ตอนที่ 111 การประลอง ถงเหล่าวิงวอนถึงเรือน (5)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 111 การประลอง ถงเหล่าวิงวอนถึงเรือน (5)

หนิงเซ่าชิงไม่ยอมอ่อนข้อ “เช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นคอยดูกันต่อไปเถอะว่าฮูหยินของข้าจะดวงแข็ง หรือว่าคุณชายถงจะชะตาดี”

จริงอยู่ที่จุดอ่อนของหนิงเซ่าชิงคือมั่วเชียนเสวี่ย แต่ว่า…ท่านผู้เฒ่าถงก็มีจุดอ่อนเช่นกัน!

“บุตรชายของข้าย่อมมีข้าคอยปกป้อง เกรงแค่ว่า หนิงเหนียงจื่อคงไม่อาจทนต่อการทรมานของมารดาและน้องชายของคุณชายได้”

หัวใจของหนิงเซ่าชิงดังตึง สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ทว่าน้ำเสียงยังคงหนักแน่น “ข้าขอไม่รบกวนท่านผู้เฒ่าถงคอยเป็นกังวล”

ท่านผู้เฒ่าถงผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เห็นว่าข่มขู่ไม่ได้ผล จึงเปลี่ยนเป็นขอร้อง “บุตรชายของข้าและหนิงเหนียงจื่อพบเจอกันครั้งแรกแต่กลับคล้ายรู้จักกันมานาน ข้ามีใจคิดอยากจะรับนางเป็นบุตร ไม่รู้ว่าคุณชายหนิงคิดเช่นไร”

เท้าที่จะก้าวเดินออกไปของหนิงเซ่าชิงหยุดชะงัก

หากตระกูลถงยินดีที่จะปกป้องเชียนเสวี่ย หลังจากวันนี้เขาก็สามารถวางใจได้แล้วจริงๆ แม้หนิงเซ่าหยางจะสืบรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ อยากจะจัดการเขา เขาก็ไม่กลัว

อีกทั้ง เฉกเช่นเดียวกับที่ท่านผู้เฒ่าถงกล่าว เชียนเสวี่ยไม่มีวรยุทธ์ อันตรายมากจริงๆ

หากมีตระกูลถงคอยปกป้อง มีความสัมพันธ์เช่นนี้กับตระกูลถง หนิงเซ่าหยางคงจะปรานีนาง

เขากับอาซาน อาอู่ และอิ่งซารวมกันก็แค่สี่คน หากมีวันนั้นจริงๆ จะปกป้องเชียนเสวี่ยได้อย่างไร

หนิงเซ่าชิงนิ่ง… ครุ่นคิดในใจ

เสียงของมั่วเชียนเสวี่ยดังเข้ามาจากด้านนอก “ข้าและท่านผู้เฒ่าเพียงแค่มีข้อแลกเปลี่ยนร่วมกัน เจอกันครั้งแรกคล้ายรู้จักกันมานานได้อย่างไร”

เวลานี้มั่วเชียนเสวี่ยแต่งกายเรียบร้อยแล้ว เพิ่งเดินมาถึงหน้าห้องโถงก็ได้ยินท่านผู้เฒ่าถงบอกว่าจะรับนางเป็นบุตร นางโมโหจนเกือบกระอักเลือด

อยากจะรับนางเป็นบุตรลูก? ช่างเป็นเรื่องที่ตลกเสียจริง!

ผู้ที่หวงแหนชื่อเสียงของตนเช่นเขา แม้กระทั่งบุตรชายแท้ๆ ของตนยังบีบคั้นให้บ้าได้ ควรค่าเป็นบิดานางด้วยหรือ

“เชียนเสวี่ย เจ้าออกมาทำไม…”

เดิมทีพ่อบ้านถงยืนอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าห้องโถงมาโดยตลอด สังเกตการเสวนาของนายท่านและหนิงเซ่าชิงตลอดเวลา ตอนนี้เห็นมั่วเชียนเสวี่ยเดินมา ด้วยความกังวล ยังไม่รอให้นายท่านของตนเอ่ย ก็พูดแทรกหนิงเซ่าชิงขึ้นมา ตึง เสียงคุกเข่าดังขึ้น

“หนิงเหนียงจื่อ ได้โปรด สงสารคุณชายของข้าน้อยเถอะ”

“จื่อจิ้งเป็นอะไร”

“หลายวันมานี้ ทันทีที่คุณชายตื่นนอนก็เอาแต่มองไปที่ประตู รอหนิงเหนียงจื่อ วันนี้ถึงเวลาแล้วแต่หนิงเหนียงจื่อไม่มา จึงเริ่มหงุดหงิดกระสับกระส่าย ด้วยเหตุนี้บ่าวรับใช้จึงบอกสิ่งที่หนิงเหนียงจื่อฝากองครักษ์มาพูด ไม่คิดว่าหลังจากคุณชายฟังแล้ว โยนข้าวของในห้องทิ้งทั้งหมด หลังจากนั้น หลังจากนั้น ก็เริ่มคร่ำครวญเจียนตาย ประเดี๋ยวคุณชายร้องไห้แล้วบอกว่าบนโลกใบนี้ไม่มีผู้ใดต้องการเขา ประเดี๋ยวหัวเราะ…พวกบ่าวรับใช้เข้าไปเกลี้ยกล่อม คุณชายเขวี้ยงปาข้าวของใส่พวกเขา ให้พวกเขาไสหัวไป ทั้งยังบอกว่า…ว่า…ว่า…”

หัวใจของมั่วเชียนเสวี่ยดังตึง ถามด้วยความร้อนใจ “บอกว่าอะไร”

“คุณชาย…คุณชายบอกว่า…” พ่อบ้านพูดติดอ่างจนมั่วเชียนเสวี่ยร้อนใจแทบแย่ ดีที่สุดท้าย เหมือนเขาทุ่มสุดตัว พูดออกมาหนึ่งประโยค “คุณชายบอกว่า เขาต้องการหนิงเหนียงจื่อเพียงคนเดียว…”

คำพูดนี้กล่าวออกมา ราวกับฟ้าผ่าลงมาจากสวรรค์ มั่วเชียนเสวี่ยไหม้เกรียมไปหมด

ทั้งยังทำให้สีหน้าของหนิงเซ่าชิงจากเยือกเย็นแปรเปลี่ยนเป็นดำทมิฬ

หนิงเซ่าชิงหงุดหงิดมากอยู่แล้ว ถึงแม้เขาจะเดาได้ว่าไม่ใช่คำพูดที่ดีอะไร ทว่าคิดไม่ถึงถงจื่อจิ้งกล้าพูดอย่างเปิดเผยว่าต้องการภรรยาของตน

คิ้วกระดิกเต้น เขากำหมัดแน่น จึงไม่ได้เสียมารยาทชกพ่อบ้านถงให้หน้าคว่ำ

สีหน้าเยือกเย็นราวน้ำแข็ง พูดตะคอก “อาซาน อาอู่ เอาตัวสองคนนี้ออกไป”

“ขอรับ”

อาซาน อาอู่ลงมือ คนหนึ่งลากท่านผู้เฒ่าถง คนหนึ่งลากพ่อบ้านถงที่อยู่บนพื้น

ท่านผู้เฒ่าถงสะบัดแขนเสื้อ สลัดอาซานทิ้ง “หนิงเซ่าชิง แล้วเจ้าจะเสียใจ” เขากำลังจะก้าวเดินออกไป

พ่อบ้านถงกลับคุกเข่าอยู่บนพื้น ไม่ยอมไป คำนับหมอบกราบมั่วเชียนเสวี่ย พูดวิงวอน “หนิงเหนียงจื่อ…”

แม้ท่านผู้เฒ่าถงทำทีจะเดินออกไป แต่กลับไม่ได้เดินออกไปจริงๆ เดินไปถึงริมประตูแล้วหยุดลง

เหยียดหลังตรง หัวไหล่สั่นเทา

เวลานี้หนิงเซ่าชิงจัดการอารมณ์ของตนเองเรียบร้อยแล้ว กลับไปนั่งอีกครั้ง เป่าน้ำชาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทั้งสองฝ่าย มั่วเชียนเสวี่ยปวดหัวจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

นางหันไปมองหนิงเซ่าชิง เมื่อคืนยังทำเช่นนั้น เมื่อครู่ยังอ่อนโยน เวลานี้กลับเปลี่ยนไปกะทันหัน นางทำแบบเขาไม่ได้จริงๆ

นางหันไปมองพ่อบ้านถงที่คุกเข่าอ้อนวอนอยู่บนพื้น หากอาการป่วยของถงจื่อจิ้งกำเริบจริงๆ วันข้างหน้ายากที่จะรักษา นางเองก็คงไม่สบายใจไปชั่วชีวิต มั่วเชียนเสวี่ยหันไปมองหนิงเซ่าชิงอีกครั้งอย่างลำบากใจ แววตาของมั่วเชียนเสวี่ยเปี่ยมไปด้วยการอ้อนวอน

หนิงเซ่าชิงไม่ยอมมองนาง จิตใจของนางกระวนกระวายยิ่งนัก

ถงจื่อจิ้ง นางจะต้องไปเยี่ยมแน่นอน แต่ว่า นางอยากจะไปโดยได้รับอนุญาตจากเขา ไม่ใช่ ไปด้วยความดื้อดึงโดยไม่สนใจความรู้สึกของเขา ยืนกรานที่จะออกไปจากเรือน

หนิงเซ่าชิงสัมผัสถึงสายตาของมั่วเชียนเสวี่ย เขารู้ถึงความขัดแย้งในใจของนาง เพียงแต่ เขาไม่ใจกว้างมากพอที่จะให้ภรรยาของตนเป็นห่วงผู้อื่น แม้ว่า ในสายตาของนาง คนผู้นั้นจะเป็นเพียงคนน่าสงสารที่ได้รับการเห็นอกเห็นใจ

มั่วเชียนเสวี่ยมองอยู่นาน แต่ไม่ได้รับคำตอบ นางหม่นหมองไปทั้งหัวใจ หันหน้ากลับไป แววตามีความหนักแน่นเล็กน้อย ในเมื่อ เขาไม่เห็นใจ เช่นนั้น นางทำได้เพียงจัดการเรื่องของถงจื่อจิ้งให้เรียบร้อย หลังจากนั้นค่อยกลับมารับโทษจากเขา

“พ่อบ้านถงได้โปรดลุกขึ้น ข้า…” มั่วเชียนเสวี่ยพยุงพ่อบ้านถง ขณะที่นางกำลังจะพูดการตัดสินใจของตน

“ข้าจะไปเรือนตระกูลถงพร้อมกับเจ้า” จู่ๆ หนิงเซ่าชิงก็ลุกขึ้น จับจ้องมาที่นาง สีหน้าเยือกเย็นทว่าจนปัญญา เขาพูดทีละคำ “รับถงจื่อจิ้งกลับมา ดูแลให้ดี”

ในเมื่อนางจะไป เช่นนั้นก็ให้เขาไปกับนาง คนบางคน เรื่องบางเรื่อง ต้องอยู่ในสายตาขงตนเองจึงจะวางใจมากขึ้น

“หืม?” มั่วเชียนเสวี่ยใจเต้นแรงอย่างอธิบายไม่ได้ ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือความจริง มองหนิงเซ่าชิงด้วยความไม่แน่ใจเล็กน้อย เห็นสีหน้าของเขาแม้จะบูดบึ้ง ทว่าพยักหน้าให้ตน จึงได้แน่ใจ

ภายในใจทั้งกลัว ทั้งกระวนกระวาย นอกจากนี้ยังมีความรู้สึกหวานชื่นที่ไม่อาจอธิบายได้ คาดว่า เขาตัดสินใจทำเช่นนี้ ต้องเจ็บปวดอย่างมากแน่นอน

หนิงเซ่าชิงยอมถอยแล้ว ทว่ามีคนไม่ยินยอม

ท่านผู้เฒ่าถงหันหลังกลับมา พูดตำหนิ “สามหาว บุตรชายของข้าสุขภาพร่างกายไม่ดีอยู่แล้ว จะทนกับการกระทบกระทั่งได้อย่างไร เจ้ามีเจตนาร้าย การกระทำเช่นนี้ ไม่ใช่การกระทำของวิญญูชน!”

เขากวาดมองข้าวของเครื่องใช้ในห้อง พูดด้วยความดูถูก “ห้องซอมซ่อเช่นนี้…”

“ห้องซอมซ่อนี้ดีกว่าเรือนที่ใช้กักขังนับร้อยเท่า” มั่วเชียนเสวี่ยพูดแทรกเขา

“เจ้า…” ท่านผู้เฒ่าถงคิดไม่ถึงว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะถากถางตนด้วยความหยาบคายเช่นนี้ เคืองขุ่นเล็กน้อย “ถึงอย่างไร ให้จิ้งเอ๋อร์มาที่นี่ ข้าไม่ยอม!”

“ท่านไม่เห็นด้วย? ท่านมีสิทธิ์อะไรไม่เห็นด้วย! หากไม่ใช่ท่าน เขาก็ไม่มีวันเป็นเช่นทุกวันนี้”

คำพูดแทงใจดำท่านผู้เฒ่าถง เขาโมโหยิ่งนัก เดินย้อนกลับมาหนึ่งเก้า ขยับเข้าไปใกล้มั่วเชียนเสวี่ย “ข้าเป็นบิดาของเขา เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับข้า เจ้าต่างหาก หนิงเหนียงจื่อ ตอนนั้นข้ากับเจ้าตกลงกันแล้ว หากรักษาบุตรชายของข้าหาย ข้าจะยกหุบเขานั่นให้เจ้า ตอนนี้เจ้าไม่อยากได้หุบเขานั่นแล้วหรือ”