บทที่ 63 สัตว์ประหลาด

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 63 สัตว์ประหลาด

ณ เมืองชิงโจว รัฐซีหลิง

ผู้อาวุโสหลิวพร้อมศิษย์สำนักเทียนอวี้ปรากฏตัวขึ้นที่เชิงเขา

เดิมทีพวกเขาได้รับคําสั่งจากเจ้าสํานักเยว่เชียนเหลียนให้ไปยังรัฐตงหลิงเพื่อสืบค้นเมืองโบราณ แต่เมื่อสำรวจจนเสร็จสิ้นกลับได้รับสารจากฮ่องเต้ว่า เมืองโบราณนั้นปรากฏขึ้นอีกในรัฐซีหลิง!

รัฐตงหลิงกับรัฐซีหลิงถูกแบ่งแยกจากกันมาเป็นเวลานาน ทั้งยังต่อสู้กับรัฐชิงหลิงมาเป็นเวลานานเช่นกัน แต่เมื่อไม่นานมานี้ ภายใต้การร่วมมือกันของฮ่องเต้ทั้งสอง พวกเขาได้ปรับปรุงความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่ายด้วยวิธีสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตและการแต่งงาน ปัจจุบันฮ่องเต้แห่งรัฐซีหลิงคือลูกเขยของฮ่องเต้แห่งรัฐตงหลิง

แน่นอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองรัฐนั้นไม่ง่ายนัก การสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองดินแดนไม่ได้หมายความว่าฮ่องเต้แห่งรัฐตงหลิงจะลดความระมัดระวังลง หากเงื่อนไขเหมาะสม… คงไม่ถือสาที่จะหลอกล่อกองทัพในมือลูกเขยเพื่อให้เป็นทหารของตนทั้งหมด

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองโบราณครั้งนี้ ยังมีผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานหายตัวไป สถานการณ์เห็นได้ชัดว่าอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา ฮ่องเต้แห่งรัฐตงหลิงเป็นคนระมัดระวังตัวมาก ดังนั้นจึงมอบเรื่องนี้ให้สำนักเทียนอวี้ ขณะเดียวกันก็เตือนฮ่องเต้แห่งรัฐซีหลิง เมื่อเมืองโบราณปรากฏขึ้นอีกครั้งในรัฐซีหลิง ฮ่องเต้แห่งรัฐซีหลิงจึงส่งคนไปควบคุมสถานการณ์เพื่อไม่ให้ผู้ฝึกยุทธ์และสํานักผู้ฝึกตนที่อยู่ใกล้เคียงเข้าใกล้สถานที่นั้น ขณะเดียวกันก็ส่งให้พ่อตาไปแจ้งคนของสำนักเทียนอวี้แทน

หลังจากได้รับข่าว ผู้อาวุโสหลิวได้ส่งศิษย์คนหนึ่งนําข้อมูลกลับไปยังสำนักเทียนอวี้ ก่อนจะพาศิษย์ที่เหลือไปยังเมืองโบราณ

“ท่านผู้อาวุโส เมืองโบราณอยู่ที่นั่น!”

ศิษย์คนหนึ่งชี้ไปยังเนินเขา ผู้อาวุโสหลิวเงยหน้ามอง เห็นเมืองขนาดใหญ่อยู่กลางภูเขาลูกนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับป่าเขาโดยรอบแล้ว มันดูโดดเด่นมาก

“เอาหุ่นเชิดออกมา เดินหน้าอย่างระมัดระวัง!”

ผู้อาวุโสหลิวกระซิบ

“ศิษย์ทุกคนที่มีพลังต่ำกว่าขั้นปฐมวิญญาณจะอยู่ที่เดิมเพื่อควบคุมหุ่นเชิด ส่วนผู้ที่มีพลังขั้นปฐมวิญญาณขึ้นไป จงตามข้ามา หากพบสิ่งผิดปกติใด จงถอยไปทันที!”

เมื่อได้ยินคําสั่ง ศิษย์สำนักเทียนอวี้หยิบหุ่นเชิดกลไกจํานวนมากออกมาจากกระเป๋า หุ่นเชิดกลไกนี้ถูกออกแบบโดยสํานักเสวียนฝ่า และสำนักเทียนอวี้ได้สร้างชิ้นส่วนที่มีมูลค่าสูง อีกทั้งพลังการต่อสู้ของหุ่นเชิดยังสูงมาก หลังจากเรียนรู้แล้ว คนที่ควบคุมพวกมันจะแสดงพลังที่เหนือชั้นกว่าระดับการบ่มเพาะของตนได้

หุ่นเชิดที่ผู้อาวุโสหลิวนํามาเป็นนับว่าเป็นสิ่งของที่มีพลังขั้นกลางของสำนักเทียนอวี้ พลังการต่อสู้ล้วนสูงกว่าขั้นปฐมวิญญาณ เทียบได้กับเหล่าสัตว์ร้ายที่อยู่จุดสูงสุดของขั้นปฐมวิญญาณ ต้องรู้ก่อนว่า… ผู้ฝึกตนขั้นปฐมวิญญาณ แม้จะอยู่ในสํานักระดับกลางก็ยังเป็นเสาหลักของผู้อาวุโสหรือแม้กระทั่งเจ้าสํานัก

หลังออกคําสั่ง ศิษย์สำนักเทียนอวี้ที่อยู่ในขั้นขอบเขตแกนทองคำบางคนยังคงนิ่งอยู่ที่เดิม บางคนใช้สองมือควบคุมหุ่นเชิดเหล่านี้ให้เดินตามรอยเท้าของศิษย์พี่กับผู้อาวุโส ในขณะที่ผู้อาวุโสหลิวนําศิษย์ขั้นปฐมวิญญาณขึ้นไปถือศาสตราแห่งเซียนพร้อมกับอาวุธอันทรงพลังหลากหลายชนิด ก่อนจะพากันบินขึ้นไปอย่างระมัดระวังจนเข้าใกล้เมืองโบราณที่ตั้งอยู่กลางภูเขา

เมื่อมาถึงด้านบนของเมืองโบราณ ผู้อาวุโสหลิวและศิษย์กลุ่มหนึ่งได้มองลงไป ภายในเมืองโบราณมีความมืดทะลักออกมา แม้จะใช้ศาสตราแห่งเซียนเสริมพลังแต่ไม่สามารถบอกสถานการณ์ตอนนี้ได้

อาวุโสหลิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกศาสตราแห่งเซียนประดุจตะเกียงฉางหมิงขึ้น ภายใต้การกระตุ้นของพลังเวทอันแข็งแกร่ง ตะเกียงอมตะที่แกว่งไกวอยู่บนตะเกียงฉางหมิงพลันเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิงที่ลุกโชนขึ้นสู่ท้องฟ้า แผ่ขยายออกไปหลายลี้ ท่ามกลางเมฆเพลิงมีมังกรไฟหลายตัวพุ่งทะยานลงมา ภายใต้การควบคุมของผู้อาวุโสหลิว มันบินวนเวียน คําราม พร้อมเข้าชนเมืองโบราณ

หัวของมังกรเพลิงพุ่งเข้าไปในความมืดที่ปกคลุมทั่วเมืองโบราณเหมือนวัวกระทิงที่พุ่งเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง จมหายราวกับลงไปในทะเล… ไร้ซึ่งคลื่นใด

“ไม่ได้ผลจริงหรือ?”

ผู้อาวุโสหลิวเก็บทะเลเพลิงที่คุกรุ่นไว้พร้อมเพิ่มความระมัดระวังในใจมากขึ้น

เขาพาศิษย์ร่อนลงไปยังประตูเมืองโบราณอย่างเชื่องช้า ทันทีที่มาถึง ประตูเมืองโบราณพลันเปิดโพลงออก

“โคจรเคล็ดวิชา! เพิ่มความระมัดระวัง!”

ผู้อาวุโสหลิวสูดหายใจเข้าลึกพร้อมตะโกนใส่เหล่าศิษย์

ศิษย์ทุกคนใช้วิชาแห่งสำนักเทียนอวี้พร้อมกันเพื่อเพิ่มพลังวิญญาณกับความต้านทาน แต่ครู่ถัดมา ภายในเมืองโบราณบังเกิดเสียงระฆังที่แฝงไว้ด้วยการโจมตีทางจิตใจดังขึ้น!

เสียงระฆังดังกึกก้องในหูของเหล่าศิษย์ ทั้งหมดกลายเป็นเสียงอันน่าสยดสยอง ราวกับว่ามีหลายร้อยคนกําลังสวดมนต์ด้วยภาษาที่อื้ออึงในหู ดุจมีค้อนหนักหลายร้อยเล่มกําลังโจมตีจิตวิญญาณกับความตั้งใจอย่างต่อเนื่อง โชคดีที่ผู้อาวุโสหลิวคอยระวังอยู่ก่อน ทําให้ศิษย์เหล่านี้ป้องกันจิตใจได้ทัน ไม่ปล่อยให้เสียงนี้เข้าโจมตีจิตสํานึก

แต่ถึงอย่างนั้น ศิษย์บางคนที่มีระดับการบ่มเพาะที่ตื้นเขินและขาดสมาธิต้องตกใจกับการโจมตีทางจิตใจนี้จนศีรษะมึนงงไปหมด

เสียงระฆังดังกึกก้องราวกับรับรู้ได้ว่าไม่อาจทำลายผู้มาเยือนเหล่านี้ได้จากเสียงระฆัง สถานการณ์ภายในเมืองโบราณเปลี่ยนไปอีกครั้ง ความมืดภายในเมืองพลุกพล่าน พลันบังเกิดกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างประหลาดออกมาจากความมืด

สิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์นั้นดําสนิทราวกับถูกสร้างขึ้นจากความมืด บนร่างกายมีลวดลายสีขาวปะปนกับอักขระสีดําดูแปลกประหลาด

หลังจากเดินออกจากเมืองโบราณจนมาพบผู้อาวุโสหลิวกับคนอื่น ๆ ‘หัว’ ของสิ่งมีชีวิตมืดมิดเหล่านี้พลันแตกออกเป็นแผลใหญ่ ฟันของสุนัขที่ปรากฏขึ้นซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นปาก เหล่าอสูรมิติมืดส่งเสียงคําราม เหมือนกับเสียงระฆัง แต่เป็นเสียงระเบิดผสมกับการโจมตีทางวิญญาณ แต่เมื่อเทียบกับเสียงระฆังแล้ว นับว่าอ่อนแอกว่ามาก

พวกมันคํารามพร้อมพุ่งเข้าหาทุกคน ขณะที่กําลังพุ่งเข้าใส่ได้ดึงเปลวเพลิงสีดําออกมาจากด้านหลัง ส่งให้เหล่าศิษย์ขั้นปฐมวิญญาณรับรู้ถึงภัยอันตรายตามสัญชาตญาณ

ผู้อาวุโสหลิวยกมือขึ้น ไฟที่ส่องแสงบนมือของเขากลายเป็นกําแพงไฟ พุ่งออกไปกวาดสิ่งมีชีวิตสีดําเหล่านั้น หลังจากโดนโจมตีจากเปลวไฟเหล่าสัตว์ประหลาดมืดหลายสิบตัวล้มลงไปอยู่ที่เดิม ส่วนอีกครึ่งตายหมดสิ้น

“ท่านผู้อาวุโส นั่น… ทหารของรัฐตงหลิงที่หายตัวไป!”

เมื่อมีคนเห็นเสื้อผ้าของคนตายต่างรีบอุทานออกมา

“ตอนนี้คงถึงเวลามาสนใจเรื่องพวกนี้เต็มที่เสียที”

ผู้อาวุโสหลิวมองไปยังสัตว์ประหลาดดำทะมึนที่ยืนโซซัดโซเซอยู่บนพื้นอีกครั้ง แม้ตนจะเพิ่งลงมือตามใจชอบ แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเปลวเพลิงที่ผู้บําเพ็ญเพียรขั้นแยกวิญญาณและยุทธภัณฑ์เวทระดับสูงของสำนักเทียนอวี้กระตุ้น ภายใต้ทะเลเพลิง อีกครึ่งหนึ่งของสัตว์ประหลาดสีดําเหล่านี้ยังคงไม่ตาย ทว่าความสามารถในการต้านทานการโจมตีไม่ด้อยไปกว่าผู้ฝึกตนขั้นขอบเขตแกนทองคําเลย!

“เตรียมตัวให้พร้อม!”

ผู้อาวุโสหลิวสูดหายใจเข้าลึก ในใจยังคงสั่นไหวไม่มั่นใจ

ผู้ฝึกตนขั้นขอบเขตแกนทองคําที่ธรรมดาที่สุดหลายสิบคน ไม่นับว่าเป็นผู้ฝึกตนขั้นแยกวิญญาณของนิกายระดับสูง แต่ผู้อาวุโสหลิวจําได้ว่ามีผู้คนหลายพันที่หายตัวไปพร้อมกับเมืองโบราณ

นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกตนขั้นปฐมวิญญาณ ผู้ฝึกตนขั้นขอบเขตแกนทองคําสองคน คนธรรมดากับทหารที่ถูกครอบงำ ผู้แข็งแกร่งที่สุดมีความแข็งแกร่งขั้นขอบเขตแกนทองคํา หากพวกเขายังถูกความมืดครอบงํา ความแข็งแกร่งของศัตรูจะมากขนาดไหนกัน…

เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดที่คํารามออกมา ผู้อาวุโสหลิวจึงยกตะเกียงฉางหมิงขึ้น ปล่อยให้ตะเกียงฉางหมิงสั่นไหววูบสะท้อนไปมาในสายตาคู่นี้