บทที่ 96 โศกนาฏกรรมของแผนกฉุกเฉิน
บทที่ 96 โศกนาฏกรรมของแผนกฉุกเฉิน
เสียงลมเหนือกรีดอากาศดังหวีดหวิว ขณะที่กระแสน้ำเย็นกำลังโหมกระหน่ำซัดสาด
ฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตา
โจวอี้รีบมาที่วิลล่าข้าง ๆ อย่างรวดเร็วด้วยถังเก็บความร้อนสองถังและร่มกระดาษน้ำมันสีอำพัน
เขาเป็นคนมีน้ำใจมาก
ข้างนอกนี้ฝนกำลังตกหนัก และเพื่อไม่ให้ลูกสาวของเขาโดนฝนโดยไม่ตั้งใจ เขาจึงนำอาหารเช้าไปวางบนโต๊ะด้วยตนเอง
กับข้าวสี่อย่างและซุปอีกหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีเกี๊ยวกุ้ง ซาลาเปาไส้เห็ด และไข่ต้มสี่ฟองด้วย
“มากเกินไปหรือเปล่าคุณโจว” เหม่ยหลานไม่ค่อยกินข้าวเช้าด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นโจวอี้เตรียมอาหารเช้ามากมายเช่นนี้
“ไม่มากหรอก เหมียวเหมี่ยวกำลังโต ร่างกายควรได้สารอาหารมากอยู่แล้ว” โจวอี้ยิ้มก่อนจะเอ่ยเสริมว่า “อีกอย่าง เรามีกันสี่คนน่าจะทานหมดนี้ได้อยู่แล้ว”
“มีของฉันด้วยเหรอคะ” เหม่ยหลานถามด้วยความงุนงง
“แน่นอนสิ! คุณก็เป็นสมาชิกในครอบครัวของเรานะ! เอาล่ะ ไปเอาจานกับตะเกียบมาให้ผมเถอะ!” โจวอี้ว่า
“อ๊ะ! ตกลงค่ะ ฉันจะไปเอามาให้!” เหม่ยหลานพลันรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ จากนั้นเธอก็รีบไปเอาข้าวของในครัวโดยไว
เธอชอบโจวอี้ เพราะคิดว่าเด็กคนนี้ทั้งหน้าตาดีและจิตใจดีไม่น้อย
แม้ว่าตอนนี้เธอจะได้รับเงินเดือนสองก้อนและรับผิดชอบดูแลความสะอาดของวิลล่าทั้งสองหลัง แต่ตราบใดที่โจวอี้อยู่ที่บ้าน เธอจะไม่สามารถมีส่วนร่วมในการทำอาหารได้เลย สรุปแล้วเธอจึงรู้สึกว่างงานมากกว่าเดิม
“พ่อคะ เหมียวเหมี่ยวหิวแล้ว”
ถังเหมียวเหมี่ยวในชุดแจ็คเก็ตบุนวมผ้าฝ้ายขนาดเล็กเดินมาที่ห้องอาหารด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าอันน่ารัก เห็นได้ชัดว่าเธออารมณ์ดีมาก
“หิวก็กินเลย เกี๊ยวกุ้งที่พ่อทำอร่อยมากนะ” โจวอี้อุ้มลูกสาวไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะตักเกี๊ยวกุ้งลงบนจานอาหารของลูกสาวด้วยรอยยิ้ม
“ว้าว เกี๊ยวกุ้งสวยจัง คุณพ่อสุดยอดไปเลย” ถังเหมียวเหมี่ยวปรบมือ
“แน่นอน พ่อของเหมียวเหมี่ยวคือซูเปอร์แมน” โจวอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ซูเปอร์แมน!” ถังเหมียวเหมี่ยวหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข
ถังหว่านที่แต่งตัวเต็มยศเดินเข้ามาจากข้างนอกและชำเลืองมองโจวอี้ ก่อนจะหันไปมองอาหารเช้าอันอุดมสมบูรณ์
ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่าโจวอี้ทำได้ดี อย่างน้อยอาหารเช้าที่เขาทำทุกวันก็อร่อยและรสชาติดีมาก ปกติเธอจะไม่กินอาหารเช้า แต่เดี๋ยวนี้เธอเริ่มทานมันมากขึ้น
“ข้างนอกฝนตกหนัก คุณอยากให้ฉันไปส่งคุณที่โรงพยาบาลก่อนไหม” ถังหว่านนั่งลงก่อนจะเอ่ยถาม
“ไม่ แค่ส่งเหมียวเหมี่ยวไปโรงเรียนก็พอ ผมไม่ต้องไปทำงานเช้ามากก็ได้” โจวอี้ยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แววตาของถังหว่านก็ดูแปลกไป
หญิงสาวหยิบตะเกียบขึ้นมาแต่ยังไม่เริ่มทานในทันที เพราะสายตาคู่นั้นกำลังมองโจวอี้ซึ่งกำลังป้อนข้าวให้ลูกสาวอยู่ จากนั้นเธอก็ถามว่า “คุณทำงานแค่สองวันต่อสัปดาห์จริง ๆ เหรอ?”
“ใช่แล้ว!” โจวอี้พยักหน้า
“ทำไมล่ะ?” ถังหว่านไม่เข้าใจ
“ผู้ชายของคุณมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเชียวนะ และโรงพยาบาลก็จ้างผู้เชี่ยวชาญไว้จำนวนมากอยู่แล้ว ผมแค่ต้องรักษาโรคยาก ๆ เท่านั้น ผู้ป่วยธรรมดาไม่จำเป็นต้องมาถึงมือผมหรอก” โจวอี้พูดอย่างภาคภูมิใจ
“หึ…”
ถังหว่านเม้มปาก ผู้ชายคนนี้เจ้าเล่ห์จริง ๆ
ทว่าโจวอี้ดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงในใจของถังหว่าน เขาชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะพูดด้วยความงุนงงว่า “เหมือนผมจะลืมอะไรไปอย่าง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอให้ผมไปทำงาน แต่เขาไม่ได้พูดถึงเงินเดือนของผมเลยหนิ ไม่นะ! ไม่ได้การแล้ว วันนี้ผมต้องถามไปถามเขาให้ชัดเจน”
“ไม่รู้ว่าเงินเดือนตัวเองเท่าไหร่?” ถังหว่านสับสน
“แค่ก ไม่รู้น่ะสิ” โจวอี้พูดด้วยรอยยิ้มแห้ง
“…”
ถังหว่านไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับโจวอี้ดี แต่เขาทำงานเพียงแค่สองวันต่อสัปดาห์ ดังนั้นเขาก็ไม่น่าจะได้รับเงินเดือนมากเท่าไหร่หรอกใช่ไหม?
“ว่าแต่ ทำไมคุณถึงซื้อพวกอุปกรณ์อัจฉริยะมาล่ะ” ถังหว่านถาม
“แน่นอน! ในยุควิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะได้รับความนิยม เพราะมันใช้งานได้ง่ายและใช้งานได้จริง ทำไมจะต้องไม่ซื้อล่ะ?”
ถังหว่านฟังแล้วก็พูดไม่ออก
ทันใดนั้น เธอก็ชื่นชมความสามารถในการปรับตัวของโจวอี้ เขาออกจากภูเขาชางหลางมานานแค่ไหนแล้วนะ? แถมตอนนี้เขายังรู้วิธีซื้อบ้าน รถยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะมาไว้ที่บ้านอีกด้วย?
หลังอาหารเช้า
ถังหว่านวางแผนที่จะพาลูกสาวไปโรงเรียน แต่โจวอี้หยุดเธอไว้ก่อน
“เอากระติกน้ำร้อนนี้ไปด้วย ข้างในเป็นชาบำรุงปอดที่ผมเตรียมไว้ให้คุณ มันช่วยให้ชุ่มคอและยังช่วยปกป้องเสียงของคุณได้ คุณควรปกป้องเสียงของตัวเองหน่อยเพราะคุณร้องเพลงอยู่ทุกวัน” โจวอี้ยื่นกระติกน้ำร้อนให้ถังหว่าน
“ขอบคุณนะ!”
หญิงสาวมองไปที่โจวอี้อย่างลึกซึ้ง ก่อนจะกล่าวว่า “อย่าลืมคอนเสิร์ตตอนเย็นล่ะ”
“ไม่ต้องห่วง ผมจำได้!” โจวอี้พยักหน้ารับ
เก้าโมงเช้า โจวอี้มาที่โรงพยาบาล
ภายในห้องของโจวอี้ เหลียนซานไม่เพียงแต่ทำความสะอาดเท่านั้น แต่ยังชงชาหอมกรุ่นให้โจวอี้ด้วย จากนั้นก็นั่งรออย่างเงียบ ๆ
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้ปรับเปลี่ยนการจัดเตรียมงานของเธอ
ในวันจันทร์และวันอังคาร เธอต้องเป็นผู้ช่วยโจวอี้ ส่วนในวันพุธและวันพฤหัสบดี เธอแค่นั่งอยู่คนเดียวในแผนกผู้ป่วยนอก… และยังได้พักอีกตั้งสามวันในวันที่เหลือ
สิ่งที่ทำให้เธอพึงพอใจมากที่สุดคือการที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัญญาว่า หากเธอสามารถเรียนรู้จากโจวอี้และปรับปรุงระดับการรักษาพยาบาลต่อไปได้ เธอจะได้รับการพิจารณาและเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น
ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจที่จะพยายามช่วยโจวอี้อย่างเต็มที่ และเรียนรู้จากเขาให้ได้มากที่สุด
“อรุณสวัสดิ์ครับ หมอเหลียน!” โจวอี้เดินเข้าไปในห้องและทักทายเหลียนซานด้วยรอยยิ้ม
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ หมอโจว ฉันชงชาให้คุณแล้ว” เหลียนซานเริ่มแสดงไมตรีจิตทันที
“ขอบคุณครับ!” โจวอี้หยิบถ้วยขึ้นมาและกำลังจะจิบ ทว่ากลับได้ยินเสียงคนเคาะประตูเสียก่อน
“หมอโจวคือคนไหน ฉันเป็นหัวหน้าพยาบาลแผนกฉุกเฉิน ฉันเพิ่งได้รับแจ้งจากหัวหน้าโรงพยาบาลมาว่าขอให้หมอโจวไปที่แผนกฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือบางอย่าง” พยาบาลในวัยสามสิบพูดอย่างเร่งรีบ
“ผมเองครับ!”
โจวอี้วางถ้วยชาลง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น แผนกฉุกเฉินมีอะไรให้ผมช่วย?”
“สวัสดีคุณหมอโจว ตอนนี้สถานการณ์เร่งด่วนมาก รบกวนคุยกันระหว่างเดินไปได้ไหม!?”
“ได้ครับ!”
โจวอี้รีบตามเธอออกไป
ระหว่างทางไปแผนกฉุกเฉิน โจวอี้ก็ได้ฟังเหตุการณ์ทั้งหมด
ทางหลวงพิเศษจินหลิงได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักจนเกิดอุบัติเหตุจราจรหลายครั้งบนทางด่วน รถยนต์มากกว่ายี่สิบคันชนกัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว ๆ หกเจ็ดคน
ส่วนผู้บาดเจ็บมากกว่ายี่สิบรายถูกส่งมายังโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงแห่งนี้
เดิมทีแผนกฉุกเฉินก็มีงานยุ่งมากอยู่แล้ว แต่จู่ ๆ ก็มีผู้บาดเจ็บเข้ามามากกว่ายี่สิบคน ดังนั้นแพทย์จึงขาดแคลนมากกว่าเดิม ถึงแม้ว่าจะเชิญแพทย์จากแผนกอื่นมาแล้ว แต่ก็ยังมีผู้บาดเจ็บสาหัสหลายคนอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย จนแผนกฉุกเฉินต้องวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากโจวอี้เพิ่ม
โจวอี้กับเหลียนซานเดินตามหัวหน้าพยาบาลไปที่แผนกฉุกเฉิน แม้ว่าโจวอี้จะเคยเห็นฉากที่น่าสลดใจของอุบัติเหตุทางรถยนต์มาก่อน แต่เมื่อเข้าไปในแผนกฉุกเฉินและเห็นภาพตรงหน้า อัตราการเต้นของหัวใจของเขายังคงเร็วขึ้นและใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดทันที
เลือดนองไปทั่วพื้น
ผู้บาดเจ็บหลายสิบคนบนเตียงส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่น่ากลัว
ตัวอย่างเช่น ชายวัยกลางคนที่ได้รับบาดเจ็บมีเหล็กเส้นคาอยู่ที่หัว และใบหน้าก็อาบไปด้วยเลือด หรืออีกตัวอย่างหนึ่งคือเด็กหญิงอายุราว ๆ สิบปี แขนและขาซ้ายของเธอหายไป ขณะที่หน้าอกฉีกขาดเป็นแผลยาวที่มีเลือดไหลออกมา…
ไม่นะ นี่มันแย่มากเกินไปแล้ว
โจวอี้เกลียดการคมนาคม และเกลียดผู้ผลิตรถยนต์
อุบัติเหตุจราจรเป็นเพียงเครื่องจักรสำหรับการเก็บเกี่ยวชีวิตมนุษย์เท่านั้น