บทที่ 85 ศึกสองสะใภ้
บทที่ 85 ศึกสองสะใภ้
ซุนซื่อย่อมต้องอยากให้แผนการของตัวเองบรรลุเป้าหมายอยู่แล้วเช่นกัน จึงทำให้คนอื่นรู้ว่านางมีบุตรีโฉมงามอยู่คนหนึ่ง รอให้กู้ซินเถาโตอีกนิด ก็ค่อยหาลูกเขยมังกรมาแต่งงานกับลูกสาวตน แล้วนางก็จะได้เสวยสุขไปทั้งชาติ ครั้นมองใบหน้าของกู้ซินเถาที่ยังไม่โตเป็นสาวสะพรั่งก็ได้แต่เฝ้ารอให้วันฤดูใบไม้ผลิจะมาถึง
ซุนซื่อที่ดีดลูกคิดในมือกลับไม่รู้ว่าทันทีที่ตัวเองคิดแผนการให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ชะตาชีวิตของกู้ซินเถาก็ค่อย ๆ หันเหไปในทางที่ไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงอย่างช้า ๆ
กู้ซินเถาเห็นซุนซื่อตำหนิตัวเองก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ริมฝีปากบิดขึ้นก่อนที่นางจะพูดอย่างไม่พอใจว่า “ท่านแม่ มันก็แค่นังกู้เสี่ยวหวานไม่ใช่หรือเจ้าคะ ครอบครัวมันยากจนกระทั่งมีสภาพเป็นอย่างนั้นแล้ว ครั้งนี้มันกลับไม่ตาย พวกเราอย่าไปสนใจมันเลย ท่านแม่รับปากข้าแล้วว่าปีใหม่นี้ท่านจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ข้า เหตุใดมันยังมาไม่ถึงอีกล่ะเจ้าคะ?”
เฮ้อ…ซุนซื่อมองบุตรสาวที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร วัน ๆ เอาแต่แต่งองค์ทรงเครื่องก็ถอนหายใจอย่างอดไม่อยู่ “เจ้านี่นะ..ต่อไปเจ้า…”
พูดไม่ทันพูดทั้งสองก็เดินมาถึงหน้าประตูของบ้านตระกูลกู้ ยังไม่ทันจะเข้าประตู ก็ได้ยินเสียงด่าทอดังลอดออกมาภายในห้องของเฉาซื่อ
“เหอะ วันปีใหม่ยังเอาของมาแค่นี้เองหรือ เห็นข้าเป็นขอทานหรืออย่างไร!” คนที่ด่าอยู่นั้นก็คือเฉาซื่อ
ขณะที่นางกำลังจัดของปีใหม่ที่ซุนซื่อซื้อกลับมาจากอำเภอยังไม่ทันเสร็จ พอมองของขวัญอย่างละเอียดจนรู้ว่ามันเป็นของอะไรแล้ว จะไม่ให้นางเรียกว่าให้ทานขอทาน[1]*ได้อย่างไรไหว
“เจ้าเงียบ ๆ หน่อย อย่าให้พี่ชายใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ได้ยิน” คนที่พูดก็คือกู้ฉวนโซ่ว เขาคอยห้ามปรามเฉาซื่อเอาไว้ให้นางเงียบเสียงลง
สองสามวันนี้เฉาซื่ออารมณ์ไม่ดีอย่างมาก ไม่รู้เช่นกันว่าเป็นเพราะเหตุใดสะใภ้รองจึงมีอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายมากในวันนี้ เพียงเจอเรื่องอะไรที่ไม่พอใจก็จะโวยวายทันที
ไม่ง่ายที่จะจับจุดอ่อนของซุนซื่อได้ ยิ่งเฉาซื่อที่ไม่ค่อยชอบซุนซื่อเท่าไรด้วยแล้ว ครั้นเห็นเป็นโอกาสอันดีที่จะต่อว่าซุนซื่อได้ เฉาซื่อย่อมไม่มีทางปล่อยไป
“ก็ข้าจะพูดเสียงดัง เสียงดังแล้วมันทำไม? ถ้าข้าให้พวกเขาได้ยินแล้วมันจะทำไม?” เฉาซื่อระเบิดอารมณ์แล้วเรียบร้อย ตามมาด้วยเสียงโครมคล้ายเสียงเตะเก้าอี้กระแทกพื้น และพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ในหมู่บ้านมีใครไม่รู้บ้างว่าพี่ชายใหญ่ของท่านร่ำรวยขนาดไหน พี่ชายใหญ่ของท่านทำงานที่ไหน เขาทำงานเป็นเสมียนโรงเตี๊ยม วันหนึ่งมีเงินไหลเข้ากระเป๋าเขาทีละนิดละหน่อย ในหนึ่งปีเจ้าคิดว่าเขาจะเก็บเงินได้เท่าไรแล้วกัน! แต่ดูสิ่งที่พี่ชายกับพี่สะใภ้ท่านให้สิ ให้ขอทานข้ายังขายหน้าเลย”
ซุนซื่อที่ได้ยินจากข้างนอกก็รู้สึกโทสะพลุ่งพล่านขึ้นมาในใจหลังโดนด่าแบบแทบกินกบาล นางเป็นตะเกียงประหยัดน้ำมันคนหนึ่ง[2]* โดยไม่บอกกล่าวก็เดินปึงปังไปทุบประตูพร้อมกับตระโกนเสียงดัง “เฉาซื่อ นังคนหน้าหนา ออกมาเดี๋ยวนี้”
เฉาซื่อที่ยืนด่านางอยู่ในห้อง พอได้ยินซุนซื่อตะโกนอยู่ข้างนอกนางก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้เช่นกันและเปิดประตูผางออกมา สตรีสองคน คนหนึ่งอยู่ข้างในคนหนึ่งอยู่ข้างนอก ต่างยืนเท้าสะเอว ตั้งท่าพร้อมสู้
“เฉาซื่อ เจ้านี่หน้าไม่อายจริง ๆ ข้าซื้อของปีใหม่ให้เจ้า นอกจากจะไม่ขอบคุณแล้ว ยังไม่พอใจข้า ในเมื่อหน้าเจ้าหนาขนาดนี้ก็ไปขโมยไปแย่งมาเองเถอะ!”
“นังแก่อย่างเจ้ากล้าว่าข้าหน้าหนาอย่างนั้นหรือ?”
เฉาซื่ออยู่ในบ้านตระกูลกู้วางอำนาจจนเคยตัวแล้ว เพราะหลายปีเฉาซื่อมักจะไปฉลองกับกู้ฉวนโซ่วที่โรงเตี๊ยม น้อยครั้งที่จะอยู่ฉลองกันในชนบท
ไม่ง่ายเลยกว่าที่เฉาซื่อจะเป็นภรรยาที่ว่าง่ายของกู้ฉวนโซ่ว ตอนแรกกู้ฉวนโซ่วมองเฉาซื่อเหมือนสตรีที่งดงามราวบุปผา หลังจากแต่งเข้ามาก็ยิ่งเฝ้ามองอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น เฉาซื่อบอกไปตะวันออก กู้ฉวนโซ่วไม่กล้าไปทางตะวักตก เฉาซื่อบอกวันนี้อยากกินรสอ่อน กู้ฉวนโซ่วก็ไม่กล้ากินรสเข้ม
เรียกได้ว่ากู้ฉวนโซ่วนั้นตามใจเฉาซื่อมาก ดังนั้นจึงยิ่งทำให้เฉาซื่อยิ่งเดินลงไปในอาจม[3]* โดยไม่มีความลังเลมากเท่านั้น ยิ่งหลังจากที่ท่านปู่กู้และท่านย่ากู้เสียชีวิตไปแล้ว เฉาซื่อที่อยู่ในตระกูลกู้ก็ยิ่งถลำลึก แน่นอนว่าตอนที่ซุนซื่อไม่อยู่ที่บ้านหลักตระกูลกู้ก็ประพฤติเช่นนี้ด้วยเช่นกัน
เดิมเฉาซื่อเก็บความขุ่นเคืองต่อซุนซื่อมานานแล้ว วันนี้ซุนซื่อกล่าวหาตนว่าขี้เหนียว นางจึงเป็นเหมือนไฟที่เจอน้ำมัน ยากจะดับโทสะลงได้ ภายในใจแทบจะกัดซุนซื่อจมเขี้ยวอยู่แล้วด้วยซ้ำ ในตอนนี้ความคิดที่อยู่ภายในสมองของนางก็เหมือนกำลังถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด
กู้ฉวนโซ่วยืนมองอยู่ด้านนอก เดี๋ยวก็มองเฉาซื่อด่า เดี๋ยวก็มองซุนซื่อด่าอยู่อย่างนั้น ขณะที่คิดจะพูดห้ามทัพออกไปเพราะเห็นภรรยาของตัวเองที่โกรธจนควันออกหูและกำลังจะระเบิดในอีกไม่ช้า เขาที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบยืดตัวขึ้น กะว่าจะไปจับตัวซุนซื่อ เพียงแต่น่าเสียดายที่เขามัวแต่ขลาดกลัวนานเกินไป เลยทำให้เฉาซื่อเห็นว่าเขากำลังจะเข้ามาขวางนางกับซุนซื่อ จึงรีบปรี่เข้าไปขวางกู้ฉวนโซ่วและประชิดตัวซุนซื่อทันที
เพียงพริบตาเฉาซื่อก็มาอยู่ตรงหน้าซุนซื่อ นางยื่นมือสองข้างออกไปกุมหน้าของซุนซื่อเอาไว้มั่น ทว่าซุนซื่อที่เห็นว่านางตรงเข้ามาจะทำร้ายตัวเองก็รีบหลบไปด้านข้างจนทำให้เฉาซื่อที่ปรี่เข้ามาด้วยความเร็วเกือบเสียหลักล้ม
เฉาซื่อเห็นซุนซื่อกล้าหลบตนและเกือบจะถีบนางล้มก็โมโหจนแทบระเบิดโทสะ ตะโกนแล้วพุ่งเข้าหาซุนซื่ออีกครั้ง กู้ซินเถาที่ยืนอยู่ข้างซุนซื่อเห็นสภาพดุร้ายของเฉาซื่อก็กลัวว่าตัวเองจะโดนลูกหลง ทำให้ตนหลบรอดูเรื่องสนุกอยู่ไกล ๆ นานแล้ว
กู้ฉวนโซ่วรีบวิ่งตามเฉาซื่อออกมา เห็นซุนซื่อหลบการจู่โจมเฉาซื่อได้ ในใจก็แอบโล่งใจเงียบ ๆ แต่เขาก็ไปเห็นท่าทางที่เฉาซื่อตรงเข้าไปหาซุนซื่อราวคนคลั่ง จึงไม่คิดลังเลรีบพุ่งเข้าไปหาแล้วรวบเอวห้ามไว้ทันที เขาใช้แรงทั้งหมดกระชากนางถอยออกมา “นังเมียบ้า เจ้าอยากจะคุ้มคลั่งมากใช่ไหม?”
กู้ฉวนโซ่วก็อยากจะให้การฉลองปีใหม่ผ่านไปด้วยดีเช่นกัน แต่สะใภ้สองคนกลับทะเลาะพูดด่ากันจนคนในหมู่บ้านได้ยินกันหมดแล้ว อีกทั้งพี่ชายใหญ่กู้ฉวนลู่ก็เป็นคนรักหน้าตาชื่อเสียงอย่างมากคนหนึ่ง ถ้าเกิดเขารู้ล่ะก็เขาต้องโดนอีกฝ่ายสั่งสอนแน่
ในอนาคตกู้ฉวนโซ่วยังต้องพึ่งพี่ชายใหญ่ของเขาอยู่ เขาจะผิดใจกับพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้
เพียงแต่น่าเสียดาย เฉาซื่อกลับไม่รู้ความลำบากใจของกู้ฉวนโซ่ว เดิมไม่กี่วันมานี้เจ้าเด็กบ้านตระกูลกู้ทำกับนางไว้เจ็บแสบนัก วันนี้สะใภ้ใหญ่กลับมาฉลองปีใหม่ แต่เอาของเล็ก ๆ นั้นมาให้ ทำให้นางรู้สึกว่าคุณค่าของเฉาซื่อนั้นนับวันยิ่งต่ำลง และรู้สึกเหมือนตัวเองถูกเหยียดหยาม
[1]*ในภาษาถิ่นหมายถึง ผู้ให้นั้นขี้เหนียวและไม่ให้เกียรติผู้รับ
[2]*ตะเกียงประหยัดน้ำมัน เปรียบเทียบว่า เป็นคนเรื่องมากชอบสร้างเรื่องยุ่งยากให้คนอื่น
[3]*หมายถึง หลงผิดเพราะถูกตามใจ
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ปวดหัวแทนบ้านนี้จริง ๆ เลือกเมียผิดชีวิตหายนะแท้ ๆ
ไหหม่า(海馬)