บทที่ 96 ขโมย

ถังหลี่ไม่ได้อยากให้ขงซวนมาอาศัยอยู่ในบ้านของตน แต่เดิมนางเช่าบ้านพักไว้สำหรับคนงานในโรงงานตรงข้ามกับร้าน เพื่อความสะดวกในการทำงานฉางลู่จึงขอย้ายไปอาศัยอยู่ที่นั่นเช่นกัน

ดังนั้นถังหลี่จึงให้ขงซวนเข้าไปอาศัยอยู่กับฉางลู่ ชายหนุ่มตามฉางลู่ไปที่บ้านพัก มันเป็นบ้านเช่าแบบหนึ่งห้องนอน มีเตียงหนึ่งเตียงสำหรับนอนกันสองคน ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน

“น้องสะใภ้นะน้องสะใภ้ ข้าเป็นพี่เขยนาง เหตุใดนางจึงให้ข้ามาอาศัยอยู่กับคนรับใช้เช่นเจ้า!”

ฉางลู่ฝืนยิ้ม

“พี่ขงบ้านของเถ้าแก่เนี้ยมีแต่สตรี หากให้บุรุษไปอยู่ด้วยคงไม่เหมาะสม แต่นางนั้นมีน้ำใจมาก ที่นี่มีน้ำดื่มมีอาหารที่ท่านสามารถทำกินได้ อีกอย่างห้องนี้มีแค่เราสองคน แต่คนอื่น ๆ ต้องอาศัยรวมกันถึงหกคนต่อห้อง”

ใบหน้าของขงซวนดูดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก่อนตอนอยู่บ้านเขาได้แต่รอให้ภรรยาเอาอาหารมาให้ ทำให้เขาไม่สามารถทำอาหารกินเองได้ ตอนนี้เขาจึงรอให้ฉางลู่ทำอาหารให้กินเหมือนผู้อาวุโสท่านหนึ่ง ทำให้เด็กหนุ่มพูดไม่ออกเล็กน้อยแต่เมื่อฉางลู่คิดได้ว่าขงซวนคือพี่เขยของเจ้านาย เขาจึงทำได้เพียงอดทน

วันถัดมา

ขงซวนนอนอยู่บนเตียงไม่ยอมลุกขึ้น จนฉางลู่ไม่มีทางเลือกนอกจากไปที่ร้านก่อน เมื่อขงซวนตื่นขึ้นไปที่ร้านทุกคนก็เริ่มทำงานกันแล้ว รวมถึงถังหลี่ด้วยเช่นกัน เขามองไปทางซ้ายและขวา ก่อนจะเอนตัวไปข้างหน้าถังหลี่ จนเขาอยู่ใกล้ชิดกับนางมาก

“น้องสะใภ้ เตียงนอนที่บ้านเจ้าแข็งมากทำให้ข้าปวดหลังแล้วฉางลู่ก็นอนกรนทั้งคืน ข้าเลยนอนไม่ค่อยหลับ” ขงซวนบ่น

ถังหลี่ชำเลืองมองเขา

“หากพี่เขยไม่สบายใจเพราะไม่สะดวกเหมือนอยู่ที่บ้าน ท่านสามารถกลับบ้านได้นะ ข้าไม่ห้ามท่านหรอก”

สีหน้าของขงซวนเต็มไปด้วยความอับอาย

“ข้าปรับตัวได้! วันนี้ข้าเพียงแต่ตื่นสายไปหน่อย น้องสะใภ้อย่าโกรธเคืองเลย”

“หากท่านจะนอนตื่นสายก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้ามองเรื่องงานเป็นหลัก ตราบใดที่พี่เขยสามารถขายได้มากกว่าลูกจ้างสองคนนั่น ต่อให้ท่านไม่มาร้านก็ไม่เป็นไร” ถังหลี่ยิ้ม

ขงซวนกำลังจะเปิดปากพูดอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นคอเสื้อของเขาก็ถูกคว้าไว้ เขาโดนกระชากจากด้านหลัง จนเขาถอยไปกระแทกผนังร้าน ขงซวนรู้สึกว่าแผ่นหลังของเขาชาไปหมด

เขาโกรธมากเต็มไปด้วยความแค้นใจ หากเมื่อเงยหน้ามองไปที่อีกฝ่าย ช่วงแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเหมือนสัตว์ป่าที่ดุร้าย รังสีอำมหิตพวยพุ่งออกมาจนสัมผัสได้ ขงซวนเป็นคนที่กลัวเว่ยฉิงมาโดยตลอด เมื่อเห็นอีกฝ่าย สีหน้าของเขาก็ถึงกับซีดไปเลย

“อาฉิงเจ้าทำอะไร ข้าเป็นพี่เขยเจ้านะ”

ชายหนุ่มมองหน้าขงซวนอย่างเย็นชา

“อยู่ในห่างจากภรรยาข้า ไม่อย่างนั้น…” เว่ยฉิงทำท่าชูกำปั้นขึ้นมา ขงซวนตกใจมากเขารีบเอามือปิดหน้าแล้วถอยหลังไปสองก้าว

สายตาของถังหลี่มองไปที่สามี ท่าทีสงบเยือกเย็นยามควบคุมกิจการค้าขายก็หายไปหมด เหลือเพียงแต่แม่นางน้อยผู้หนึ่งที่ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำ

“สามี เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใดหรือ?” บุรุษที่ดุร้ายแสดงรอยยิ้มอ่อนโยนขึ้นมา

“ฮูหยินไปคุยกันในห้องเถิด”

เว่ยฉิงจับมือถังหลี่เข้าไปด้านใน เมื่อเสมียนจางเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาก็ลุกขึ้นยืนทันที

“นั่งนาน ๆ ข้าก็ปวดหลังขึ้นมา ข้าจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย” พูดจบเขาก็เดินออกไปและปิดประตูอย่างตั้งใจ

ทันทีที่ผู้เฒ่าจางออกไป เว่ยฉิงก็โอบเอวถังหลี่และอุ้มนางขึ้น กดนางชิดกับกำแพงรั้งศีรษะของหญิงสาวเข้ามาแล้วจูบนางอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะปล่อยนางให้เป็นอิสระ

เว่ยฉิงกังวลว่าขงซวนจะทำตัวไม่ดีและสร้างความเดือดร้อนให้แก่ภรรยาของตนเอง ดังนั้นเขาจึงตั้งใจมาข่มขวัญให้ขงซวนตื่นตระหนก แต่ทันทีที่เขาพบได้ถังหลี่ เขาก็รู้สึกหิวกระหายเหมือนหมาล่าเนื้อ จึงตัดสินใจลักขโมยจูบนางเสียหน่อย

“ขงซวนทำเรื่องไม่ดีหรือเปล่า ? ” เว่ยฉิงถาม

“เขาทำไม่ได้หรอก! ” ถังหลี่พึมพำเบา ๆ “ข้าจะปล่อยให้เขายอมแพ้ไปเองและตระหนักได้ว่าตัวเขามันห่วยแตกเพียงใด”

เดิมทีถังหลี่คิดว่าอย่างไรขงซวนก็เป็นสามีของเว่ยเสี่ยวเถา หากเป็นไปได้นางก็อยากจะยื่นมือช่วยเหลือ แต่หลังจากสองวันผ่านไปนางก็ค้นพบแล้วว่าบุรุษผู้นี้ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

“เลิกพูดถึงเขาดีกว่า!” ถังหลี่จ้องไปที่ริมฝีปากเย้ายวนของผู้ชายตรงหน้า ก่อนจะริเริ่มจุมพิตเร่าร้อน ทั้งสองเหนื่อยหอบอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เว่ยฉิงจะลากลับจวนสกุลเซี่ย

ทันทีที่เว่ยฉิงจากไป ขงซวนก็กลับมามีชีวิตชีวา เขาเอนตัวไปหาเจิ้งติ่ง

“เจ้าว่าไหม เว่ยฉิงดุร้ายและป่าเถื่อน เหตุใดน้องสะใภ้ของข้าถึงได้ตกหลุมรักผู้ชายเช่นเขาเล่า เหตุใดสตรีที่ดีเช่นนี้ถึงไม่มองผู้ชายที่รูปงามและอ่อนโยนเช่นข้าบ้างนะ”

“อาจจะเพราะ…นางไม่ได้ตาบอด !” เจิ้งติ่งเหลือบมองเขา ก่อนจะเดินจากไป

ขงซวนนึกถึงความหมายในคำพูดเจิ้งติ่ง ในไม่ช้าเขาก็รู้ว่าโดนเจิ้งติ่งเหน็บเข้าให้แล้ว

ในตอนเย็นวันนั้นพวกเขาส่งยอดขายให้เสมียนจาง

ยอดขายของฉางลู่อยู่ที่สองร้อยห้าสิบถึงสามร้อยอีแปะ เจิ้งติ่งยี่สิบตำลึง และขงซวนหนึ่งตำลึง

ยอดที่ขงซวนขายได้ยังน้อยอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้นึกเสียใจแต่อย่างใด ตอนนี้เขากำลังตื่นเต้นมากกว่า

เขามีเงินอยู่ในกระเป๋าถึงสามตำลึง!

ในความคิดของเขา ฉางลู่และเจิ้งติ่งเป็นเพียงคนโง่งมที่มอบเงินทั้งหมดให้กับร้าน เสมียนจางจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาขายได้เท่าใด? แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าฉางลู่และเจิ้งติ่งแอบขโมยเงินไว้โดยที่พวกเขาไม่รู้

โชคดีที่ขงซวนเป็นคนฉลาดและไม่ยอมมอบเงินให้ทั้งหมดให้เสมียนจาง

ต่อให้ไม่ได้เป็นคนดูแลร้านก็ไม่เป็นไร เขาเพียงแอบซ่อนเงินวันละสี่หรือห้าตำลึง เดือนเดียวก็ได้เกินร้อยตำลึงแล้ว ไม่กี่เดือนเขาก็สามารถซื้อบ้านและแต่งงานใหม่ได้!

ยิ่งขงซวนคิดเรื่องนี้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น จนไม่สามารถปิดบังรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาได้

ในขณะที่ขงซวนกำลังฝันหวาน เสมียนจางก็เรียกทุกคนมารวมตัวกัน

“ข้าเพิ่งตรวจสอบสินค้าที่เหลือและพบว่าสินค้าที่ขายวันนี้ไม่ตรงกับเงินที่พวกเจ้ามอบให้ พวกเจ้าแอบซุกซ่อนเงินไว้ใช่หรือไม่?” เสมียนจางถามด้วยสีหน้าเย็นชา

ขงซวนตัวแข็งทื่อ

เสมียนจาง…รู้จริงหรือ?

ถังหลี่เข้ามาเมื่อได้ยินคำพูดของเสมียนจาง

“นายหญิง ข้ามอบเงินให้หมดแล้วขอรับ ไม่ได้ซุกซ่อนเลย!” ฉางลู่กล่าวอย่างเร่งรีบ

“ข้าด้วย!” เจิ้งติ่งพูด ดวงตาของเด็กหนุ่มฉายแววลึกล้ำ เขาไม่มีอาการประหม่าเลย

“น้องสะใภ้ ไม่ใช่ข้าแน่นอน เราเป็นญาติกัน ข้าจะเอาเปรียบเจ้าได้อย่างไร”

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก หากไม่มีใครยอมรับสารภาพ ข้าจะถือว่าตั้งใจขโมยและข้าจะค้นตัวพวกเจ้า ก่อนส่งให้เจ้าหน้าที่ซะ ” ถังหลี่กล่าวอย่างมีนัยยะ ดวงตาของนางกวาดมองไปยังพวกเขาทั้งสามคน

ส่งให้ทางการ! …

ขงซวนรู้สึกตื่นตระหนก

“ต้องเป็นฉางลู่แน่! ข้าเห็นเขาแอบซ่อนเงินไว้!” ขงซวนชี้ไปที่ฉางลู่

“ไม่ใช่ข้านะ นายหญิง ข้าไม่ได้ขโมย! นายหญิงท่านค้นตัวข้าได้เลยขอรับ!” ฉางลู่ปฏิเสธทันควัน

“ก็แน่ล่ะใครจะซ่อนเงินไว้กับตัว ใครจะรู้ว่าเจ้าซ่อนเงินไว้ที่ไหน!” ขงซวนกล่าว

ใบหน้าของฉางลู่เป็นสีแดงขึ้นมา เขาเคยเจอสถานการณ์ที่คล้ายคลึงเช่นนี้มาก่อน เด็กหนุ่มถูกใส่ร้ายว่าขโมยเงิน เพราะคนใส่ร้ายเขาคือลูกพี่ลูกน้องของนายน้อย เขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะแก้ตัว ฉางลู่ถูกทุบตีอย่างหนัก

“แน่นอนว่าเขาเป็นคนนอก ไม่ใช่พี่น้อง มีแต่คนในครอบครัวเท่านั้นแหละที่ไว้ใจกันได้!” ขงซวนรีบใช้โอกาสนี้พูดขึ้น

ทันใดนั้นจู่ ๆ เจิ้งติ่งก็ยื่นมือออกมาและล้วงเข้าไปในแขนเสื้อของขงซวน เมื่อเด็กชายชักมือกลับก็พบเงินสามตำลึงอยู่ในมือ

ทันใดนั้นทุกสายตาจับจ้องไปที่ขงซวน เขาหุบปากชะงักลง

—————————-