จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 80 มือสังหารปรากฏกาย!
สีของท้องฟ้ายังคงเป็นสีดำ ประตูเมืองยังคงปิดสนิท
ฉินเทียนเร่งรีบเดินทางตลอดคืน ก่อนจะหยุดฝีเท้าเมื่อมองเห็นตัวอักษรขนาดใหญ่ ‘เมืองขอบนภา’ ฉินเทียนสูดหายใจพลางครุ่นคิด ‘ช่างโอ่อ่าเสียจริง’
ตัวอักษรที่สลักบนกำแพงดูแข็งแรงทรงพลัง ทำให้ผู้ที่พบเห็นต้องทอดถอนใจชมเชย
ประตูเมืองสูงสิบกว่าฟุต ทุกระยะสามเมตรบนกำแพงเมืองมีทหารยามยืนประจำการ ดวงตาของทหารทุกนายล้วนแต่ตื่นตัวตลอดเวลา ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ปลายระดับเก้าขั้นก่อเกิดวิญญาณ กระทั่งอ่อนแอที่สุดยังอยู่ในระดับเก้าขั้นก่อเกิดวิญญาณ จะเห็นได้ว่าเมืองขอบนภามีพลังรบมากเพียงใด
ในบรรดาเจ็ดเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือ ขุมพลังโดยรวมของเมืองขอบนภานั้นสูงกว่าเมืองอื่นๆอย่างน้อยเท่าตัว หยางฮงได้ปกปิดเรื่องนี้ไว้อย่างมิดชิด เพราะหากถูกเปิดเผยออกไป แม้แต่จักรพรรดิต้าหลี่ก็ยังต้องตะลึง
นับตั้งแต่ที่หยางฮงประกาศตั้งตนเป็นจักรพรรดิ เมืองขอบนภาก็มีกฏห้ามออกนอกเคหสถานในยามวิกาล และประตูเมืองจะถูกปิดสนิทเพื่อป้องกันการแทรกซึมจากศัตรู ราชวงศ์ต้าหลี่ยืนหยัดมานานนับพันปี แน่นอนว่าย่อมต้องมีภูมิหลังไม่ธรรมดา
อย่างไรก็ตาม สำหรับหยางฮงที่กล้าประกาศตั้งตนเป็นจักรพรรดิแล้ว เขาย่อมมีวิธีการจัดการกับเมืองหลวงของอาณาจักรต้าหลี่อยู่ในใจ
อาณาจักรขอบนภาและอาณาจักรต้าหลี่ถูกลิขิตให้ต้องทำสงครามอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
เพื่อสงครามนี้แล้ว หยางฮงได้เตรียมการมาหลายสิบปี และอาจกล่าวได้ว่าเขาได้เตรียมทุกอย่างที่จำเป็นเสร็จสรรพแล้ว
ฉินเทียนยืนอยู่บนเชิงกำแพงขณะปลดปล่อยพลังปราณออกมา เขากระโดดขึ้นไปบนอากาศก่อนจะแวบหายไปภายในเมือง
ทหารที่ยืนยามอยู่บนกำแพงเพียงรู้สึกถึงลมวูบหนึ่งปะทะหน้า หากแต่ก็ไม่ได้สะกิดความสนใจใด
ภายในเมืองเวลานี้ไร้ซึ่งคนเดินตามท้องถนน เมืองขอบนภากว้างใหญ่ไพศาล แบบนี้จะทราบได้อย่างไรว่าอวิ๋นม่านอยู่ที่ใด?
เนื่องจากตัวเมืองกว้างใหญ่เกินไป แม้แต่กลิ่นอายนักล่าของเขาก็ไม่สามารถครอบคลุมทั้งเมือง
นอกจากนี้ยังไม่มีผู้คนเดินตามท้องถนน เขาย่อมไม่อาจถามทางจากผู้ใด
สวบ สวบ สวบ……..
ร่างเงาสามร่างร่อนลงบนหลังคาอย่างแผ่วเบาก่อนจะลอยตัวไปบนอากาศอีกครั้ง เงาร่างทั้งสามในเวลานี้ไม่ต่างอะไรจากภูติพราย
ฉินเทียนขมวดคิ้วขณะคิดขึ้นอย่างรู้สึกสนุก ‘ยังมีคนที่หมือนเราด้วย?’
ชุดรัดกุมสำหรับยามวิกาล จิตสังหารและความเยือกเย็น สังเกตจากสิ่งเหล่านี้ ฉินเทียนเพียงคิดถึงอาชีพหนึ่ง มือสังหาร!
มีเพียงมือสังหารเท่านั้นที่สวมชุดและมีจิตสังหารเข้มข้นเช่นนี้ อีกทั้งความแข็งแกร่งของพวกเขาเองก็ไม่อาจมองข้าม ในร่างเงาทั้งสามนั้นไม่มีผู้ใดต่ำกว่าขั้นกลั่นวิญญาณเลย
ผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณสำหรับเมืองชิงเหอนับเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งยิ่ง แม้ในเมืองขอบนภาจะต่างไปบ้าง กระนั้นก็ยังเรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือ
“สามผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณ พวกเขาพยายามจะสังหารผู้ใดกันนะ?” ฉินเทียนคิดในใจ เขาเก็บซ่อนกลิ่นอายก่อนจะสะกดรอยตามไป
ด้วยการพึ่งพากลิ่นอายนักล่า ฉินเทียนก็สามารถรักษาระยะห่างจากพวกเขาได้ช่วงใหญ่ เนื่องจากมีประสบการณ์ในการจับกลิ่นอายของผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท หากถูกจับได้คงยากจะหลบหนี
ท้องฟ้าเริ่มสว่าง
ใต้ท้องฟ้าเมืองขอบนภา เงาร่างหลายสายวูบผ่านหลังคาบ้านเรือนก่อนจะปรากฏตัวขึ้นที่ห่างออกไปหลายสิบก้าว ไม่มีผู้ใดสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่กำลังคืบคลานในเงามืด
ด้วยระดับการบ่มเพาะที่เพียงอยู่ในขั้นก่อเกิดวิญญาณ ดังนั้นพวกทหารยามจึงไม่มีผู้ใดรับรู้ถึงการคงอยู่ของเงาร่างในความมืด
หลังจากเคลื่อนไหวกว่าครึ่งชั่วโมง เงาร่างทั้งสามก็หยุดเท้าลง
ทั้งสามหยุดยืนอยู่บนเวทีเล็กๆที่อยู่ในลานจัตุรัสขนาดใหญ่ เวทีนี้ถูกตกแต่งด้วยโคมไฟ พู่ประดับต่างๆ และผ้าสีแดงผืนใหญ่ มีกลองหนังตั้งอยู่แต่ละด้านของเวที กลางเวทีแขวนคำว่า ‘ซังฮี้’ ที่ผู้ใดพบเห็นก็เข้าใจว่านี่คืองานแต่งงานเอาไว้
ฉินเทียนที่ซ่อนตัวอยู่กวาดสายตามองพื้นที่โดยรอบ ‘วังหลวง?’
ขณะที่ติดตามคนกลุ่มนี้มา ฉินเทียนไม่ทันได้สังเกตสิ่งรอบตัว หลังจากที่หยุดลงจึงได้คิดว่าเขาเพิ่งล่วงลึกเข้ามาภายในวังหลวง
ตัวกำแพงล้วนเป็นสีเหลือง ตามพื้นที่ต่างๆมีรูปปั้นมังกรตั้งอยู่ นอกจากนั้นยังมีร่องรอยของ ‘ปราณมังกร’ หลบซ่อนภายในสถานที่อันวิจิตรนี้ ‘หรือหยางฮงจะเป็นโอรสสวรรค์จริงๆ? วังหลวงที่มีปราณมังกร จะเกิดอะไรขึ้นหากเรื่องนี้หลุดไปถึงหูของอาณาจักรต้าหลี่?’
ปราณมังกร มีเพียงผู้ที่ถูกเลือกจากเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่สามารถมีได้ มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่สามารถฝึกฝนวิชาลับปราณมังกร นี่เป็นเคล็ดวิชาที่ทรงพลังอย่างที่สุด และที่เหล่าผู้แข็งแกร่งมากมายยอมรับใช้ราชวงศ์ก็เพื่อสิ่งนี้เอง
จากกลิ่นอายนักล่าของเขาแล้ว ฉินเทียนก็พบว่าปริมาณปราณมังกรในวังหลวงแห่งนี้ค่อนข้างบางเบา มันจางหายไปและปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว ‘ดูเหมือนหยางฮงจะยังไม่ได้รับการยอมรับจากสวรรค์’
คิดถึงตรงนี้ ฉินเทียนก็สลัดเรื่องปราณมังกรทิ้งไป
มือสังหารทั้งสามซ่อนตัวตามตำแหน่งต่างๆ ดูจากตำแหน่งของพวกเขาแล้ว เป้าหมายของพวกเขาจะต้องเป็นคนที่อยู่บนเวทีอย่างแน่นอน ฉินเทียนพลันฉุกคิดถึงการแต่งงานระหว่างหยางหลินและอวิ๋นม่าน ‘พวกเขาต้องการลอบสังหารหยางหลิน?’
‘หยางหลินเป็นบุตรคนที่สามของหยางฮง มีข่าวลือว่าพรสวรรค์ของเขาเด่นล้ำกว่าผู้ใด เป็นอัจฉริยะที่ยากจะพบเห็นในรอบร้อยปี’
‘แต่ไฉนเป็นหยางหลิน?’
‘ใยถึงไม่เล็งสังหารหยางฮงที่เป็นประมุขของตระกูลหยาง?’
‘ถ้าผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณสามคนใช้ท่าไม้ตายในเวลาเดียวกัน แม้จะเป็นหยางฮงก็คงรอดยาก แต่ทำไมถึงเป็นหยางหลิน?’
ฉินเทียนไม่อาจเข้าใจ แต่ครู่หนึ่งเขาก็สงบลง เนื่องจากการตามหาอวิ๋นม่านภายในเมืองแห่งนี้นั้นไม่ง่าย เขาก็คงต้องรออยู่ที่นี่ เพราะสุดท้ายแล้วอวิ๋นม่านก็ต้องมาที่นี่เช่นเดียวกัน ยามที่มือสังหารทั้งสามลงมือ ยามนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะพาอวิ๋นม่านหนีไป
คิดถึงตรงนี้ ฉินเทียนก็แสยะยิ้ม ‘ท่านมือสังหารทั้งสาม ครั้งนี้ต้องพึ่งพวกท่านแล้วขอรับ หึๆ’
จับปลาตอนน้ำขุ่น ฉินเทียนถนัดในเรื่องนี้ที่สุด
ยิ่งเรื่องราววุ่นวายเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น ท่านมือสังหารขั้นกลั่นวิญญาณสามเอ๋ย พวกท่านอย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ!
นกกาฝูงหนึ่งบินฝ่าความมืดที่หนาวเหน็บ
หลังจากนั้นไม่นาน ตะวันแดงก็ลอยขึ้นจากทางทิศตะวันออก บ่งบอกถึงการเริ่มต้นวันใหม่
วังหลวงเริ่มวุ่นวาย สาวใช้และคนงานต่างวิ่งกันหัวหมุน วันนี้เป็นวันสำคัญของเมืองขอบนภา พวกเขาจึงไม่ได้รับอนุญาตให้เกิดความผิดพลาด
สำหรับงานแต่งของหยางหลิน ทั่วทั้งเมืองได้จัดงานเฉลิมฉลอง
เมื่อฟ้าสว่าง ตามท้องถนนก็ปรากฏผู้คนมากมาย สำหรับชาวเมืองแล้ว การที่เมืองขอบนภากลายเป็นนครหลวงนั้นได้สร้างความประหลาดใจแก่พวกเขามาก และพวกเขาก็รู้สึกราวกับถูกยกฐานะขึ้นอีกระดับ
หน่วยลาดตระเวณเองก็เพิ่มกำลังขึ้นเช่นกัน พวกเขาต้องดูแลความปลอดภัยของนครหลวง ไม่อาจปล่อยให้ผู้ที่น่าสงสัยผ่านเข้ามาในเมือง
ระหว่างการซ่อนตัวไม่กี่ชั่วโมงนี้ จิตวิญญาณของฉินเทียนเพิ่มพูนขึ้นกว่าเก่า เขาได้ใช้หน้าต่างระบบในการฝึกฝนการปรุงยา และตอนนี้ทักษะการปรุงยาของเขาก็เลื่อนขึ้นเป็นระดับสองแล้ว เม็ดยาที่ถูกปรุงมีความบริสุทธิ์ขึ้นเรื่อยๆในทุกครั้งที่ปรุง และฉินเทียนก็สามารถปรุงเม็ดยาระดับสามบางชนิดได้แล้ว นี่ทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมาก
มาวมาวที่อยู่ภายในแหวนมิติกำลังรู้สึกขมขื่น ช่วงครึ่งปีหลังก่อนออกจากเทือกเขาคุนหลุน หญ้าวิญญาณจำนวนมากก็เป็นมันเองที่เก็บมา เป็นหญ้าวิญญาณมากมายที่สามารถกองรวมกันเเป็นภูเขาเลากา แต่มันก็ทำได้เพียงนั่งมองอย่างน่าสงสาร “สหายน้อยมาวมาว รีบทำงานของเจ้าให้เสร็จซะ ครั้งหน้าข้าจะให้ปลาปิ้งแก่เจ้า………”
————————————————————————–
囍 (ซังฮี้) : เป็นคำที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาจากอักษรจีนคำว่า ฮี้ ( 喜 xi ) ที่แปลว่า ความสุข ความยินดี กับคำว่า ซัง ( 雙 Shuang ) ที่แปลว่า คู่ หรือ 2 เท่า เมื่อเอาสองคำนี้มารวมกันเป็น ซังฮี้ ( 囍 Shuang xi ) จึงมีความหมายว่าสุขเป็น 2 เท่า ซึ่งปัจจุบันนิยมนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของงานแต่งงาน หมายถึง ความสุขของคู่วิวาห์