ตอนที่ 44

My Disciples Are All Villains

ยี่เทียนซินได้พยายามใช้มือของตัวเองดันไปที่พื้นเพื่อที่จะลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าของเธอในตอนนี้ทั้งดูอ่อนแรงแต่ก็ยังเต็มไปด้วยความสงสัย

เคล็ดลับอะไรกัน?

แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไรอีกต่อไปแล้ว

เธอในตอนนี้กำลังมองไปที่หมิงซี่หยิน นอกจากคราบเลือดแล้วศิษย์พี่ของเขายังเต็มไปด้วยคราบฝุ่น ที่ลำตัวของเขามีบาดแผลแนวยาวอยู่ที่หน้าอก บาดแผลนี้เองทำให้ผู้ที่พบเห็นจะต้องรู้สึกสั่นกลัว ภายใต้แสงแดดจ้ายี่เทียนซินเห็นได้ชัดว่าแผลของศิษย์พี่ของเธอคนนี้ยังเป็นบาดแผลที่สดใหม่

ร่างของหมิงซี่หยินที่มีบาดแผลได้ถูกฝูงแมลงวันรุมตอม แมลงพวกนี้มาได้เพราะกลิ่นเลือดจากแผลสดๆ นั่นเอง

ชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอเป็นศิษย์พี่ของหมิงซี่หยินที่ทำให้คนทั้งโลกหวาดกลัวอย่างงั้นจริงๆ หรอ? หมิงซี่หยินเป็นคนที่ฝึกฝนตัวเองจนมีวรยุทธ์ขั้นศักดิ์สิทธิ์ไปได้ เขาคนนี้กำลังฝึกฝนอยู่ในระดับการควบคุมแห่งเต๋าไม่ใช่หรอ? ทำไมแม้แต่แมลงวันที่แสนต่ำต้อยยังสามารถเข้ามาใกล้ตัวของเขาได้กัน

“ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเจอศิษย์พี่อยู่ในสภาพแบบนี้ได้” ยี่เทียนซินได้พูดออกมาอย่างเหนื่อยล้า แสงแดดร้อนรวมไปกับอากาศที่เต็มไปด้วยความแห้งแร้งทำให้ตัวเธอรู้สึกอึดอัดมาก

หมิงซี่หยินยกมือขึ้นก่อนที่จะโบกให้ ยี่เทียนซินที่เห็นไม่รู้เลยว่าศิษย์พี่ของเธอพยายามที่จะปฏิเสธหรือพยายามที่จะไล่เหล่าแมลงวันกันแน่

“ข้าก็แค่เหนื่อยนิดหน่อย…”

“ตาแก่คนนั้นได้พยายามลากพวกศิษย์พี่ทุกคนมาตายที่นี่ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าศิษย์พี่จะเต็มใจตายเพื่อคนเห็นแก่ตัวแบบนั้น…ศิษย์พี่บ้าไปแล้วอย่างงั้นหรอ? ” ยี่เทียนซินได้พูดออกมาก่อนที่จะหัวเราะเยาะให้

หมิงซี่หยินในตอนนี้ดูเหนื่อยล้าจนแทบที่จะลืมตาไม่ไหว “เธอน่ะไม่เข้าใจอะไร…ข้าน่ะไม่เหมือนกับเจ้าหรอกนะศิษย์น้อง…ข้าน่ะเคารพท่านอาจารย์มาก…”

เมื่อพูดจบในตอนนั้นหมิงซี่หยินก็ได้หลับตาลง ในตอนนั้นเองก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ต้นกล้าต้นเล็กๆ ได้งอกมาจากพื้นดิน ต้นกล้าทั้งหมดได้ล้อมตัวเขาเอาไว้ ต้นไม้พวกนั้นเติบโตอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถตามความเร็วได้ด้วนตาเปล่าได้ ตอนนั้นเองกิ่งก้านทั้งหมดก็เริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเศษดินและเศษหินเองถูกสร้างขึ้นเป็นเกราะป้องกันตัวของหมิงซี่หยินเอาไว้ ในตอนนั้นแม้แต่แสงแดดรวมไปถึงแมลงวันก็ไม่อาจที่จะรบกวนตัวเขาได้อีกต่อไป

ยี่เทียนซินได้แต่ขมวดคิ้ว เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็นเลย

“นี่มัน…”

ยี่เทียนซินที่เห็นแบบนั้นก็ได้ถอยหลังออกไปโดยสัญชาตญาณ ที่ลานด้านหน้าของศาลาปีศาจลอยฟ้าเดิมทีนั้นมันกว้างเพียงพอที่จะจุคนนับพันอย่างพร้อมเพรียงกันได้ ในช่วงเวลาสั้นๆ เองยี่เทียนซินก็คิดออก เธอได้แต่พูดออกมากับตัวเอง “หรือว่าศิษย์พี่จะฝึกฝนเคล็ดวิชาเวหาพงพนาเสร็จสมบูรณ์ได้แล้ว…”

นี่คือแก่นแท้ของเคล็ดวิชาเวหาพงพนานั่นเอง เมื่อผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเจียนตาย เคล็ดวิชาเวหาพงพนาจะสามารถทำให้ตัวของผู้ใช้นั้นได้ชีวิตใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากนี้ตัวเขาจะสามารถก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดของตัวเองไป หมิงซี่หยินจะกลายเป็นยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์เทียบเท่ากับยี่เทียนซิน เขาจะมีวรยุทธ์ระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง!

“ตาแก่นั้นใจกว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ” ยี่เทียนซินจ้องไปที่พื้นที่กำลังถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ด้วยความตะลึง

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย

“ท่านอาจารย์! “

ในตอนนั้นเองเด็กสาวชุดสีน้ำเงินก็ได้ลอยตัวลงมาจากท้องฟ้า เธอคนนั้นก็คือหยวนเอ๋อนั่นเอง เธอกำลังจ้องมองไปรอบๆ แต่มีเพียงยี่เทียนซินเท่านั้นที่ยืนอยู่

“ฮึ่ม! ท่านอาจารย์ของข้าอยู่ที่ไหนกันเจ้าคนทรยศ? ” หยวนเอ๋อได้เท้าเอวก่อนที่จะถามยี่เทียนซินด้วยความโกรธเคือง

หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นยี่เทียนซินก็ได้เงยหน้ามองใบหน้าอันน่ารักของหยวนเอ๋อ เธอที่เห็นแบบนั้นจึงได้พูดออกมา “ศิษย์น้องเล็ก มานี่สิ…”

“ข้าไม่ทำตามเจ้าหรอก” หยวนเอ๋อตอบกลับในทันที

“เจ้าช่วยบอกกับข้าที วีรกรรมที่ตาแก่นั่นได้ทำไปตลอดหลายปีมานี้”

หยวนเอ๋อในตอนนั้นกอดอกและทำเป็นไม่สนใจเธอ ยี่เทียนซินที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอรู้ดีว่ามันยากแค่ไหนที่จะสืบข่าวคราวจากศิษย์น้องเล็กของเธอแบบนี้

“ศิษย์น้องเล็ก…” ด้วนมู่เฉิงได้เอ่ยปากเรียนกหยวนเอ๋อมาจากทางด้านหลัง

“ศิษย์พี่สาม? “

ด้วนมู่เฉิงในตอนนี้ก็อาการไม่สู้ดีเช่นกัน ตัวเขาถูกล่ามไปด้วยโซ่ทั้งตัวและยังมีบาดแผลเต็มไปหมด แม้ว่าใบหน้าของเขาจะบวมช้ำและมีเลือดออก อย่างไรก็ตามตัวเขาก็ยังสามารถเดินต่อไปและยังต่อสู้ได้

ยี่เทียนซินที่เห็นแบบนั้นก็ได้หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง แต่เธอก็หยุดหัวเราะลงทันทีเมื่อเห็นสายตาของด้วนมู่เฉิงที่กำลังจับจ้องมาที่เธอ

“ยี่เทียนซิน เจ้าน่ะได้ทอดทิ้งท่านอาจารย์ เจ้าน่ะได้ทรยศท่านอาจารย์ไปแล้ว การทรยศของเจ้าแม้แต่สวรรค์และนรกจะต้องไม่มีวันให้อภัยแน่ ทำไมเจ้ายังกล้าที่จะหัวเราะแบบนั้นได้อีก! “

ด้วนมู่เฉิงไม่เหมือนกับหยวนเอ๋อและหมิงซี่หยินนั่นเอง ถึงแม้ว่าภายนอกศิษย์คนที่สามคนนี้จะดูใจเย็น แต่ถึงแบบนั้นในยามที่ตัวเขาโกรธขึ้นมา ในตอนนั้นก็คงจะไม่มีอะไรที่หยุดได้ เขารู้ดีว่ายี่เทียนซินเป็นเจ้าของแผนการบุกโจมตีภูเขาทองในครั้งนี้ ดังนั้นด้วนมู่เฉิงจึงรู้สึกโกรธเธอ

“ศิษย์พี่ พวกเราต่างก็มาถึงจุดนี้ด้วยกันทั้งนั้น ศิษย์พี่ไม่ต้องเสแสร้งอีกต่อไปหรอก ศิษย์พี่ลืมไปแล้วหรอว่าตาแก่นั้นเคยทำอะไรกับพวกเราเอาไว้? “

ด้วนมู่เฉิงไม่ได้ตอบอะไรกลับไปพักหนึ่ง ตัวเขาที่เข้ามาเป็นศิษย์จีเทียนเด๋าเป็นคนแรกๆ รู้ดี เขารู้ดีว่าอาจารย์คนนี้ของเขาดูแลเลี้ยงดูเหล่าลูกศิษย์ยังไง และถ้าหากไม่ได้การดูแลที่เข้มงวดของเขา ถ้าหากไม่ได้การเลี้ยงดูสั่งสอนแบบนั้น เหล่าศิษย์สาวกทั้งหลายก็คงจะไม่ทรยศตัวเขาแบบนี้

ยี่เทียนซินที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดต่อไป “ดูสิสารรูปของพวกศิษย์พี่น่ะมันเป็นยังไง! ตาแก่นั่นน่ะใกล้ตายเต็มทีแล้ว เมื่อถึงเวลาข้านั้นข้าหวังว่าเจ้าพวกสำนักฝ่ายธรรมดาจะร่วมมือกันปราบเขาเหมือนกับในวันนี้”

“หุบปากไปซะ! ” ด้วนมู่เฉิงตะคอกออกมาอย่างสุดเสียง “หยวนเอ๋อ เนื่องจากท่านอาจารย์ไม่อยู่ที่นี่ ข้าอยากให้เจ้าช่วยตบหน้าเจ้าคนทรยศนั่นสั่งสอนมันแทนท่านอาจารย์ที”

“ฮะ? “

“ลงมือซะ! “

“ค่ะ! “

หยวนเอ๋อได้เดินไปหาศิษย์พี่ของเธอ เธอสบตากับยี่เทียนซินก่อนที่จะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา มือข้างนั้นได้ผ่านหน้ายี่เทียนซินไป เสียงตบหน้าได้ดังขึ้น เสียงนั้นมันดังอย่างชัดเจน ด้วยการตบหน้าของหยวนเอ๋อนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้แก้มของยี่เทียนซินเจ็บจนด้านชาไป

ด้วนมู่เฉิงที่ได้เห็นแบบนั้นก็ได้พูดออกมาอีก “การตบครั้งนี้น่ะข้าหวังว่าเจ้าจะจำได้นะว่าที่นี่คือศาลาปีศาจลอยฟ้า สถานที่ที่เจ้าได้ศึกษาร่ำเรียนวรยุทธ์ทั้งหลายมาจากท่านอาจารย์! ถ้าหากเจ้ากล้าพูดอะไรล่วงเกินอีกแม้แต่คำเดียว เจ้าก็อย่าหาว่าข้าโหดร้ายไปก็แล้วกัน! “

เสียงของด้วนมู่เฉิงดังมาก มันดังพอจนทำให้ยี่เทียนซินกระอักเลือดออกมา แม้ว่าด้วนมู่เฉิงจะได้รับบาดเจ็บ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็สามารถส่งเสียงดังออกมาได้อย่างสบายๆ

และเนื่องจากยี่เทียนซินในตอนนี้สูญเสียวรยุทธ์ที่มีไปแล้ว เธอจึงไม่สามารถต้านทานพลังเสียงที่ทรงพลังได้เลย เธอในตอนนี้ได้แต่ไอออกมาเป็นเลือด

“ศิษย์พี่ให้ข้าช่วยปลดโซ่ที่พันธนาการท่านเถอะ” หยวนเอ๋อพูดขึ้น

“ไม่จำเป็นหรอก โซ่เส้นนี้ที่พันธนาการข้าอยู่ถูกทำมาจากเหล็กแห่งความเหน็บหนาวที่มีอายุมากกว่าพันปี ข้าคิดว่าคงจะมีแต่ดาบนิลโลหิตของศิษย์พี่ใหญ่และดาบยาวไม่มีที่สิ้นสุดของศิษย์พี่รองเท่านั้นที่จะตัดโซ่เส้นนี้ได้” ด้วนมู่เฉิงได้ส่ายหัวก่อนที่จะถอนหายใจออกมา

หลังจากนั้นโจวจี้เฟิงก็ได้เดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยท่าทีที่กังวล เขาเก็บดาบที่พกมาสะพายหลังเอาไว้ นี่เป็นครั้งที่สองที่ตัวเขามาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าแบบนี้ หัวใจของเขากำลังเต็มไปด้วยความกังวล แม้ว่าศิษย์จอมวายร้ายทั้งสามคนจะได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็รู้สึกกลัวอยู่ดี หยวนเอ๋อในตอนนี้เองก็ดูอารมณ์เสียมาก

“หยุด! “หยวนเอ๋อได้ตะโกนใส่เขา

“สะ…สะ…สวัสดีครับศิษย์พี่? ” โจวจี้เฟิงในตอนนั้นได้พยายามพูดทักทายออกมาอย่างตะกุกตะกัก

“เจ้าน่ะเป็นศิษย์ของสำนักดาบสวรรค์ สำนักอันเลื่องชื่อของพวกฝ่ายธรรมดา ทำไมเจ้าถึงอยากจะมาอยู่ที่ภูเขาทองกันล่ะ? เจ้าไม่กลัวคนทั้งโลกหัวเราะเยาะให้กับการกระทำของเจ้าอย่างงั้นสินะ? ” ด้วนมู่เฉิงที่เห็นแบบนั้นก็ได้ถามออกมา

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นไม่ได้ลังเลที่จะตอบเลย “ถ้าหากข้ากลัวที่จะถูกหัวเราะเยาะเย้ยจริง ตัวข้าก็คงจะไม่มายืนอยู่ที่นี่ ที่นี่ตอนนี้ ข้าอยู่ที่นี่แล้ว นั่นก็หมายความว่าตัวข้าได้เลือกแล้ว! ตอนนี้ท่านผู้อาวุโสอยู่ที่ไหนกัน? ข้าอยากที่จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้กับเขาผู้นั้น! ” โจวจี้เฟิงที่พูดเสร็จก็ได้ย่อตัวคุกเข่าลง

หลังจากที่ได้ฟังโจวจี้เฟิงพูด ยี่เทียนซินก็ได้จ้องมองไปที่เขา “เจ้าน่ะมันบ้าไปแล้ว! มีแต่คนที่อยากอยู่ให้ไกลจากที่นี่ อยู่ให้ไกลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำไมเจ้ายังเลือกที่จะมาที่ภูเขาแห่งนี้กัน! เจ้าน่ะรีบร้อนที่จะฆ่าตัวตายอย่างงั้นสินะ? “

โจวจี้เฟิงที่ได้ฟังแบบนั้นไม่แม้แต่จะหันไปมองยี่เทียนซิน “ท่านผู้อาวุโสให้โอกาสแก่ข้า ท่านน่ะกรุณากับตัวข้า…”

“กรุณาหรอ? เจ้านี่มันน่าขันซะจริง! “

ลู่โจวได้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ในตอนนั้นเองตัวเขาก็ได้เดินผ่านไปทั่วทุกมุมห้องของภายในห้องลับแล้ว ของทั้งหมดที่มีที่นี่ล้วนแต่เป็นของเก่าแก่ แต่ถึงแบบนั้นก็ยังคงมีของที่พอจะใช้ประโยชน์อยู่ได้บ้าง บางทีตัวเขาอาจจะได้ใช้งานของพวกนี้ในภายภาคหน้า

ในตอนนั้นแต้มบุญของลู่โจวก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาสักพักแล้ว ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็เดินกลับไปยังแสงสว่างอีกครั้ง แล้วฉันจะใช้แต้มบุญพวกนี้ทำอะไรดีล่ะ?

“7,540 แต้มอย่างงั้นหรอ” ลู่โจวได้มองไปที่แต้มบุญบนระบบที่ตัวเขามีก่อนจะเปิดร้านค้าขึ้น

“พลังร่างอวตารสี่พลังแห่งจัตุรัสจะต้องใช้แต้มบุญ 1,500 แต้ม…” ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็ได้ส่ายหัว พลังร่างอวตารแม้ว่าจะสามารถเพิ่มพลังวรยุทธ์ที่มีได้แต่ตอนนี้วรยุทธ์ของเขาที่อยู่ในขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ขั้นสูงสุดแล้ว ซึ่งพลังจากร่างอวตารเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ลู่โจวเพิ่มขั้นของวรยุทธ์ที่มีได้ และพลังร่างอวตารเบญจะจักรวาล การจะซื้อพลังขั้นต่อไปได้จะต้องใช้แต้มบุญถึง 8,000 แต้ม

“แล้วอาวุธล่ะ? “

ลู่โจวเหลือบมองไปที่เมนูอาวุธที่มีอยู่ในระบบ อาวุธทั้งหมดได้ถูกแบ่งออกเป็นประเภทต่างดังนี้ ดาบ, หอก, ตะบอง, ง้าว และยังมีอาวุธอีกหลายประเภทด้วยกัน โดยคุณภาพของอาวุธจะถูกแบ่งออกตามนี้ อาวุธระดับสรวงสวรรค์, ระดับโลก, ระดับลึกลับ และระดับทั่วไป

การจะใช้อาวุธที่ดีได้นั้นจะต้องมีพลังวรยุทธ์อันทรงพลังเพื่อที่ได้ใช้อาวุธให้อย่างทรงพลัง

“แล้วการ์ดล่ะ” การ์ดพลังชีวิตจะต้องใช้แต้มบุญทั้งหมด 500 แต้ม ส่วนการ์ดประกันชีวิตใช้แต้มบุญทั้งหมด 100 แต้ม ราคาพวกนี้ล้วนแต่มีราคาแพงและไม่คุ้มค่าพอที่จะใช้เป็นไม้ตายได้เลย