ตอนที่ 121 ข้อห้ามใหญ่

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 121 ข้อห้ามใหญ่

เมื่อรอจนกระทั่งช่วงปลายของฤดูใบไม้ผลิ เยียนอวิ๋นเกอก็เดินทางกลับเมืองหลวง

ระหว่างทางกลับเมืองหลวง นางพบชายหนุ่มที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลนอนจมอยู่ในคูน้ำ

ทำความดีวันละครั้ง!

เยียนอวิ๋นเกอจึงพาคนกลับเมืองหลวงด้วยแล้วส่งต่อให้เยียนมู่

ส่วนนางกลับไปยังจวนท่านหญิง

นางเดินทางไปยังห้องตำราเพื่อทักทายเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาในเวลาแรก

เรื่องที่น่าประหลาดใจคือพี่สองก็อยู่ด้วย

“ลูกทักทายท่านแม่! ทักทายพี่สอง!”

“อวิ๋นเกอรีบเข้ามา คุยกับข้าหน่อย ข้าอยากรู้นักว่าเวลาเจ้าพูดจะเป็นอย่างไร เสียงไพเราะหรือไม่”

เยียนอวิ๋นฉียิ้มพลันกวักมือเรียกเยียนอวิ๋นเกอ

เยียนอวิ๋นเกอเดินขึ้นหน้า “พี่สองงดงามขึ้นอีกแล้ว!”

เยียนอวิ๋นฉีเม้มปากยิ้ม “ยังคงเป็นเจ้าเด็กขี้หยอกที่คุ้นเคย! รู้แต่เพียงหยอกล้อข้า”

สีหน้าของเยียนอวิ๋นเกอจริงใจอย่างมาก “ข้าไม่ได้หยอกล้อพี่สอง ข้าพูดเรื่องจริง พี่สองงดงามขึ้นอีกแล้วจริงๆ !”

“จริงหรือ”

“จริงแท้แน่นอน!”

เยียนอวิ๋นฉีลูบใบหน้าด้วยความดีใจ “ข้าชอบฟัง ชมข้าให้มากเข้าเล่า”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะตาม “พี่สองสดใสกว่าแต่ก่อนด้วย”

เยียนอวิ๋นฉีส่ายหน้าระรัว “ไม่ใช่สดใส แต่หน้าหนากว่าแต่ก่อนแล้ว หากเป็นเมื่อก่อน ข้าคงไม่กล้ายอมรับการชื่นชมจากผู้อื่นอย่างเปิดเผย”

พูดจบ นางก็หัวเราะขึ้นมาก่อน ช่างน่าสนใจ

กลับมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย พบคนที่คุ้นเคย ช่างทำให้คนรู้สึกใกล้ชิด

เยียนอวิ๋นเกอจับมือของพี่สอง “เหตุใดวันนี้พี่สองจึงคิดกลับจวนมา พวกเราพี่น้องราวกับนัดกัน ช่างบังเอิญเสียจริง”

“ใช่แล้ว! ตอนที่ข้ากำลังมายังคิดอยู่ว่าน้องสี่ไม่อยู่จวนจะเหงาเพียงใด ไม่คิดว่าข้าเพิ่งนั่งลงก็ได้ยินว่าเจ้ากลับมาแล้ว ช่างบังเอิญเสียจริง!”

เยียนอวิ๋นฉียิ้มแย้มสดใส นางดีใจจริงๆ

เซียวฮูหยินก็ดีใจอย่างมาก

บุตรสาวทั้งสองล้วนอยู่ข้างกาย ทำให้นางพึงพอใจอย่างมาก

นางพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าพี่น้องอย่ารีบร้อนที่จะพูดคุยกัน อวิ๋นเกอ เหตุใดเจ้าจึงกลับมาในเวลานี้ ไม่ใช่บอกว่ารอการเก็บเกี่ยวในฤดูร้อนแล้วถึงจะกลับมาหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอพูด “ในเรือนพักมีเยียนสุยคอยจัดการ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ข้าว่างไม่มีเรื่องใดทำจึงกลับมาเยี่ยมท่านแม่ ลูกกลับมา ท่านแม่ไม่ดีใจหรือเจ้าคะ”

เซียวฮูหยินพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้ากลับมา ข้าย่อมดีใจ พอดีพี่สองของเจ้าก็กลับจวนมาวันนี้ ข้าสั่งให้ห้องครัวเตรียมอาหารไว้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้น พวกเจ้าพี่น้องค่อยคุยกัน”

เยียนอวิ๋นฉีถาม “ท่านแม่ เยียนอวิ๋นจือพักอยู่ในจวนท่านหญิง นางก่อความเดือดร้อนให้ท่านหรือไม่ หากนางสร้างปัญหา ข้าจะสั่งสอนนางเอง”

เซียวฮูหยินทำหน้าดีใจ “เยียนอวิ๋นจือพัฒนาขึ้นไม่น้อยหลังจากมาเมืองหลวง นางเรียนมารยาทกับแม่นมอย่างตั้งใจกว่าเวลาอื่นใด”

“โอ๊ะ? นางยังรู้จักเรียนมารยาทด้วยหรือ มีการพัฒนาเสียจริง”

เยียนอวิ๋นฉีเลิกคิ้วยิ้ม

เซียวฮูหยินพูดขึ้นอีกครั้ง “เยียนอวิ๋นจืออยากสมรสในเมืองหลวง ดังนั้นจึงพยายามเรียนรู้มารยาท พวกเจ้าอย่าได้พูดถึงเรื่องด้านนอกเมื่ออยู่ต่อหน้านาง อย่าทำให้นางคิดจะออกจากจวน”

ไม่แปลกใจที่เยียนอวิ๋นจืออยากสมรสในเมืองหลวง

เพียงแต่การหาคู่สมรสที่เหมาะสมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

เยียนอวิ๋นฉีถาม “พี่ใหญ่มีท่าทีอย่างไร เยียนอวิ๋นจือเป็นน้องสาวของเขา เรื่องใหญ่อย่างสมรส เขาสมควรจะตระหนักถึง”

เซียวฮูหยินพูด “เยียนอวิ๋นฉวนรับเยียนอวิ๋นจือไปพักในจวนหลายวัน ไม่รู้พี่น้องสองคนคุยเรื่องใดกัน ระยะนี้เยียนอวิ๋นฉวนยุ่งกับการสานสัมพันธ์ เจ้าหาโอกาสหลอกถามเขาได้”

เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้ว “พี่สองเป็นกังวลงานสมรสของพี่สามเพียงนี้ หรือว่าอยากจะเป็นแม่สื่อ”

เยียนอวิ๋นฉีหัวเราะร่า “ข้ายินดีที่จะเป็นแม่สื่อให้นาง แต่ก็ต้องหาคู่ครองที่เหมาะสม หลายวันนี้มีคนมาสืบข่าวของอวิ๋นจือกับข้า ข้าจึงถามดู”

“โอ๊ะ มีคนโปรดปรานพี่สามหรือ” เยียนอวิ๋นเกอสงสัยอย่างมาก

ก่อนและหลังเทศกาลปีใหม่ เยียนอวิ๋นจือติดตามเซียวฮูหยินเข้าร่วมงานเลี้ยงหลายครั้ง ทำให้นางได้รู้จักกับสตรีในเมืองหลวงกลุ่มหนึ่ง

ถึงแม้นางยังไม่อาจเข้าสู่วงสังคมของสตรีในเมืองหลวง แต่อย่างน้อยก็ทิ้งความประทับใจต่อผู้คนเอาไว้

เบื้องหลังตระกูลเยียนอาจไม่สูงส่งมาก แต่ก็ไม่ด้อยไปกว่าผู้อื่น

อีกทั้งเยียนอวิ๋นจือยังเป็นบุตรสาวของท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้าน น้องสาวของพระชายาองค์ชายสอง ย่อมต้องมีคนมาสืบเรื่องหมั้นหมายของนาง

เพียงแต่ไม่รู้ว่าฝ่ายชายเป็นอย่างไร

เยียนอวิ๋นฉีพยักหน้า “มีหลายตระกูล รอข้าซักถามอวิ๋นจือก่อน แต่ว่าพวกเขาต่างหาให้บุตรชายจากอนุภรรยา ข้าคิดว่าเรื่องนี้ข้าไม่อาจตัดสินใจได้ เมื่อถึงท้ายสุด หากหมั้นหมายไม่สำเร็จ ยังทิ้งความผิดเอาไว้”

เซียวฮูหยินพยักหน้า พูดอย่างจริงจัง “เรื่องสมรสของเยียนอวิ๋นจือ เจ้าไม่ควรรับปากแทนนาง ต่อจากนี้หากมีผู้ใดถามเรื่องของนาง เจ้าก็ผลักทิ้งเสีย หรือให้พวกเขาไปหาเยียนอวิ๋นฉวน อย่างไรก็ตาม พวกเราอย่ายุ่งเรื่องงานสมรสของเยียนอวิ๋นจือ”

ไม่ว่าเยียนอวิ๋นจือจะสมรสได้ดีหรือไม่ เพียงแค่เซียวฮูหยินแม่ลูกรับมือเรื่องนี้ อย่างไรก็ต้องทิ้งความผิดเอาไว้

เป็นแม่สื่อให้เยียนอวิ๋นจือสิ้นเปลืองแรง แต่ไม่ได้ความดีความชอบ คนว่างเท่านั้นถึงจะสนใจ

เยียนอวิ๋นเกอกล่าว “พี่สามหยิ่งยโส นางมักจะคิดว่าตนเองเกิดจากภรรยาเอก หากให้นางสมรสกับชายที่กำเนิดจากอนุภรรยา นางย่อมไม่มีทางรับปาก นางไม่คิดแต่เพียงจะแต่งงานกับคนในเมืองหลวง อีกทั้งยังจะแต่งงานกับนายน้อยที่กำเนิดจากภรรยาเอก เช่นนี้ถึงจะสมฐานะของนาง”

เซียวฮูหยินหัวเราะเมื่อได้ยิน “อวิ๋นเกอพูดถูก เยียนอวิ๋นจือช่างเป็นสตรีที่มีความหยิ่งยโสเสียจริง”

เยียนอวิ๋นฉีเม้มปากยิ้ม “เป็นเรื่องยากมากที่นางจะได้สมรสกับนายน้อยที่กำเนิดจากภรรยาเอก จากฐานะของตระกูลเยียน หากอยู่ในแคว้นซ่างกู่ หรือภายในเขตโยวโจวอาจพอเป็นไปได้ แต่ในเมืองหลวง นางคงไม่มีหวัง”

เรื่องที่พูดล้วนเป็นความจริง!

เพียงแต่ความจริงไม่เสนาะหูมากนัก

โชคดีที่เยียนอวิ๋นจือไม่อยู่

หากนางได้ยินทุกคนต่างวิจารณ์เรื่องสมรสของตนเอง เกรงว่านางคงจะโกรธจนร้องไห้ไปสามวันสามคืน

แม่ลูกทั้งสามพูดคุยกัน ไม่นานก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน

พี่น้องสองคนจูงแขนกันไปที่ห้องอาหาร

เยียนอวิ๋นเกอกระซิบถามเยียนอวิ๋นฉี “พี่สอง ท่านกลับมาวันนี้เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ”

เยียนอวิ๋นฉีตบหลังมือของนางเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องห่วง “ไม่มีเรื่องใด ข้าแค่คิดถึงท่านแม่และคนในจวน จึงกลับมาเยือน”

เยียนอวิ๋นเกอสงสัยอย่างยิ่ง

กลับจวนกะทันหันทั้งที่ไม่ใช่เทศกาลจะไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นได้หรือ

พู่!

เยียนอวิ๋นฉีหัวเราะออกมา ยกมือจิ้มหน้าผากของเยียนอวิ๋นเกอ “อย่าคิดเหลวไหล ถึงแม้จะมีเรื่องใดก็เป็นเพียงเรื่องเล็ก”

เยียนอวิ๋นเกอเดา “องค์ชายสองหรือว่าเถาฮองเฮาทำให้ท่านลำบากใจ”

เยียนอวิ๋นฉีส่ายหน้า “เจ้าไม่ต้องเดา! ระหว่างข้ากับองค์ชายสอง ถึงแม้จะไม่มีความสัมพันธ์กัน แต่พวกเราต่างก็เคารพซึ่งกันและกัน ปรึกษากันได้ทุกเรื่อง ส่วนเถาฮองเฮา ข้าเข้าวังเพียงเดือนละครั้ง พระองค์ไม่เคยทำให้ข้าลำบากใจ อีกอย่างช่วงนี้เถาฮองเฮาทรงไม่มีเวลามาสนใจข้า”

“หากพี่สองไม่พูดความจริง ข้าจะเดาเอง”

เยียนอวิ๋นเกอออดอ้อน

นางรู้สึกดีมากที่มีคนรักใคร่!

เยียนอวิ๋นฉีหัวเราะร่า “เจ้าสูงกว่าข้าแล้ว ยังทำตัวเป็นเด็ก ข้าพูดความจริง วันนี้กลับมาเพื่อเยี่ยมท่านแม่ ไม่คิดว่าเจ้าจะกลับจวนด้วย ข้าไม่มีเรื่องใดทำ กลับมาเยี่ยมเจ้า เจ้ายังไม่ดีใจอีกหรือ”

“พี่สองกลับมาเยี่ยมได้ ข้าดีใจอย่างมาก ข้าแค่กังวลว่าองค์ชายสองจะไม่ดีต่อท่าน พี่สองจะได้รับความไม่เป็นธรรมในราชวงศ์”

เยียนอวิ๋นฉีก้มศีรษะลง พูดด้วยความรู้สึก “มนุษย์อยู่บนโลก จะได้รับความเป็นธรรมตลอดได้อย่างไร ถึงแม้จะเป็นฮ่องเต้ผู้สูงส่ง แต่ก็ไม่อาจทำเรื่องใดตามใจตนเองได้ หากแต่ต้องถูกผู้อื่นบีบบังคับทุกเรื่อง”

เยียนอวิ๋นเกอมองนาง “มีบางอย่างเกิดขึ้นในวังหรือ”

เยียนอวิ๋นฉียกมือขึ้นหยิกแก้มนางเหมือนแต่ก่อน “ปฏิกิริยาของเจ้ามักรวดเร็วเช่นนี้เสมอ ไม่มีเรื่องใดปิดบังเจ้าได้”

“เกิดเรื่องใดขึ้นในวังหรือ ข้าเพิ่งกลับมา ไม่ได้ยินข่าวใดเลย”

เยียนอวิ๋นฉีพูดเสียงแผ่ว “ฝ่าบาททรงโปรดหญิงงามสองคน หลังจากเถาฮองเฮาทรงรู้เข้า พระองค์ก็ทรงประหารหญิงสาวทั้งสอง แต่ก่อนเรื่องแบบนี้ ฝ่าบาททรงหลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง แต่คราวนี้ฝ่าบาททรงมีท่าทีที่เปลี่ยนไป พระองค์ทรงตำหนิเถาฮองเฮาว่านางโหดเหี้ยม จากนั้นทรงพักผ่อนอยู่ในพระตำหนักของพระสนมเจี่ยซูทุกคืน

ราชสำนักและวังหลังมีความเกี่ยวเนื่องกัน ภายในวังหลังเกิดการสั่นคลอน ทำให้ราชสำนักสั่นคลอนตาม องค์ชายหกได้บารมี อีกทั้งมีคนเริ่มสนับสนุนองค์ชายหกอย่างเปิดเผย องค์ชายสามทรงอยู่ในกองทัพเหนือจึงรีบเสด็จกลับมาเมืองหลวงเพื่อเรื่องนี้ เขาเข้าวังหลวงบ่อยครั้ง อีกทั้งหาองค์ชายสองเพื่อหารือวิธีการรับมือ อย่างไรแล้วระยะนี้ภายในวังไม่สงบนัก”

เยียนอวิ๋นเกอได้ยินจึงพึมพำ “ฮ่องเต้ทรงรีบร้อนที่จะฉีกหน้าฮองเฮาเพียงนี้เชียวหรือ”

“น้องสี่ เจ้าคิดเหมือนกันหรือว่าฮ่องเต้กับฮองเฮาจะกลายเป็นศัตรูกัน”

“มันเป็นแค่เรื่องของเวลา พี่สองไม่เห็นด้วยหรือ”

เยียนอวิ๋นฉีส่ายศีรษะช้าๆ “องค์ชายสองยังตรัสว่าฮ่องเต้กับฮองเฮาจะกลายเป็นศัตรูกันในไม่ช้า”

เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้วพลันยิ้ม “พี่เขยถือว่ามีสติ ไม่ได้หลงอยู่ในวังวน”

เยียนอวิ๋นฉีเต็มไปด้วยความกังวลใจ “ฮ่องเต้กับฮองเฮาจะกลายเป็นศัตรูกัน คนแรกที่ได้รับผลกระทบก็คือตระกูลเถา รองลงมาก็คือองค์ชายสาม ส่วนองค์ชายสองพระวรกายอ่อนแอ ไม่เข้าร่วมการหารือในท้องพระโรง หากเรื่องในราชสำนักไม่เกี่ยวข้องกับการก่อกบฏ โดยทั่วไปแล้วไม่มีทางเดือดร้อนมาถึงเขา

เพียงแต่ต่อจากนี้ชีวิตของพวกเราย่อมไม่ดีนัก ที่ผ่านมา คนที่เยินยอ คนที่คอยประจบเอาใจเกรงว่าจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นทับถม”

เมื่อพูดถึงเรื่องที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เยียนอวิ๋นฉีก็คิ้วขมวดมุ่น

นางดูถูกตระกูลเถา

แต่ตระกูลเถามีความเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของนาง

ฮ่องเต้รับสั่งให้เซียวอี้สังหารนายท่านรองตระกูลเถาก่อน จากนั้นบีบเค้นให้ท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาตายตาม เห็นได้ชัดว่ามีแผนการในการบ่อนทำลายตระกูลเถา ตัดทอนกำลังของตระกูลเถา ลดหย่อนอำนาจของเถาฮองเฮา

คราวนี้เรื่องที่เกิดขึ้นในวังหลังย่อมเป็นการเคลื่อนไหวอย่างมีแผนการ

ฮ่องเต้ทรงต้องการทำสิ่งใด

คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการปราบปรามอำนาจและอิทธิพลของเถาฮองเฮา

เยียนอวิ๋นเกอกล่าว “เถาฮองเฮาไม่ยอมอย่างง่ายดายหรอก”

ตระกูลเถาและเถาฮองเฮามีอิทธิพลระดับหนึ่งในราชสำนัก

หากฮ่องเต้และฮองเฮาเป็นศัตรูกัน ราชสำนักย่อมเกิดการสั่นคลอนที่รุนแรงขึ้น

ยิ่งกว่านั้นองค์ชายสามยังเป็นโอรสที่กำเนิดจากฮองเฮา บรรดาขุนนางที่ให้ความสำคัญกับบุตรที่กำเนิดจากภรรยาเอกย่อมไม่มีทางปล่อยให้ฮ่องเต้ทำสิ่งใดโดยพลการ

เยียนอวิ๋นฉีกล่าว “ข้ากลัวว่าเถาฮองเฮาจะไม่ยอมอย่างง่ายดาย เมื่อถึงเวลาทั้งคู่ปะทะกันขึ้นมา ข้าไม่อาจจินตนาการถึงผลที่ตามมาได้”

เกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นองค์ชายสองจะถูกดึงเข้าไปพัวพันด้วย

เยียนอวิ๋นเกอกล่าว “ความขัดแย้งระหว่างฮ่องเต้และฮองเฮาเป็นเรื่องต้องห้าม ฮ่องเต้เลือกที่จะก่อสงครามขึ้นในเวลานี้ช่างรีบร้อนเสียจริง ทางใต้กำลังทำสงครามอยู่ ปัญหาของเหล่าท่านอ๋องยังไม่ได้รับการแก้ไข เขาก็คิดจะแตะต้องเถาฮองเฮาเสียแล้ว หรือว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้น”

เยียนอวิ๋นฉีส่ายหน้า “ข้าไม่รู้! อาจมีบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังก็เป็นได้”