ในตอนนั้นเอง เสี่ยวเฉิงพลันเหวี่ยงขาขวาสุดแรงไปที่หน้าอกของชายคนแรกจนกระเด็นไปกองกับพื้น นอกจากนี้ เขายังเก็บแรงเอาไว้และหลบกำปั้นของอีกฝ่ายได้อีกด้วย เสี่ยวเฉิงเองก็ไม่ได้อยากจะทำอะไรรุนแรงเกินไป เขาก็เพียงแค่ต่อยไปที่หน้าของชายอีกสองสามคนจนล้มลงไปกองกับพื้น

ใครก็ตามที่กล้ายกขาขึ้นมา เสี่ยวเฉิงก็จะใช้ข้อศอกสับไปที่หน้าแข้งของคนนั้นจนล้มลงและนอนนิ่งไปกับพื้น และใครก็ตามที่กล้าเหวี่ยงหมัดมา เขาก็จะจับมือของคนนั้นพร้อมกับบิดข้อมือไปอีกทาง จากนั้น เสี่ยวเฉิงก็เตะสกัดเท้าของอีกฝ่ายจนทำให้พวกเขาล้มลง ท่าทีของอีกฝ่ายนั้นไม่ต่างอะไรกับสุนัขที่กำลังก้มกินอึของตัวเองเลย…

ทว่า ภายในไม่กี่นาที เสี่ยวเฉิงก็สามารถจัดการกับเหล่าวัยรุ่นทั้งสิบเอ็ดคนได้อย่างหมดจด

จากนั้น เขาก็ลากตัวนายน้อยหยุนมาราวกับเป็นกระสอบมันฝรั่งเพื่อใส่กุญแจมือและคล้องไว้กับรถมอเตอร์ไซค์ วัยรุ่นบางคนก็กำลังคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดและนอนอยู่ที่พื้น พวกเขาพยายามที่จะลุกขึ้นมาและหยุดเสี่ยวเฉิงเอาไว้ แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงก็เตะวัยรุ่นพวกนั้นกระเด็นออกไปโดยไม่ตั้งใจทุกครั้งไป

สิ่งที่เสี่ยวเฉิงทำนั้นทำให้ฉางเหรินและเพื่อนร่วมงานคนอื่นตกใจไม่น้อย ทั้งนี้ พี่ใหญ่หยินและน้องชายพร้อมทั้งพรรคพวกก็ตกใจกับสิ่งที่เห็นเช่นกัน

หลังจากที่นำตัวนายนน้อยหยุนไปใส่กุญแจไว้กับรถมอเตอร์ไซค์แล้ว เสี่ยวเฉิงก็หันกลับมาพร้อมตะโกนใส่วัยรุ่นคนอื่น “ฉันชื่อเสี่ยวเฉิง ถ้ามีปัญหาอะไร ก็ไปเจอกันที่สถานีได้เลย!”

หลังจากนั้น ทันทีที่รถจักรยานยนต์ขับออกไป ทุกคนก็พลันตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นตรงหน้า

“นี่พี่หลิน เราต้องช่วยตำรวจนายนั้นนะ เขาเจ๋งมากเลยล่ะ” วัยรุ่นผมบลอนด์มองไปยังเสี่ยวเฉิงด้วยด้วยความชื่นชม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเคารพ

“ช่วยบ้าบออะไรกันล่ะ?! ตอนนี้ไอ้หมอนั่นไปทำให้พวกนั้นโกรธแล้ว พี่พนันได้เลยว่าเขาจะถูกไล่ออกภายในสามวันแน่ หรืออันที่จริง อาจจะถูกไล่ออกตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลยก็ได้” พี่ใหญ่หลินกล่าวกับน้องชาย

วัยรุ่นผมบลอนด์พลันหัวเราะ “ถ้าฉันได้เป็นลูกศิษย์แล้วก็เรียนรู้วิธีการต่อสู้มาจากเขา… มันจะต้องยอดเยี่ยมมากแน่ๆ นายตำรวจที่ชื่อเสี่ยวเฉิงนั่นจะโหดเกินไปแล้ว เขาเหมือนกับเฉินหลงเลย!”

ทันใดนั้น พี่ใหญ่หลินก็พลันตะคอกใส่น้องชาย “แต่ถ้าเขาถูกไล่ออกล่ะ… คิดว่าไอ้กลุ่มวัยรุ่นพวกนั้น แล้วก็ไอ้คนที่ชื่อนายน้อยหยุนนั่นจะไม่ทำอะไรเลยเหรอ? พวกมันถึงกับเสียหน้าให้กับตำรวจเชียวนะ นายช่วยตำรวจที่ชื่อเสี่ยวเฉิงอะไรนั่นไม่ได้หรอก เลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย เอาเวลาไปสนใจเรื่องเรียนจะดีกว่า อ่า แล้วก็อีกอย่าง ย้อมผมกลับเป็นสีดำสักทีด้วย!“

สองพี่น้องพลันทะเลาะกันในระหว่างที่พรรคพวกคนอื่นกำลังมองดูกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังพยายามลุกขึ้นมาอยู่ แต่ทว่า ไม่นานนัก เรื่องที่ทำให้พวกเขาต้องอ้าปากค้างอีกครั้งก็เกิดขึ้นตรงหน้าพี่ใหญ่หลิน

พวกเขาเห็นรถตู้ตำรวจขับมาจอดอยู่ตรงหน้า เสี่ยวเฉิงพลันลงมาจากที่นั่งและเริ่มใส่กุญแจมือให้กับวัยรุ่นแต่ละคนที่เป็นตัวสร้างปัญหา จากนั้นไม่นาน เขาก็พาพวกตัวปัญหาทั้งหมดขึ้นรถไป

นี่ทำให้ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์พลันรู้สึกตกใจอีกครั้ง

ทว่า ก็ยังมีบางคนที่พยายามจะต่อต้านและข่มขู่เสี่ยวเฉิง แต่หลังจากโดนตบหน้าไปสองสามครั้ง พวกเหล่าวัยรุ่นก็หุบปากและเดินตรงขึ้นรถไปราวกับเป็นเด็กดี

ในตอนนี้ พวกเหล่าวัยรุ่นและตัวปัญหาทุกคนก็ได้ถูกคุมตัวไปหมดแล้ว นั่นทำให้พี่ใหญ่หลินและพรรคพวกต่างก็ไม่เชื่อสายตากับเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าเลย

ทั้งฉางเหรินและเพื่อนร่วมงานคนอื่นก็พลันไม่เชื่อสายตาตัวเองด้วยเช่นกัน

ทว่า วัยรุ่นผมบลอนด์ที่เคยดูถูกเสี่ยวเฉิงในตอนแรกได้กลายเป็นแฟนคลับของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หลังจากให้เวลากับตัวเองสักครู่กับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น พวกเขาก็ได้กล่าวคำพูดออกมาเพียงสามคำเพื่อสื่อถึงการกระทำและความกล้าหาญของเสี่ยวเฉิง “ให้ตายเถอะ!”

มันได้ผลใช่ไหม? เขากำลังกุมตัวทุกคนไปแล้วใช่ไหม? แม้แต้หัวหน้าสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะก็คงจะไม่กล้าทำเช่นนั้น

ทว่า ภายในรถตู้ มีคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมพลันเตะประตูเพื่อระบายความโกรธ แต่เสี่ยวเฉิงเองก็ยังคงขับรถต่อไปและไม่สนใจ “แกจะต้องชดใช้กับเรื่องที่เกิดขึ้นแน่!”

“คิดว่าเรื่องจะจบแค่นี้งั้นเหรอ?” ใครบางคนกล่าวขู่ขึ้นมา

ทันใดนั้นเอง เสี่ยวเฉิงก็พลันตอบกลับอย่างไม่ไยดี “เลิกพล่ามได้แล้ว พวกนายทุกคนทั้งดูถูกแล้วก็ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ! แม้แต่ทนายก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ก็อย่าลืมแจ้งทนายแล้วบอกให้เขาทำในสิ่งที่ต้องทำด้วยล่ะ ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนที่เหมาะสม พวกนายทุกคนจะต้องถูกควบคุมตัวเป็นเวลาอย่างน้อยสิบห้าวัน ยังไงก็เถอะ ทำตัวให้ดีกันหน่อยแล้วกันนะ…“