ตอนที่ 125 ติดคุกติดตะราง

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

ตอนที่ 125 ติดคุกติดตะราง

เดือนเมษายน สถานการณ์ในเมืองไห่ซื่อก็ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ

ชีวิตและหน้าที่การงานของสือฉีก็เริ่มดีขึ้นเช่นกัน

ในฐานะนักวิจารณ์มืออาชีพ เขามีมาตรฐานว่าเขาควรหรือไม่ควรวิจารณ์ใครบ้าง ใครสมควรโดนวิจารณ์รายวัน ใครควรจะโดนทุกวัน หรือแม้แต่ใครควรโดนวันละกี่ครั้ง

นับตั้งแต่ที่เขาได้พบกับไป๋เยี่ย เขาก็รู้สึกเหมือนได้พบกับผู้สูงศักดิ์ เขาติดท็อปสิบหน้าการค้นหารายวันตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาโจมตีไป๋เยี่ย พอครั้งต่อไปก็ยิ่งได้ผลลัพธ์ดีขึ้นกว่าเดิม นั่นคือในที่สุดชื่อของเขาก็ติดอยู่ท็อปสามจนได้!

ยิ่งไปกว่านั้น คราวนี้เขาอยู่ฝ่ายถูกต้อง กองทัพแฟนๆ นับแสนที่คอยสนับสนุนเขาก็พากันเบ่งอำนาจกันใหญ่

เฮ้อ…

บนโลกนี้มีคนแบบเขาที่คอยมานั่งโพสต์ด่าทุกวัน ถ้าอย่างนั้นการได้ด่าใครบางคนก็คงเป็นความสุขอย่างหนึ่งแหละมั้ง

เมื่อสามวันก่อน สือฉีได้รับสายจากบุคคลนิรนามที่ต้องการให้สือฉีเปิดเผยประเด็นที่เกี่ยวข้องกับข้อสอบของไป๋เยี่ย

ยิ่งกุเรื่องได้ใหญ่โตก็ยิ่งเป็นการดี เพราะนี่จะทำให้ไป๋เยี่ยถูกตัดสิทธิ์เรียนต่อปริญญาโท

อีกฝ่ายวางเงินมัดจำให้สือฉีเป็นจำนวนหนึ่งแสนหยวน!

สือฉีซึ่งเป็นนักวิจารณ์มืออาชีพมาหลายปีได้รับข้อเสนอดีๆ เช่นนี้เป็นครั้งแรก อย่างไรการไล่วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วก็เป็นงานอดิเรกของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ครั้งนี้เขายังหาเงินจากการไปวิจารณ์คนอื่นได้ด้วย

จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีก

เทศกาลเชงเม้งใกล้เข้ามาแล้ว สือฉีรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขจึงสั่งชาอวี่เฉียนหลงจิ่งคุณภาพดีจากเพื่อนที่หางโจว

เขามองดูจำนวนผู้ติดตามที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งพลางจิบชาไปด้วย นี่แหละความสุข…

จำนวนผู้ติดตามของเขาเพิ่มขึ้นมาหนึ่งล้านคนภายในเวลาหนึ่งวัน

เมื่อใดก็ตามที่เขาออกคำสั่งให้เดินทัพไปที่ไป๋เยี่ย เหล่ากองทหารตระกูลสือที่เตรียม ‘ถ่มถุย‘ เต็มที่หลายแสนคนก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรต่อเลย แค่คว้าเมาส์และจดปลายนิ้วลงบนคีย์บอร์ดให้พร้อมก็พอ

สุดยอดมาก!

ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้สือฉีก็มีผู้ติดตามราวๆ ห้าล้านคนแล้ว ต่อไปคำวิพากษณ์วิจารณ์ของเขาก็จะฟังดูมีราคามากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาก็ยังเป็นนักวิจารณ์ที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้ผดุงความถูกต้อง ที่คอยโจมตีนักวิจารณ์คนอื่นๆ ที่มีแนวคิดเสื่อมเสีย

เขาคิดว่าเขาควรติดต่อทางการเวยป๋อและเปลี่ยนแท็กบนชื่อแอ็กเคานต์ของเขาให้เหมาะสม…

ส่วนเรื่องหมายศาลน่ะเหรอ

ฮ่า! ในฐานะนักวิจารณ์คนหนึ่ง นี่ถือเป็นเกียรติบัตรของเขาเลย ไม่มีหมายศาลส่งมาถึงบ้านสักพักหนึ่งแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้นก็รับไป!

การขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นเรื่องที่ดี!

เพราะมันเป็นเครื่องมือที่คุณภาพสูง ราคาถูก และคุ้มค่ามากในการเพิ่มผู้ติดตาม และมันอาจทำให้ชื่อของเขาติดอยู่บนท็อปเสิร์ชอีกสักสองสามวัน

เขากำลังกังวลว่าไป๋เยี่ยจะทำให้เขาดังได้แค่ไม่กี่วันเท่านั้น!

เมื่อเขาเห็นโพสต์จากผู้อำนวยการคนใหม่ของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี ก็รีบวอร์มนิ้วพิมพ์ด่าทันที!

ให้อ่านบทความงั้นเหรอ ปล่อยเขาอ่านเองเถอะงั้น! ถ้าเราอ่านรู้เรื่องแล้วจะเอาอะไรไปด่า

ยอดปรมาจารย์สือฉีไม่เข้าใจข้อความภาษาอังกฤษ หรือตัวแปรคณิตศาสตร์พรรค์นั้นหรอกน่า

แต่เขาก็ยังพอมีวิธีเปลี่ยนขาวเป็นดำอยู่!

[หมายศาล นี่เหรอฟางเส้นสุดท้ายของคุณ]

[คำตอบของผู้อำนวยการโดนใจผมมาก ผมประทับใจที่ยังมีบุคลาการทางวิชาการที่มีความรู้หลงเหลืออยู่ในประเทศของเรา แต่…นี่ใช่เหตุผลที่จะทำให้ผมเชื่อใจไป๋เยี่ยได้จริงๆ เหรอครับ]

[ลองคิดดูสิครับ จริงๆ แล้วนี่เป็นเรื่องแต่งที่สร้างขึ้นโดยเต็มไปด้วยช่องโหว่มากมาย คุณบอกว่าไม่มีเพื่อนคุณช่วยคุณแก้ปัญหาได้เลยสักคน แต่ไป๋เยี่ยกลับเป็นคนที่แก้ปัญหาได้…ฮ่าๆ…ผมเชื่อคุณนะ…แต่เพื่อนของคุณจะเชื่อไหม คุณจางฮั่นหลิน คุณเป็นหัวหน้างานระดับปริญญาเอกเลยนะ เพื่อนๆ ของคุณห่วยแตกขนาดนั้นเลยเหรอ]

[เอาละ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้ดีกว่า มาพูดถึงบทความกันดีกว่า จะว่าไป…ผมไม่พบข้อมูลการวิเคราะห์อะไรจากบทความอื่นๆ เลย! เป็นไปได้ไหมที่ไป๋เยี่ยจะไม่เพียงแต่เป็นเลิศในด้านสถิติเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถด้านอื่นๆ อีกด้วย ทั้งเรื่องวัสดุศาสตร์ อณูชีววิทยา ว้าว ชีววิทยาของเซลล์อีก…โอ้พระเจ้า! คุณมั่นใจในตัวเขาจริงเหรอ]

[บทความสิบห้าฉบับ ได้เป็นผู้เขียนหลักฉบับสามฉบับ ผู้เขียนร่วมอีกสิบสองฉบับ บทความแต่ละฉบับเป็นหัวข้อเกี่ยวกับศาสตร์วิชาที่แตกต่างกันถึงสิบสามสาขา ไป๋เยี่ยนี่มากความสามารถถึงขั้นช่วยทุกคนแก้ปัญหาเลยเหรอ เขาเป็นอเวนเจอร์สหรือไง…อย่าไร้สาระน่า โอเคไหมครับ]

สือฉีพิมพ์เสร็จก็กดโพสต์ทันที ทว่าเขาก็ยังรู้สึกว่าโพสต์นั้นยังไม่สมบูรณ์สักเท่าไหร่ แม้ว่าตอนนี้มือของเขาจะชุ่มไปด้วยเหงื่อก็ตาม เขากำลังได้อารมณ์พร้อมบวกกับทุกคนพอดีเลย! หยุดไม่ได้แล้ว!

โพสต์ชวนช็อกโลกได้กลับมาอีกครั้ง!

[ผมยอมเสียสละ ชี้แนะทั้งใต้หล้าเพื่อแปรเปลี่ยนท้องนภา! ผมหวังว่าบนท้องฟ้าผืนนี้จะยังมีดวงเดือนและดวงตะวันให้พวกเราได้เชยชม แต่ถ้าผมต้องติดคุกติดตะรางขึ้นมาล่ะ!]

[อาจจะมีบางเรื่องที่ผมไม่ควรทำ แต่ผมก็ตัดสินใจทำลงไป! เพราะว่าผมเห็น! ถ้าผมไม่ทำมัน ทั้งจิตสำนึก สัจจะ และจิตวิญญาณของผม…ทั้งหมดนั้นมันจะขัดแย้งกับตัวตนของผมเอง!”]

[บางทีถ้าผมทำแบบนี้ ผมอาจจะไปแตะต้องผลประโยชน์ของกลุ่มคนบางกลุ่ม หรือองค์กรบางองค์กร ไม่ก็ถูกจำกัดสิทธิ์บางอย่าง หรือไม่ก็ถึงขั้นติดคุกเลยก็ได้!]

[แต่ผมไม่กลัวหรอกนะ! เพราะทั้งความคิด จิตวิญญาณ…และคีย์บอร์ดของผมจะไม่เกรงกลัวสิ่งใดทั้งนั้น ในฐานะนักวิจารณ์ ผมรู้ดีว่าหน้าที่ของผมคืออะไร! ครั้นต้องเผชิญกับสิ่งที่อยุติธรรม…ผม ‘สือฉี’ มีหน้าที่ต้องแสดงความคิดเห็นของตนต่อสาธารณชน!]

[ผมยอมเสียสละ ชี้แนะทั้งใต้หล้าเพื่อแปรเปลี่ยนท้องนภา! ผมหวังว่าบนท้องฟ้าผืนนี้จะยังมีดวงเดือนและดวงตะวันให้พวกเราได้เชยชม แต่ถ้าผมต้องติดคุกติดตะรางขึ้นมาล่ะ!]

สือฉีพิมพ์เสร็จก็พึงพอใจมาก!

แต่เขากลับรู้สึกว่ายังมีบางอย่างขาดหายไป จู่ๆ เขาเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขาชูหมายศาลขึ้นก่อนจะคว้าโทรศัพท์มาถ่ายเซลฟี่!

เยี่ยมยอด!

เท่านี้ก็เพอร์เฟ็กต์แล้ว โพสต์เลยแล้วกัน!

รูปนั้นถูกโพสต์ลงเวยป๋อในที่สุด…

สือฉีจิบชาพลางนั่งมองจำนวนความคิดเห็นที่ค่อยๆ ผุดขึ้นมา

[พูดได้ดี! อาจารย์สือฉีพูดได้ดีมาก!]

[คุณมีความทะเยอทะยานมาก ‘ผมยอมเสียสละ ชี้แนะทั้งใต้หล้าเพื่อแปรเปลี่ยนท้องนภา! ผมหวังว่าบนท้องฟ้าผืนนี้จะยังมีดวงเดือนและดวงตะวันให้พวกเราได้เชยชม แต่ถ้าผมต้องติดคุกติดตะรางขึ้นมาล่ะ!’ อ่านแล้วน้ำตาจะไหล…อาจารย์สือฉีคุณเป็นคนดีมาก ฉันเข้าใจคุณผิดไปแล้ว!]

[อาจารย์สือฉี ต่อจากนี้ไปผมจะเป็นแฟนคลับตัวยงของคุณ!]

[มาสนับสนุนอาจารย์สือฉีและปราบปรามการฉ้อโกงกันเถอะ! นำความโปร่งใสมาสู่แวดวงวิชาการกัน]

[ผมหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเพิ่มบทลงโทษสำหรับการฉ้อโกงและพฤติกรรมอื่น ๆ และสร้างมาตรฐานทางวิชาการใหม่สักที…]

[ทั้งมหาวิทยาลัยยอมออกหน้าแทนนักศึกษาคนเดียวแบบนี้ หน้าไม่อายจริงๆ พูดตามตรง มันคุ้มเหรอ สำหรับการทำเพื่อนักศึกษาแค่คนเดียวน่ะ]

สือฉีอ่านความคิดเห็นแต่ละรายการก่อนจะพยักหน้าลงด้วยความพึงพอใจ เขามีความสุขมาก ยังนั่งคิดเล่นๆ ว่าคืนนี้เขาจะไปหาเรื่องสนุกๆ จากที่ไหนอีกดี…