ตอนที่ 111 เธอต่างหากที่เป็นพี่สาว

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 111 เธอต่างหากที่เป็นพี่สาว

สัมภาระของมู่เถาเยาไม่เยอะนัก หลังจากมาถึงเขตเรือนอุ่นรัก ก็ขนของกลับเข้าไปในบ้านได้ในรอบเดียว

บอดี้การ์ด “…”

เด็กสาวคนนี้ไม่ชอบความสะดวกสบายเลยหรือไง ไม่ร้องขอความช่วยเหลือสักนิด! มันทำให้เขารู้สึกว่าบอดี้การ์ดระดับโลกอย่างเขาช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี!

“อาคุน กลับไปเถอะค่ะ ขอบคุณนะคะ”

บอดี้การ์ดคนนี้ก็คือคนที่มารับเธอที่หน้าประตูเขตเซิ่งซื่อฉางอันบ่อยๆ

เมื่อเธอต้องการรถออกไปข้างนอก นอกจากนั่งแท็กซี่ไปเองแล้วก็เป็นเขาที่คอยไปรับไปส่งเธอ

“หมอเทวดาน้อยมู่ มีอะไรให้ผมช่วยอีกไหมครับ”

“ไม่มีแล้วค่ะ เมื่อวานฉันเรียกคนมาทำความสะอาดแล้ว ในตู้เย็นตอนนี้ก็เต็มไปด้วยของสด ฉันจัดกระเป๋าเองได้ ขอบคุณนะคะ อาคุน”

“ถ้าอย่างนั้นคุณจะออกไปข้างนอกอีกไหมครับ ให้ผมรออยู่ตรงนี้ไหม”

“ไม่ออกไปไหนแล้วค่ะ กลับไปเถอะ”

“เอางั้นก็ได้ครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ ถ้าคุณต้องการใช้รถโทรหาผมได้ตลอดเวลาเลย”

“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”

หลังจากที่บอดี้การ์ดอาคุนขับรถออกไป มู่เถาเยาก็ยกกระเป๋าขึ้นไปชั้นบนและใส่มันกลับเข้าที่ เมื่อจัดสัมภาระเรียบร้อยแล้ว จึงวิดีโอคอลหาเหล่าอาจารย์ในหมู่บ้านเถาหยวนซาน

คุยกันนานเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มจึงวางสาย จากนั้นจึงลงไปชั้นล่างเพื่อทำบะหมี่สำหรับมื้อเที่ยงให้ตนเอง

หลังกินข้าวเที่ยงเพิ่งจะล้างชามเสร็จ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

มองไปที่หน้าจอ มู่เถาเยาก็ตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ

เชื่อมต่อ

“…”

“เธอมาที่เย่ว์ตู? มาคนเดียวเหรอ?”

“…”

“งั้นเธออย่าไปไหนล่ะ ฉันจะให้คนไปรับเธอ”

“…”

“โอเค เธออย่าเพิ่งวางสายนะ ถือสายไว้จนกว่าจะเจอฉัน”

“…”

“อืม ระวังตัวด้วย”

หลังจากที่มู่เถาเยาวางสายโทรศัพท์ นิ้วเรียวยาวก็ได้กดเปิดแพลตฟอร์มที่ไม่ระบุชื่อ คลิกและวาดมืออย่างรวดเร็วสองสามครั้ง ลายเส้นและรูปแบบที่เข้าใจยากก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ

ไม่กี่วินาทีต่อมา จุดสีแดงเล็กๆ ก็เคลื่อนไหวบนหน้าจอโทรศัพท์

นั่นคือพิกัดตำแหน่งเฉพาะของบุคคลที่เธอเพิ่งคุยโทรศัพท์ด้วย

มู่เถาเยาเดินลงมาที่ชั้นล่างอย่างช้าๆ พลางดูโทรศัพท์ไปด้วย ในขณะเดียวกันก็คำนวณเวลาที่อีกฝ่ายจะมาถึงเขตเรือนอุ่นรักโดยไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆ อยู่ในใจ

เมื่อจวนจะถึงเวลา เธอจึงเดินออกไปรอที่หน้าประตูชุมชนเขตเรือนอุ่นรัก

สองนาทีต่อมา แท็กซี่คันสีเหลืองขาวก็ค่อยๆ จอดลงตรงหน้าเธอ

เมื่อคนในรถเห็นมู่เถาเยา ใบหน้าเล็กๆ ก็ผุดรอยยิ้มสดใสขึ้น

หลังจากที่รถจอดสนิท เธอก็รีบเปิดประตูรถแล้วพุ่งเข้ามากอดมู่เถาเยาไว้แน่น “เสี่ยวเยาเยา พี่สาวคิดถึงเธอมากๆ เลย!”

“เสี่ยวหว่าน ทำไมเธอมาเย่ว์ตูแล้วไม่บอกฉันล่วงหน้าสักคำ ถ้าฉันไม่อยู่บ้านล่ะ เธอบอกที่บ้านหรือยังเนี่ย”

มู่เถาเยาไม่เคยเรียกมู่หว่านว่าพี่ เพราะเธอเหมือนกับเป็นพี่สาวมากกว่า!

“ไม่ได้บอก แต่เมื่อคืนพ่อโทรมาบอกฉันว่าวันนี้พ่อจะไม่มาที่เฟิงตู เพราะงั้นฉันเลยรีบจองตั๋วเครื่องบินมาหาเธอ เสี่ยวเยาเยา ฉันไม่ได้เจอเธอนานมากเลย คิดถึงเธอมากๆ เลยนะ”

“…เธอก็บอกฉันสิ ฉันจะได้บินไปหาเธอที่เฟิงตู”

จากเมืองเฟิงตูมาที่เมืองเย่ว์ตูใช้เวลาบินสี่ชั่วโมง บวกกับเวลาจากทั้งสองฝั่งถึงสนามบิน ก็ใช้เวลาร่วมหกชั่วโมง ต้องมารอขึ้นเครื่องที่สนามบินล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง เพราะงั้นเสี่ยวหว่านจะต้องตื่นอย่างช้าที่สุดก็ตอนตีห้า…

“เธอเป็นน้องสาว พี่สาวมาหาน้องสาวก็ถูกต้องแล้ว” มู่หว่านเรียนและพักอยู่ในโรงเรียนที่เมืองเฟิงตูคนเดียว

มู่อี้ พ่อของเธอตอนนี้เป็นผู้ใหญ่บ้านและมีงานยุ่งมาก เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้นที่เขาจะขับรถยาวเจ็ดชั่วโมงจากหมู่บ้านเถาหยวนซานมาเยี่ยมเธอที่เฟิงตู

เป็นเพราะระยะทางไกล ดังนั้นเธอจึงกลับหมู่บ้านเถาหยวนซานแค่ในช่วงปิดเทอมฤดูหนาว ปิดเทอมฤดูร้อน หรือไม่ก็วันหยุดสำคัญเช่นวันชาติเท่านั้น

“ตอนนี้เธออยู่ชั้นมัธยมปลายปีสาม เป็นช่วงที่ยุ่งที่สุด ฉันจะไปหาเธอก่อนสอบเอนทรานซ์ หลังสอบเสร็จเธออยากจะไปไหนก็ไป”

“อื้มๆ”

มู่หว่านและมู่เถาเยาเติบโตมาด้วยกัน ไม่เพียงแต่จะมีพลังกายที่สูงมาก อีกทั้งยังได้เรียนรู้ทักษะดีๆ มากมาย ดังนั้นคนในครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านมู่จึงวางใจให้เธอเข้าเรียนที่เมืองเฟิงตูตามลำพัง

“สาวน้อย นี่สัมภาระของเธอ”

คนขับแท็กซี่ลงจากรถและนำสัมภาระมาวางต่อหน้าทั้งสองคน จากนั้นเตือนลูกค้าอย่างสุภาพว่ายังไม่ได้จ่ายค่าโดยสาร!

“ขอบคุณนะคะ คุณลุง เท่าไหร่เหรอคะ”

“หนึ่งร้อยยี่สิบหยวน”

“โอเค ฉันจะสแกนคิวอาร์โค้ดให้นะคะ”

มู่หว่านหยิบโทรศัพท์ที่ไม่ได้วางสายออกมาจากกระเป๋าของเธอ หลังจากวางสายแล้วก็สแกนจ่ายค่าโดยสารให้กับคนขับแท็กซี่

“ขอบคุณครับ”

เมื่อลุงคนขับได้รับเงิน จึงเอ่ยขอบคุณอย่างสุภาพแล้วขับรถออกไป

มู่เถาเยาหิ้วกระเป๋าเป้ที่มู่หว่านยัดเสื้อผ้าไว้ จากนั้นจึงจูงเธอเดินเข้าไปในเขตเรือนอุ่นรัก

มู่หว่านรับกระเป๋าเป้ของตนเองขึ้นสะพายไหล่ ไม่ยอมให้มู่เถาเยาสะพายให้เธอเพราะเธอเป็นพี่สาว!

“เสี่ยวเยาเยา ย่านนี้หรูหราแล้วก็เงียบสงบมากเลย เหมาะกับเธอมาก”

มู่หว่านมองไปรอบๆ เธอพอใจกับชุมชนนี้มาก

“อืม อยู่ใกล้มหา’ลัย สะดวกดี”

“เสี่ยวเยาเยา หรือฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูมาอยู่เป็นเพื่อนเธอดี”

“เธอชอบเรียนแพทย์เหรอ”

“อืม…บอกไม่ได้ว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่เธอเป็นไอดอลของฉัน!”

“ถ้าเธอชอบก็มา ไม่ชอบก็ไปเรียนอย่างอื่น”

“แต่ฉันไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรน่ะสิ หรือฉันสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารดี” ทหารหญิงเท่จะตาย!

“ยังมีเวลาเหลืออีกสองเดือนก่อนสอบเอนทรานซ์ และมีเวลาอีกประมาณสามเดือนก่อนกรอกใบสมัคร เธอก็ค่อยๆ คิดละกัน”

“อืมๆ”

สองพี่น้องเดินควงแขนกันเข้าประตูไป

“เสี่ยวหว่าน เธอยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม เธออยากกินอะไรล่ะเดี๋ยวฉันทำให้”

“บะหมี่น้ำก็ได้ ตอนเย็นเราค่อยออกไปกินอะไรอร่อยๆ กัน”

“…ไม่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ฉันต้มบะหมี่ไข่มะเขือเทศให้เธอเอาไหม”

“เสี่ยวเยาเยา เธอนั่งเลย เดี๋ยวฉันต้มเอง ฉันเป็นพี่สาว จะใช้แรงงานน้องสาวไม่ได้”

“…เธอต้มไม่อร่อยเท่าฉัน”

มู่หว่าน “…โอเค งั้นฉันช่วยล้างผักแล้วก็หั่นมะเขือเทศให้ละกัน”

“อืม”

สองพี่น้องเข้าครัวไปด้วยกัน

ไม่ถึงสิบนาที บะหมี่ร้อนๆ หอมกรุ่นก็พร้อมออกจากหม้อ

มู่หว่านยกบะหมี่ออกไปกินที่ห้องอาหารด้วยตัวเอง ส่วนมู่เถาเยาก็ทำความสะอาดครัวต่อ

เมื่อทำความสะอาดห้องครัวเสร็จ เธอจึงหั่นผลนมหมาป่าแช่แข็งหนึ่งจานแล้วนำไปวางไว้ตรงหน้าของมู่หว่าน ในขณะที่เธอเพิ่งกินบะหมี่ไปได้เพียงครึ่งเดียว

“เสี่ยวเยาเยา เธอนี่แสนดีจริงๆ เลย!”

“อืม”

“เสี่ยวเยาเยา…”

ในขณะนี้เองโทรศัพท์มือถือของมู่เถาเยาก็ดังขึ้น มู่หว่านจึงหยุดพูด

“เสี่ยวเหมียน มีอะไรเหรอ”

“…”

“โอเค เธอมาสิ ฉันอยู่บ้าน”

“…”

“อืม ฉันจะไปรับเธอที่หน้าประตู” แม้ว่าเขตเรือนอุ่นรักจะไม่หรูหราเท่าเขตเซิ่งซื่อฉางอัน แต่คนนอก หากไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ที่พักอยู่ในเขตชุมชนก็เข้ามาไม่ได้

“…”

เมื่อเห็นมู่เถาเยาวางโทรศัพท์ลง มู่หว่านจึงเอ่ยถามขึ้น “เสี่ยวเยาเยา ใครจะมาเหรอ นี่ฉันมารบกวนเธอหรือเปล่า”

“ไม่รบกวนหรอก เจียงเฟิงเหมียนลูกสาวของอาจารย์อาเล็กน่ะ เธออายุสิบเจ็ดปี อยู่มัธยมปลายปีสามเหมือนกัน รุ่นเดียวกับเธอ พวกเธอน่าจะทำความรู้จักและเป็นเพื่อนกันได้” สองคนนี้อายุใกล้เคียงกัน แถมยังมีนิสัยที่คล้ายกัน น่าจะเข้ากันได้ดี

แม้ว่าอายุร่างกายของเธอจะแค่สิบแปดปี แต่อายุจิตใจปาไปสามสิบหกแล้ว หากเป็นในราชวงศ์เทียนเย่ว์ อายุของเธอสามารถเป็นแม่ของเสี่ยวหว่านและเสี่ยวเหมียนได้แล้ว

ดังนั้น เธอจึงไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นเด็กผู้หญิงอายุสิบแปดปี และไม่เคยมองว่าเป็นรุ่นเดียวกับพวกเธอ

“ดีเลย!”

“เธอกินบะหมี่ไปก่อน เดี๋ยวฉันออกไปรับเสี่ยวเหมียนเข้ามา”

“อื้มๆ”

มู่เถาเยาคว้าโทรศัพท์มือถือแล้วออกไป ก้าวเดินตามปกติ ผ่านไปยี่สิบนาทีก็มาถึงหน้าประตูทางเข้า

แม้ว่าเขตเรือนอุ่นรักจะอยู่ติดกับมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู แต่วิทยาเขตก็ใหญ่โตมาก!

จากบ้านของอาจารย์อาเล็กถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัยใช้เวลาขับรถครึ่งชั่วโมง และใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีในการเดินจากหน้าประตูมหาวิทยาลัยมาถึงเขตเรือนอุ่นรัก

เจียงเฟิงเหมียนโทรหามู่เถาเยาเมื่อเธอมาถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัย

“พี่เยาเยา!”

“เสี่ยวเหมียน ทำไมจู่ๆ เธอถึงมาที่นี่ล่ะ”

สองสาวไม่ได้บอกเธอก่อนล่วงหน้าว่าจะมาที่นี่ ไม่กลัวว่าเธองานยุ่งหรือไม่มีเวลาเลยหรือไง

หากเป็นคนอื่น แขกที่ไม่ได้รับเชิญแบบนี้เธอคงไม่ชอบ แต่คนที่เธอแคร์ถือเป็นข้อยกเว้น

“ตอนแรกฉันวางแผนว่าจะไปช็อปปิ้งน่ะ พอออกจากประตู พ่อก็โทรมาแล้วบอกว่าพี่ย้ายกลับเขตเรือนอุ่นรักแล้ว ฉันก็เลยมาหาพี่”

ช่วงนี้พ่อยุ่งมาก ส่วนแม่ก็เดินทางไปต่างประเทศ ไม่ง่ายนักที่เธอจะมีวันหยุด แต่พอมีก็ไม่มีใครอยู่ด้วย

พอรู้ว่าพี่เยาเยากลับมาอยู่ที่นี่แล้ว เรื่องช็อปปิ้งเธอก็ไม่สนใจแล้ว!

“เธอจะไปซื้ออะไรล่ะ ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม”

“ที่จริงฉันก็ไม่มีอะไรจะซื้อหรอกค่ะ แค่อยากเที่ยวพักผ่อนเท่านั้น”

“เรียนยากไหม”

เจียงเฟิงเหมียนส่ายหัว

“ฉันจะสอบเข้าวิทยาลัยวิจิตรศิลป์ และข้อกำหนดสำหรับหลักสูตรวัฒนธรรมก็ไม่ได้สูงเท่าที่อื่น”

“อืม พรุ่งนี้ตอนบ่ายฉันจะไปช่วยดูภาพวาดให้เธอที่บ้าน”

“เอาสิ”