบให้เหมือนกับควบคุมมือเท้าของตัวเองให้ได้ ให้หุ่นรบเป็นเหมือนกับร่างกายของตัวเอง และในโลกความเป็นจริง คนที่สามารถทำเรื่องนี้ได้มีอยู่ไม่มาก

ดังนั้น ถ้าหลิงหลานต้องการที่จะสอบผ่าน เธอยังต้องฝึกซ้อมการควบคุมหุ่นรบของเธอ! นี่ทำให้หลิงหลานนึกว่าการควบคุมหุ่นรบของตัวเองย่ำแย่มาก….

หลังจากที่หลิงหลานข้ามผ่านสิ่งกีดขวางได้อีกหลายชิ้น ในที่สุดก็มาถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทาง เธอเดินผ่านเส้นทางนี้ได้ทั้งหมดแล้ว เวลาทีใช้ไปคือ 32 นาที 13 วินาที แน่นอนว่าระยะเวลานี้ต่างกับเวลาสามนาทีที่ภารกิจต้องการมาก แต่ว่าหลิงหลานก็ไม่ได้กังวลใจมากนัก เนื่องจากเธอรู้ดีว่าเธอควบคุมขีดจำกัดความเร็วมือของเธอไว้เพื่อที่จะรักษาระดับปกติเท่านั้น และการวิ่งครั้งแรกก็เพื่อจะทำความเข้าใจเส้นทาง ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมด้านใน ดังนั้นเธอจึงเสียเวลาไปมากมายกับสิ่งกีดขวางแต่ละอัน ส่วนครั้งที่สองไม่เหมือนกัน

ความเป็นจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเหมือนกับที่หลิงหลานคาดการณ์ไว้จริงๆ ในรอบที่สอง หลิงหลานลดเวลาลงเหลือเพียงยี่สิบสามนาที ครั้งที่สามก็เกือบจะอยู่ที่ยี่สิบนาที แต่ว่าเวลานี้กลับถึงขีดจำกัดแล้ว หลังจากนั้นรอบที่สี่ รอบที่ห้า รอบที่ห้า ก็ยังคงรักษาผลลัพธ์นี้ไว้ตลอด ไม่สามารถทะลวงผ่านกำแพงยี่สิบนาทีไปได้

หลิงหลานไม่ได้ปลดปล่อยความเร็วมือของเธอออกมาเพื่อที่จะให้แน่ใจว่าเธอจะไม่พลาดชนกำแพงอีก เธอยังคงใช้ความเร็วมือในตอนแรกควบคุมหุ่นรบไว้ ทว่าหลังจากที่ปรับเปลี่ยนวิธีการกระโดดหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถทะลวงผ่านกำแพงยี่สิบนาที หลิงหลานก็ตัดสินใจเพิ่มความเร็วมือขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เพิ่มความเร็วมือขึ้นมา หลิงหลานก็ทำพลาดแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะควบคุมอย่างระมัดระวังสุดขีด เพียงแต่ในจุดที่เลี้ยวโค้งอย่างรวดเร็วนั้น เธอไม่ได้ควบคุมหุ่นรบไว้ให้ดีๆ ทำให้เธอไถลออกไปก่อนจะชนไปที่กำแพง อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาตอบสนองของหลิงหลานรวดเร็วมาก เธอไม่ได้กระแทกเข้าไปที่กำแพงอย่างควบคุมไม่ได้เหมือนกับในตอนแรก ทว่าแขนขาทั้งสี่ของเธอเตะไปที่กำแพงอย่างหนักหน่วงเพื่อยืมแรงเด้งกลับมายังเส้นทางที่ถูกต้อง แน่นอนว่า นี่ย่อมเกี่ยวข้องกับการที่ความเร็วของเธอยังไม่ถึงจุดสูงสุดด้วยเช่นกัน มันจึงอยู่ในขอบเขตการตอบโต้ของหลิงหลาน

เธอผ่านเส้นทางได้หมดอย่างติดๆ ขัดๆ เช่นนี้เอง จากนั้นก็พบว่าเวลาไม่ได้เร็วขึ้นเลย มันถึงกับช้าลงกว่าก่อนหน้านี้นิดหน่อยด้วยซ้ำไป ใช้เวลาประมาณยี่สิบเอ็ดนาที อย่างไรก็ตาม หลิงหลานยังไม่ท้อใจ เธอจำเป็นต้องปรับตัวให้ความเร็วใหม่สักพัก ในระหว่างที่ปรับตัว การที่เวลาจะยืดยาวไปก็อยู่ในการคาดการณ์ของเธอแล้ว

เมื่อเธอปรับตัวเข้ากับความเร็วใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ หลิงหลานมั่นใจว่าเธอสามารถเข้าสู่ช่วงเวลาภายในยี่สิบนาทีได้แน่นอน…

ด้วยเหตุนี้เองหลิงหลานจึงรักษาความเร็วนี้ไว้ และฝึกฝนอยู่ในเส้นทางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปรับตัวแล้วก็ปรับตัวอีก…

คืนนั้นผ่านไปโดยปราศจากบนทสนทนา หลิงหลานถึงกับไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอถูกมิติการเรียนรู้เตะกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รุ่งเช้าวันที่สอง นอกจากวิชาเรียนไม่กี่ตัวที่เธอจำเป็นต้องเข้าเรียนแล้ว เธอก็ใช้ช่วงเวลาที่เหลือทำการฝึกฝนผ่านด่านในมิติการเรียนรู้ตลอด

แน่นอนว่าเพื่อให้แม่ของเธอวางใจ หลิงหลานจึงนอนอยู่ในแคปซูลล็อกอินของโลกเสมือนจริงแสร้งทำเป็นเข้าไปในโลกเสมือนจริง หลิงหลานย่อมไม่ลืมกำชับเสี่ยวซื่อให้เลียนแบบรูปลักษณ์ของเธอไปเก็บรวบรวมข้อมูลในหอเรียนรู้ต่างๆ เธอยังไม่ลืมภัยคุกคามที่มาจากทางกองทัพ จะให้ฝ่ายตรงข้ามสังเกตเห็นพิรุธไม่ได้สักนิดเดียว

……………………………

Related