ตอนที่ 75 อนุภรรยาของอวี๋จั้วหลิน
แสงอาทิตย์จากด้านนอกช่างสว่างไสว หลังจากหนานหนานเลือกห้องภายในจวนกับเย่ซิวตู๋แล้ว ก็ข่มแรงกระตุ้นอยากออกไปเล่นข้างนอก และอยู่รอท่านแม่กลับมาอย่างสงบเสงี่ยม
เขาอยากนำเงินครึ่งหนึ่งแบ่งให้ท่านแม่เป็นอย่างแรก ถึงอย่างไรท่านแม่ก็เห็นการปล้นของเขาเมื่อวานนี้แล้ว
หากเขาไม่ส่งมอบด้วยตัวเองก่อนเกิดเรื่อง ผลที่ตามมาจากโทสะของท่านแม่ก็คือ เงินทั้งหมดนี้จะถูกท่านแม่ยักยอกเอาไปจนหมดสิ้น
ดังนั้น ต่อให้ท่านลุงเสิ่น ท่านลุงโม่ ท่านลุงเหวิน ท่านลุงเผิงรวมถึงท่านพ่อที่ได้รับตำแหน่งใหม่จะพาเขาออกไปซื้อของ เขาก็ยังยืนกรานที่จะเฝ้าอยู่ข้างถุงเงินไม่เคลื่อนไหวไปไหน พูดเป็นเล่น พวกท่านหลอกให้ข้าออกไป เพราะมีความคิดอยากจะมายุ่งกับเงินของข้าใช่หรือไม่?
เขา อวี้ฉิงหนานมีความฉลาดเป็นกรด ไม่มีทางตกหลุมพรางเป็นแน่
ว่าแต่ท่านแม่ของเขาไปที่ใดกันแน่? นี่ก็เย็นแล้ว ดวงตะวันกำลังจะลับขอบฟ้าแล้วด้วย แต่นางก็ยังไม่กลับมา
“แค่ก” อวี้ชิงลั่วถึงกับสำลักน้ำลายของตัวเองโดยมิอาจอธิบายได้ คิ้วของนางขมวดเข้าหากันเล็กน้อย รีบยกจอกน้ำขึ้นมาจิบหนึ่งอึก
จินหลิวหลีที่อยู่ข้าง ๆ เหลือบมองนางด้วยความประหลาดใจ “เป็นอะไรหรือ?”
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า มองไปยังร้านขายยาข้างล่างตรงข้ามตึก
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็แค่นเสียงออกมาเบา ๆ หนึ่งเสียง “เขานี่ยุ่งจริง ๆ”
“ได้ยินว่าทักษะทางการแพทย์ของท่านหมอเจียงยอดเยี่ยมมาก ตระกูลใหญ่จำนวนมากภายในเมืองหลวงแห่งนี้ต่างก็ออกเงินในราคาที่สูงลิ่วเพื่อให้เขาไปตรวจอาการให้ถึงจวน ช่วงเวลานี้เขาไม่ได้อยู่ที่ร้านยาก็ถือเป็นเรื่องปกติ” จินหลิวหลีรินน้ำให้นางหนึ่งแก้ว เหลือบมองไปยังด้านล่างหน้าต่างอีกหน ก่อนจะเงยหน้ามองฟ้า “แต่พวกเรารอมาทั้งวันแล้ว หากรอเช่นนี้ต่อไป ข้าก็คงทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน”
อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นยืน ยืดแขนบิดขี้เกียจด้วยท่าทางสง่างาม ทั้งยังทำท่าอ่อนเปลี้ยเพลียแรง “รอไม่ไหวก็ช่างเถอะ วันอื่นค่อยหาเหตุผล ให้เขาไปตรวจอาการที่จวนก็สิ้นเรื่องมิใช่หรือ?”
จินหลิวหลีหัวเราะ “นี่เจ้าเห็นจวนของเย่ซิวตู๋เป็นเรือนของเจ้าแล้วจริง ๆ หรือ? ยังมีหน้ามาบอกให้ไปตรวจอาการถึงที่อีก เจ้าคงไม่รู้ สถานะของท่านหมอเจียงคนนั้นก็ไม่ใช่เล็ก ๆ หากให้เขาไปตรวจอาการถึงจวนก็ต้องนัดเวลาล่วงหน้า นอกจากเจ้าจะเป็นเชื้อพระวงศ์ตระกูลมีอำนาจไม่ธรรมดา”
“เจ้าคิดว่าสถานะของเย่ซิวตู๋จะธรรมดามากงั้นหรือ? หากเขาคิดจะเชิญใครสักคนจะเชิญไม่ได้หรือ? ข้าคาดว่าต่อให้เชิญหมอหลวงในวังก็คงเชิญมาถึงที่จวนของเขาได้” อวี้ชิงลั่วเคยคิดไว้แล้ว ตระกูลธรรมดา ๆ คงมิอาจเลี้ยงดูคนที่มีราศีแบบเย่ซิวตู๋ออกมาเป็นเช่นนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ข้างกายของเขายังมีคนที่มีพลังฝีมือไม่ธรรมดามากมายขนาดนั้น ทั้งยังเจอกับการลอบสังหารจำนวนมากขนาดนั้นอีก
หากเป็นแค่นายน้อยของตระกูลธรรมดา ต้องส่งคนมาหลายกลุ่มเพื่อไล่ตามสังหารแบบนี้หรือ?
จินหลิวหลีถอนหายใจ คำพูดนี้นางกล้าเดาแต่กลับไม่กล้าพูด
“เอ๋ เขากลับมาแล้ว” จินหลิวหลีวางจอกชาในมือ ชี้ไปยังร่างผอมแห้งที่กำลังแบกกล่องยาอยู่ด้านล่างอาคารที่อยู่ตรงข้าม
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาหรี่ลง ลุกขึ้นยืนพลางกล่าวขึ้น “ไป พวกเราไปเจอท่านหมอเจียงผู้นี้หน่อย”
ระหว่างที่พูด มุมปากของนางกระตุกเป็นเส้นโค้งดูร้ายกาจและเจ้าเล่ห์อย่างมาก
จินหลิวหลีร่างสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ นางรีบวางเหรียญเล็ก ๆ หนึ่งเหรียญ ลุกขึ้นยืนและเดินตามไป
ต่อให้ตอนนี้ตะวันลับฟ้าแล้ว แต่ร้านยาที่อยู่ตรงข้ามยังมีคนเดินเข้า ๆ ออก ๆ
ในฐานะของร้านยาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ร้านยาซิงเซิ่งจึงมีคนไข้มาขอรับการรักษาถึงที่มาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้น หมอที่ประจำการอยู่ที่นี่ก็เป็นลูกศิษย์ผู้ปราดเปรื่องของอดีตปรมาจารย์ไท่อีเยวี่ยน (สำนักแพทย์หลวง) คนก่อน แค่ชื่อเสียงของเขาก็เพียงพอที่จะทำให้หัวกระไดไม่แห้งแล้ว
อวี้ชิงลั่วและจินหลิวหลียืนอยู่ด้านหน้าประตูร้านยา ทันใดนั้นกลิ่นยาฉุนกึกก็แตะเข้าที่ปลายจมูก
อวี้ชิงลั่วได้กลิ่นแบบนี้จนเคยชินแล้ว แต่จินหลิวหลีกลับทนไม่สู้ไหว นางบีบจมูกและเอ่ยปากพูดด้วยความอึดอัด “พวกเรารีบเข้าไปหาเขาเถอะ อย่ามายืนอยู่ตรงนี้เลย”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า ยกเท้าก้าวเข้าไปด้านในร้านยาซิงเซิ่ง
ครั้นเข้ามาด้านในประตูก็มีเด็กจ่ายยาเข้ามาต้อนรับในทันที อาจเป็นเพราะเห็นเสื้อผ้าที่พวกนางสวมใส่ไม่เหมือนกับชาวบ้าน จึงรีบละสายตาจากคนไข้คนอื่น ๆ และเชิญทั้งสองมายังห้องที่กั้นไว้
“คุณหนูทั้งสอง บริเวณนี้สะอาด ท่านทั้งสองโปรดนั่งรอที่นี่สักครู่ ข้าน้อยจะรีบไปเรียกให้ท่านหมอหลิวมาที่นี่ขอรับ”
“ช้าก่อน” อวี้ชิงลั่วยกมือขึ้น กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “พวกเราอยากเจอท่านหมอเจียง”
ท่านหมอเจียง?
เด็กจ่ายยาชะงัก และเอ่ยปากขอโทษทันที “ท่านหมอเจียงเพิ่งกลับมาจากออกไปตรวจคนไข้ ค่อนข้างเหนื่อยล้า ตอนนี้ไปพักผ่อนแล้ว ทักษะทางการแพทย์ของท่านหมอหลิวก็มีความยอดเยี่ยมมากเช่นกัน ให้เขามาก็เหมือนกันขอรับ”
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า ส่งสายตาไปหาจินหลิวหลีปราดหนึ่ง อีกฝ่ายจึงรีบหยิบแท่งเงินออกมาหนึ่งชิ้น ดู ๆ ไปแล้วก็มีน้ำหนักค่อนข้างมาก
“ข้าต้องการเจอท่านหมอเจียง”
เงินเยอะขนาดนั้น…
เด็กจ่ายยามีดวงตาเป็นประกาย เขาทราบว่าอีกฝ่ายคือคุณหนูของตระกูลใหญ่ มิอาจทำให้สตรีทั้งสองขุ่นเคืองได้ อีกอย่างแท่งเงินใหญ่ขนาดนั้น ต่อให้ท่านหมอเจียงออกไปรักษาคนไข้ ก็ใช่ว่าจะได้เงินมากขนาดนี้
เด็กจ่ายยาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และรีบแย้มยิ้มออกมา “คุณหนูทั้งสองรอสักครู่นะขอรับ ข้าน้อยจะรีบไปรีบมา”
อวี้ชิงลั่วพึงพอใจ นางให้จินหลิวหลีเก็บแท่งเงินไว้ แล้วนั่งรอท่านหมอเจียง
เด็กจ่ายยารีบออกไป ผ่านไปไม่นานก็รีบวิ่งกลับมาอีกครั้ง ท่าทางของเขาดูรีบร้อน ราวกับกลัวว่าพวกนางทั้งสองจะหนีไปแล้ว
“อาจารย์ให้คุณหนูทั้งสองเข้าไปด้านในห้อง เพื่อคุยรายละเอียดขอรับ”
อวี้ชิงลั่วและจินหลิวหลีหันสบตากัน ลุกขึ้นยืนพร้อมเพรียงกันโดยมิต้องกล่าวสิ่งใด จากนั้นจึงเดินเข้าไปด้านในห้องพร้อมกับเด็กจ่ายยาคนนั้น
หลังจากท่านหมอเจียงกลับมา เขาก็ดูไม่เหมือนกับเงาแผ่นหลังที่เห็นจากด้านบนโรงเตี๊ยม เห็นได้ชัดว่าเปลี่ยนเป็นชุดสะอาดทั้งชุดแล้ว
ก็ถูก นางเองก็เป็นหมอ ดูอาการป่วยให้คนไข้ตลอดทั้งวัน ย่อมหวังว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่บนร่างกายจะสบายตัว
ท่านหมอเจียงเป็นคนมีประสบการณ์ แม้เด็กจ่ายยาจะอธิบายเกินจริงไปสักหน่อย แต่ทราบได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคุณหนูจากตระกูลร่ำรวย ทว่าก็มิได้ทำตัวประมาทเลินเล่อเหมือนกับเด็กจ่ายยา หลังจากเห็นพวกนางเข้ามา จึงเพียงแค่ลุกขึ้นยืนเล็กน้อย ชี้ไปยังเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้า “ไม่ทราบว่าคุณหนูท่านไหนไม่สบาย? เชิญนั่งตรงนี้”
อวี้ชิงลั่วเดินไปนั่งตรงข้ามอีกฝ่ายอย่างใจกว้าง นางยื่นมือออกไป “ท่านหมอ ช่วยดูให้ข้าหน่อยว่าข้าเป็นอะไร”
ท่านหมอเจียงชะงัก เขายังไม่เคยเห็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่คนใดมองบุรุษอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าเขาจะเป็นหมอก็ตาม
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง เขาจึงจับชีพจรให้นางอย่างระมัดระวัง แต่ยิ่งจับชีพจรมากเท่าไร คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดเข้าหากัน และเงียบเสียงอยู่นาน
อวี้ชิงลั่วไม่รีบร้อน บนร่างกายของนางไม่มีรอยโรคอะไร นางย่อมทราบดี
ตอนนี้เองเด็กจ่ายยาที่อยู่ข้าง ๆ ก็เริ่มร้อนใจแล้ว คาดว่าเขาคงไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน จึงกลัวว่าท่านหมอเจียงจะมองไม่ออกว่าเป็นโรคอะไร และกลัวว่าเงินนั้นจะลอยหายไป จึงเอ่ยถามในทันที “อาจารย์ ท่านพูดอะไรหน่อยสิขอรับ”
ท่านหมอเจียงถลึงตาใส่เขาปราดหนึ่ง กล่าวตำหนิด้วยความโกรธเคือง “สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงมากที่สุดในการรักษาโรค คือความใจร้อน ปกติข้าสอนเจ้าอย่างไร ออกไปซะ”
เด็กจ่ายยาคนนั้นถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก แต่เมื่อสบตากับสายตาเฉียบคมและน่ากลัวของอาจารย์ ในที่สุดจึงตอบ ‘ขอรับ’ และเดินออกไปข้างนอกห้องด้วยความโกรธเคือง
จินหลิวหลีรอให้เขาออกไป ก็ลุกขึ้นไปยืนข้างประตู ราวกับเป็นผู้พิทักษ์ที่คอยยืนเฝ้า
อวี้ชิงลั่วยิ้มเบา ๆ ก่อนเอ่ยถามเสียงเบาด้วยความเกียจคร้าน “ท่านหมอเจียง ข้าได้ยินมาว่าอนุภรรยาของแม่ทัพอวี๋แห่งจวนอวี๋ให้ท่านไปดูอาการมาโดยตลอดใช่หรือไม่?”
ท่านหมอเจียงถึงกับตกใจ รีบดึงมือที่จับชีพจรกลับไปทันที แต่ตอนที่ดึงมือกลับไป เขาก็พบว่าปลายนิ้วมือของตนเองมีร่องรอยสีดำจาง ๆ เกิดขึ้นแล้ว
……………………………………………………………………………………………………………………. สารจากผู้แปล
แสบมากชิงลั่ว วางยาท่านหมอเค้นถามความจริงเลยทีเดียว ไม่แปลกใจที่จะมีลูกนิสัยแบบนี้ด้วย
ไหหม่า(海馬)