นี่กำลังทำอันใดกัน

เพราะว่าสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาถูกกระตุ้นด้วยแสงสมบัติล้ำค่าจากทางเหนือ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวอื่นๆ ของหลี่ฉางโซ่วก็เข้ามาใกล้หมู่บ้านและซ่อนตัวอยู่บนยอดพฤกษาใหญ่ จะได้สามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในหมู่บ้านได้

ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีชาวบ้านหลายร้อยคนมารวมตัวกันล้อมรอบประตูหมู่บ้าน ซึ่งมีการจัดเวที และมีผู้คนหลายคนที่สวมชุดคลุมเต๋ากระโดดขึ้นไปบนนั้นในขณะที่มีคนกำลังแสดงธรรมกถาอยู่ที่นั่น

มีคนมาแสดงธรรมที่นี่…เขามองเห็นว่าแหล่งกำเนิดแสงสมบัติล้ำค่านั้นเป็นรูปปั้นดินเหนียวที่อยู่เบื้องหลัง ‘ผู้แสดงธรรมกถา’ เหล่านี้อย่างชัดเจน

หลี่ฉางโซ่วยิ้มในใจ และจากนั้นตุ๊กตากระดาษก็กลายร่างเป็นชายวัยกลางคนก่อนที่พวกมันจะกระโดดลงมาจากยอดไม้แล้วจากไปทันที

เขาคิดว่ามีสมบัติบางอย่างเกิดขึ้นและคิดจะไปเอามันมา

ทุกวันนี้จะมีสมบัติมากมายให้เขาไปเก็บได้จากที่ใดเล่า

หากการแสดงธรรมเช่นนี้เกิดขึ้นนอกดินแดนเทวะทักษิณ กว่าแปดในสิบส่วนที่ดำเนินการโดยสำนักใหญ่บางแห่งก็จะเป็นกิจกรรมที่เผยแผ่ออกไปเพื่อสรรหาศิษย์

ทว่าหากมีบางอย่างเกิดขึ้นในดินแดนเทวะทักษิณ ก็อาจเป็นการหลอกลวงเอาเงินหรือรวบรวมเอาเครื่องสักการะและของถวายทำบุญ

สิ่งเหล่านี้ล้วนเห็นได้ทั่วไป

ขอบเขตพลังที่นักเทศน์เหล่านั้นเปิดเผยออกมา ล้วนอยู่ในขอบเขตสร้างปราณวิญญาณเทพขั้นสามหรือสี่

ในขณะที่นักพรตเต๋าชราผู้ปกป้องรูปปั้นดินเหนียวสูงสามฉื่อนั้นได้เผยฐานพลังในขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นสูงสุดซึ่งเข้าใกล้ขอบเขตคืนกลับเต๋าวิถี

กล่าวโดยสรุปก็คือ มันไม่เกี่ยวข้องกับเขา

จากนั้นตุ๊กตากระดาษก็ร่ายเวทผนึกมือขณะที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ แล้วใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเพื่อหลบหนี

เสียงสวดพระสูตรดังก้องมาจากสายลมและไปถึงหูของตุ๊กตากระดาษรวมไปถึงหัวใจของหลี่ฉางโซ่วด้วย

จากนั้นก็ได้ยินเสียงร่ายบทกวี

“ด้วยปณิธานอันแรงกล้าที่จะบรรลุเต๋าสูงสุด และรู้แจ้งแห่งสำนักบำเพ็ญประจิม…”

สำนักบำเพ็ญประจิม?

ตุ๊กตากระดาษร่ายเวทผนึกด้วยมือทั้งสองเร็วขึ้น และทันทีที่มีระลอกคลื่นเล็กๆ ปรากฏขึ้นที่พื้นต่อหน้าพวกมัน ตุ๊กตากระดาษก็แทบรอไม่ไหวที่จะเข้าไปข้างใน

พวกมันเคลื่อนไหวเร็วกว่าเมื่อก่อนสามเท่า

ในเวลาเดียวกันนั้น ร่างจริงของหลี่ฉางโซ่วที่เป็นร่างหลักต้นกำเนิดซึ่งอยู่บนเกาะร้างก็ลุกขึ้นและร่ายเวทลวงตาเพื่อแปลงร่างเป็นปลาแล้วแหวกว่ายตรงไปทางทิศตะวันออก

สำนักบำเพ็ญประจิมก่อให้เกิดเหตุและผลของกรรมที่ยิ่งใหญ่ แล้วเขาจะรอช้าไปไยเล่า เขาต้องรีบออกไปจากที่นี่

ไม่คิดว่าสำนักบำเพ็ญประจิมจะมารวบรวมเอาเครื่องสักการะถึงสถานที่ในส่วนตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนเทวะทักษิณซึ่งอยู่ห่างจากดินแดนเทวะประจิมมากเช่นนี้

แต่เมื่อหลี่ฉางโซ่วกำลังจะหลบหนี สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็ค้นพบสิ่งแปลกประหลาดในทะเลทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ได้ในทันใด

ห่างออกไปประมาณแปดร้อยลี้ มีกลิ่นอายพลังปีศาจที่เข้มข้นแข็งแกร่งซึ่งกำลังว่ายน้ำไปยังทิศทางของแสงสมบัติล้ำค่าที่สาดประกายออกมา

หลี่ฉางโซ่วหยุดทันทีแล้วดำดิ่งลงไปที่ก้นทะเลขณะที่พยายามปกปิดร่องรอยของตัวเขาอย่างเต็มที่

เขาหยุดตุ๊กตากระดาษซึ่งยังคงเดินทางอยู่ใต้ดินเช่นกันและพวกมันก็หยุดอยู่นิ่งๆ ใต้พื้นดินนั้น

แสงสมบัติล้ำค่าของหมู่บ้านดึงดูดปีศาจทะเลหรือไม่

นี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่

หลังจากสังเกตอย่างรอบคอบอยู่ชั่วครู่ เขาก็พบว่าขอบเขตพลังของปีศาจใหญ่ในทะเลนี้เทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญในขอบเขตเซียนเสิ่นขั้นต้น ร่างที่ห่อหุ้มไปด้วยลมปราณปีศาจนั้นเป็นปลาขนาดใหญ่ที่มีลักษณะแปลกๆ ซึ่งค่อนข้างคล้ายกับกระเบนราหู แต่มันมีลำตัวใหญ่กว่าด้วยความยาวและกว้างมากกว่าหนึ่งร้อยจั้ง

หากเขามองว่าอีกฝ่ายกำลังปกปิดขอบเขตพลังของมันอยู่ ก็คิดว่ามันน่าจะอยู่ในราวๆ เซียนเสิ่นขั้นปลาย

ภายใต้พลังแข็งแกร่งของปีศาจ ร่างปีศาจนี้ยังคงถูกห่อหุ้มด้วยแสงพลุ่งพล่านสีแดงเลือดราวกับเปลวเพลิง

นี่เป็นตัวบ่งชี้ถึงความชั่วร้ายของสิ่งมีชีวิตตัวนี้ และกรรมหนักของมันก็ได้ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาด้วยบาปของมันแล้ว

ทันใดนั้นหัวใจของหลี่ฉางโซ่วพลันเต้นแรง

แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าเขาชอบของแปลกประหลาดเช่นนี้เป็นพิเศษ แต่เขาสนใจเพียงพลังแห่งกรรมชั่วของปีศาจใหญ่นี้เท่านั้น

และการขจัดกรรมชั่วที่หนักหนาเช่นนี้จะทำให้เขาได้รับบุญมากมาย!

ข้าควรสังหารปีศาจใหญ่ตัวนี้หรือไม่

หลี่ฉางโซ่วคิดในใจอย่างรวดเร็ว

หลังจากทะยานขึ้นเป็นเซียนแล้ว ภูมิหลังของเขาอ่อนแอเกินไป และเขาก็ไม่ได้มีสมบัติมากมาย

บุญเป็นสิ่งที่ดีและค่อนข้างหายาก

หากเขาเอาแต่บำเพ็ญเพียรอยู่ในสำนักโดยไม่ทำความดีที่ส่งผลต่อความมั่นคงแห่งสวรรค์และปฐพี เขาย่อมจะไม่ได้รับสิ่งใดๆ แม้แต่สิ่งเดียวเป็นเวลาหลายร้อยปี

หากเขาเป็นคนใจหินและดุร้ายที่อุทิศตนเพื่อใช้พลังพิสูจน์เต๋า เขาย่อมต้องหลีกเลี่ยงการได้รับพรจากบุญ ดังนั้นจึงต้องให้แน่ใจว่าขั้นตอนต่อมาจะไม่ได้รับผลกระทบจากวิถีแห่งเต๋าสวรรค์ในภายหลัง

แต่หลี่ฉางโซ่วไม่ได้มีอุดมการณ์อันสูงส่งเช่นนี้ และประเด็นที่เขาคิดก็ต้องเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

หากมีบุญที่จะปกป้องตัวเขามากขึ้น เขาก็ย่อมจะปลอดภัยมากขึ้นเช่นกัน

หากในอนาคตได้บุญมาก เขาจะไม่ทำตามแบบอย่างของเหล่าผู้อาวุโสในการฝึกฝนอาวุธเวท แต่เขาจะสร้างร่างทองแห่งบุญก่อน!

ร่างทองแห่งบุญนั้นเปรียบได้กับการมีป้ายทองคำละเว้นโทษตาย ดังนั้นไม่ว่าจะประสบภัยพิบัติใดๆ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวมากจนเกินไป

ในเวลานั้น แม้เซียนจะโจมตีเขาอย่างรุนแรง เขาก็ยังต้องคิดให้ถี่ถ้วนว่าจะสูญเสียพลังบุญของร่างทองแห่งบุญไปมากหรือไม่

แน่นอนว่า ร่างทองแห่งบุญนั้นหาได้ยากยิ่ง และมันต้องใช้พลังบุญมหาศาล

จวบจนถึงบัดนี้ เต๋าสวรรค์ได้สมบูรณ์แบบมากขึ้นแล้ว และไม่มีโอกาสมากนักที่เขาจะได้รับบุญใหญ่

การไปศาลสวรรค์จะมีโอกาสดีกว่าที่จะได้รับบุญมากขึ้น ซึ่งหลี่ฉางโซ่วก็เคยพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องนี้มาก่อนด้วยเช่นกัน

กลับมาพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้ากันก่อน

การสังหารปีศาจใหญ่ตัวนี้จะให้ผลบุญมหาศาลอย่างแน่นอน

ดังคำกล่าวที่ว่า ‘กองทรายกลายเป็นภูเขา และหยดน้ำกลายเป็นทะเล’ ทุกอย่างย่อมต้องมีจุดเริ่มต้น

ส่วนเหตุและผลของกรรมกับเผ่าปีศาจ…

เผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจล้วนเป็นศัตรูตัวฉกาจ ต่อให้หลี่ฉางโซ่วจะสุภาพต่อเผ่าปีศาจก็ตาม แต่หากวันหนึ่งเขาตกไปอยู่ในมือของปรมาจารย์เผ่าปีศาจ เขาก็จะถูกโยนลงไปทอดในกระทะที่มีน้ำมันท่วมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

เขาไม่จำเป็นต้องสุภาพต่อเผ่าปีศาจเลย

แต่หากคิดว่าพวกมันอาจปิดบังขอบเขตพลังของพวกมันเอาไว้ หลี่ฉางโซ่วก็ต้องแบกรับความเสี่ยงเล็กน้อยเช่นกัน

ที่นี่คือทะเลทักษิณ ไม่ใช่สถานที่ที่ให้เหล่าปีศาจมารวมตัวกัน ภายในรัศมีสองพันลี้นี้ มีเพียงปีศาจใหญ่ตัวนี้เท่านั้น และมีเกาะหนึ่งที่มีเพียงปีศาจน้อยอยู่กันประปราย

ยามนี้หลี่ฉางโซ่วพัฒนาหลีกลี้วารีเร้นกายและหลีกลี้ปฐพีซ่อนกายสำเร็จแล้ว จึงไม่มีปัญหาในการเดินทางวันละหนึ่งแสนลี้ ซึ่งหลังจากสังหารมันด้วยตัวเองแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็จะรีบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในดินแดนมนุษย์ทันทีโดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีปีศาจตัวอื่นมาล้างแค้นเขา

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสามารถหยุดมันอย่างมั่นใจในความปลอดภัยของตัวเอง แต่การดูปีศาจปลาใหญ่ตัวนี้สังหารผู้คนในเผ่าพันธุ์เดียวกัน ย่อมไม่ใช่เรื่องสมควรแม้แต่น้อย

เพราะเขาก็ผ่านมาสองชีวิตแล้วเช่นกัน…

แม้หลี่ฉางโซ่วจะยังคงกังขาว่าผู้คนจากหมู่บ้านสงนั้นจะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับเขาหรือไม่ เขาก็ต้องจัดการไปก่อน

……

ด้วยความคิดที่จะลองทำ หลี่ฉางโซ่วก็ใช้หลีกลี้วารีเร้นกายซึ่งเร็วกว่าปีศาจใหญ่ถึงสิบเท่าเพื่อรีบพุ่งไปยังพื้นที่ทะเลซึ่งห่างจากชายฝั่งไปหนึ่งร้อยลี้เงียบๆ

นอกจากสำนักเซียนภายใต้สามสำนักบำเพ็ญเต๋าแล้ว ในโลกบรรพกาลนี้จะหาเวทหลบหนีได้ยากยิ่งนัก

ในทุกวันนี้มีผู้บำเพ็ญจำนวนมากขึ้นที่เห็นสมบัติมีคุณค่าเหนือกว่าคาถาเวท ทำให้มีหลายคนดูแคลนบทบาทของเวทหลบหนี

เมื่อคำนวณเส้นทางของปีศาจใหญ่ หลี่ฉางโซ่วก็สะบัดแขนเสื้อ และตุ๊กตากระดาษหกตัวก็บินออกมาจากแขนเสื้อของเขาก่อนจะแปลงร่างเป็นบุรุษและสตรีที่มีรูปลักษณ์ รูปร่าง และลมปราณที่แตกต่างกัน

ทันทีหลังจากนั้น ตุ๊กตากระดาษทั้งหกตัวเหล่านั้นก็ง่วนอยู่กับงานที่ก้นทะเล พวกมันเริ่มจัดวางค่ายกลกับดักที่เหมาะจะปฏิบัติการในน้ำอย่างเงียบๆ

ในเวลานี้ ฉัตรเปลี่ยนสวรรค์ยังใช้งานไม่ได้ชั่วคราว เพราะเขายังปรับปรุงไม่เสร็จ

หลี่ฉางโซ่วหนีไปที่ชายฝั่ง รวมกับตุ๊กตากระดาษที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน ก่อนจะนำตุ๊กตากระดาษออกไป และพบที่อื่นที่จะหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าริมทะเล

เขาหลับตาลงและเพ่งจิตสังเกตการณ์ภายในพื้นที่รัศมีหนึ่งร้อยลี้อย่างระมัดระวังยิ่ง

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคลื่นมหึมาเคลื่อนตัวพลุ่งพล่านอยู่ในทะเลที่ห่างออกไปหนึ่งร้อยลี้!

แล้วค่ายกลวงกลมก็ปรากฏขึ้นบนพื้นผิวทะเล และคอยดักจับคลื่นยักษ์นี้โดยตรง!

ปีศาจใหญ่ยาวหนึ่งร้อยจั้งไม่ได้สังเกตเห็นการซุ่มโจมตีที่อยู่ข้างหน้า และพุ่งชนเข้าไปในค่ายกลกับดักชั่วคราวนั้น จากนั้นมันจึงสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติและเริ่มสะบัดเหวี่ยงตัวไปมาอย่างบ้าคลั่งทันที!

ทันใดนั้นร่างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งหกตัวก็ได้ปรากฏออกมาจากทั่วทุกมุม และรีบพุ่งไปล้อมรอบร่างของปีศาจใหญ่ พวกมันแต่ละตัวต่างก็โรยผงพิษหลายขวดพร้อมใช้พลังเซียนของพวกมันเพื่อตรึงร่างของปีศาจใหญ่เอาไว้

ในพริบตานั้นน้ำทะเลรอบๆ ร่างปีศาจใหญ่ก็กลายเป็นสีขุ่นมัว ทุกส่วนของร่างปีศาจพลันถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็วพร้อมกับวิญญาณของมันที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงเช่นกัน!

“เจ้าคือใคร! พวกเจ้า…ใคร…”

……………………………………………………