เรื่องมันก็เป็นแบบนั้นแหละ” ข้ากล่าว “ข้าเองก็จนใจ”

“อุ๊ย เข้าทาง – เอ้ย ท่าทางท่านอาจารย์จะตกที่นั่งลำบากซะแล้วน่ะค่ะ”

อลิเซียตอบกลับข้าอย่างนั้น

นี่คือบทสนทนาในวันถัดมา หลังจากที่ข้าถูกพ่อบังเกิดเกล้าถีบหัวส่งออกจากบ้าน เลยต้องบากหน้ามาพบอลิเซียตั้งแต่เช้าตรู่

ห้องที่เราคุยกันนี้ อยูในกองบัญชาการหน่วยอัศวิน ภายในมีโต๊ะ เก้าอี้ จัดวางแบบเรียบง่าย ผนังห้องทาทับฉาบสีขาวพื้นๆ เป็นห้องที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น ห่างไกลจากคำว่าหรูหรา แต่ก็ไม่เถื่อนมากนัก

ความเรียบง่ายนี้น่าจะบ่งบอกได้ว่าเหล่าอัศวินไม่เคยยักยอกทรัพย์ทางการและปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เอาเถอะ ข้าก็ไม่คิดว่าอลิเซียจะเป็นพวกฉ้อราษฎร์บังหลวง อยากใช้ชีวิตอย่างหรูหราอะไรแบบนั้นหรอก

วันนี้ข้าจำใจกลับมาที่เมืองหลวงบาลเทรนพร้อมดาบเล่มหนึ่ง และเงินติดกระเป๋าที่มากพอจะเดินทาง

ดีนะ ที่ออมเงินเก็บไว้ใช้ยามแก่

กลายเป็นว่าการที่ข้าไม่ได้ซื้อดาบเมื่อวันก่อนกลับไปด้วย เลยเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดไปเลย

คือข้าก็มีเงินพอจะซื้อมันได้นั่นแหละ แต่ราคามันแรงเกิน จนข้ากังวลกับเงินออมในวันข้างหน้า ข้าก็เลยไม่ซื้อมัน

มาคิดๆดูแล้ว ข้าก็ไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลยนะ ให้ตายเถอะ

“อย่างแรก ข้าคิดว่าต้องหาที่พักก่อน ต้องขอโทษด้วยที่มาขอความช่วยเหลือจากเจ้าแบบนี้…”

“ไม่หรอกค่ะ ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้ลำบากอะไรเลย” อลิเซียกล่าว

พ่อข้าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ข้าเลยหันไปขอความเห็นใจจากแม่ข้า แต่แม่ข้าก็เห็นด้วยกับพ่อข้าซะงั้น

ในเมื่อทั้งสองอยากอุ้มหลาน แล้วข้าจะปริปากบ่นอะไรได้ล่ะ

แลนดริดก็โดนพ่อข้ากดดันให้รับตำแหน่งเจ้าสำนักไปเรียบร้อยแล้ว

เห็นรอยยิ้มเจื่อนๆ ลำบากใจของเขาและบอกกับข้าว่า “ท่านอาจารย์ครับ! ทุ่มสุดตัวเลยนะครับ!!”

ข้าก็ไปไม่เป็นแล้วล่ะ

ยิ่งเห็นสายตาเห็นใจของแฟนนาลี่ ยิ่งทำให้ข้ากระอักกระอ่วนภายในใจ

“……”

“เอ่อ อลิเซีย” ข้าถามนางที่นิ่งอึ้งไป “เป็นอะไรรึเปล่า?”

เมื่อสถานการณ์มันตกกระไดพลอยโจนให้ข้าต้องมาอยู่ที่เมืองบาลเทรน โดยไม่มีเส้นสายหรือคนรู้จักใดๆ

ข้าจึงรู้สึกผิดในใจที่ต้องมาพึ่งอลิเซียแบบนี้ แต่ทำไงได้ล่ะ เธอเป็นคนเดียวในเมืองนี้ที่ข้าไว้วางใจ

ข้าก็คิดว่าคงไม่หนักหนาอะไรถ้าถามเธอเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนเธอจะคิดหนักพอสมควรเลย

เออ ใช่สิ มันดูไม่ดีเลยที่คนที่จะมาเป็นครูฝึกสอนพิเศษให้กองอัศวินจะมาทำตัวแบบนี้

“….ข้ากำลังไตร่ตรองว่าถ้าท่านจะพักอยู่ที่บ้านข้า…” อลิเซียพึมพัม

“เดี๋ยวๆ จะทำแบบนั้นได้ไงกันล่ะ ?!”

ข้าก็ว่าเธอนิ่งคิดอะไรอยู่ พอรู้เท่านั้นแหละ ข้าตัดฉับสิ่งที่เธอกำลังไตร่ตรองออกก่อนเลย

ให้สาวงามหัวหน้ากองอัศวินอยู่ร่วมบ้านเดียวกับตาลุงบ้านนอกอย่างข้า ดูท่าจะชิบหายไม่ใช่น้อย

ข้าไม่อยากให้อลิเซียและกองอัศวินต้องมาเสื่อมเสียเกียรติเพราะเรื่องแบบนี้หรอกนะ

“แต่พวกเราเหล่าอัศวินไม่ค่อยคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้หรอกค่ะ” อลิเซียกล่าว

“ข้าคิดว่านักผจญภัยอย่างลิซานดร้าน่าจะช่วยอาจารย์ได้เหมาะกว่าข้านะคะ”

“จริงสิ…ข้าเห็นด้วย..” ข้าตอบกลับเธอไปพลางคิดว่า นักผจญภัยที่ต้องเดินทางไปทำภารกิจตามเมืองต่างๆ น่าจะคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา

ข้าไม่เคยไปติดต่องานกับกิลด์นักผจญภัยเลยสักครั้ง แต่เซเลน่าก็บอกให้ข้าแวะไปหาเธอบ้าง

และถ้าข้าถามเรื่องที่พัก เธอน่าจะให้คำตอบกับข้าได้

“ข้าอยากจะหาห้องพักให้เสร็จก่อนสิ้นวันนี้ งั้นข้าขอตัวไปก่อนนะ” พูดจบข้าก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง

“เพราะอย่างนั้น” อลิเซียเอ่ยแล้วก็ลุกขึ้นเหมือนข้า “ข้าจะนำทางท่านอาจารย์ไปเอง ที่นั่นอยู่ไม่ห่างจากกองบัญชาการเท่าไรหรอกค่ะ”

“ขอบใจเจ้ามาก ได้เจ้าช่วยไว้มากจริงๆ” ข้าตอบแล้วคว้าถุงย่ามสะพายขึ้นบ่า ในขณะที่อลิเซียเดินออกจากกองบัญชาการพร้อมข้าและพกดาบของเธอไปด้วย

“ถึงแล้วค่ะ”

“นี่มันใกล้มากเลยนะเนี่ย?”

และแล้ว พวกเราก็มาถึงกิลด์นักผจญภัย สาขาอาณาจักรริเบอริส

สถานที่นี้อยู่ใกล้กับกองบัญชาการหน่วยอัศวินอย่างมาก มันอยู่ห่างจากถนนหลังกองบัญชาการแค่ไม่กี่ช่วงตึกเท่านั้นเอง ข้าคิดว่าใช้เวลาเดินไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ

ถึงสถานที่จะไม่ได้โอ่อ่าเท่ากองบัญชาการหน่วยอัศวิน แต่ก็เป็นอาคารหลังใหญ่หลังหนึ่งในเมืองบาลเทรน เท่าที่เห็น ก็มีเหล่านักผจญภัยเดินเข้าเดินออกที่นี่ตลอด

เอาน่า ข้าว่ามันก็ดูดีอยู่นะ

“งั้นก็เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ”

“อื้อ” ข้าตอบกลับอลิเซียสั้นๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าจะต้องเดินเข้ากิลด์ ข้าก็เลยเก้ๆกังๆอยู่บ้าง

และโดยไม่สนใจว่าข้าจะรู้สึกอย่างไรขณะนั้น อลิเซียก็เปิดประตูผางเข้าไปซะอย่างนั้น

ข้ารีบหลบอยู่หลังเธอด้วยความประหม่า จากหน้าประตู มองเห็นข้างในเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีเคาท์เตอร์ตั้งอยู่ตรงกลาง ด้านซ้ายและขวาติดกระดานประกาศข่าวสารไว้และมีบันไดขึ้นชั้นบนที่ด้านขวาของอาคาร

ห่างออกไปทางซ้าย เป็นพื้นที่รับรองสำหรับให้นักผจญภัยพบปะสนทนากัน มีโต๊ะกลมและเก้าอี้จัดวางไว้ มองเห็นนักผจญภัยนั่งพักเอกเขนกอยู่แถวนั้นอยู่บ้าง

แล้วก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆตอนที่เห็นข้าเข้าเมืองมานั่นแหละ จ้องมองกันแปลกๆ ..ไม่สิ รู้สึกว่ามันทำท่าสงสัยเป็นเท่าตัวเลยเฮ้ย บางทีคงเป็นเพราะเห็นข้ามากับอลิเซียนั่นล่ะมั้ง

“รบกวนหน่อยนะ” อลิเซียเดินตรงไปที่เคาท์เตอร์โดยไม่สนใจรอบๆ และถามพนักงานว่า ” ช่วยเรียก [ดาบพิฆาตมังกร] – เซเลน่า ลิซานดร้ามาพบข้าได้มั้ย?”

“เอ่อ ได้ค่ะ” พนักงานกิลด์ตอบรับ “รอสักครู่นะคะ”

ข้ารับรู้ได้ว่าพวกพนักงานรู้สึกสับสนและตึงเครียดอยู่บ้าง

ก็นะ การที่อัศวินแห่งริเบลลิโอ้จะมาเยือนกิลด์นักผจญภัยนี่มันไม่น่าจะปกติสักเท่าไร

ยิ่งกว่านั้น อลิเซียยังเรียกนักผจญภัยระดับสีนิลอย่างเซเลน่าให้มาพบด้วย ก็เลยยิ่งตื่นตระหนกกันไปใหญ่ว่ามีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นรึเปล่า

แต่ที่มาที่ไปมันก็แค่ช่วยตาลุงแก่ๆคนนึงหาที่พักแค่นั้นแหละ ต้องขอโทษที่ทำให้แตกตื่นตกใจกันนะทุกคน

“นี่ไซตรัส ถ้าเจ้าจะมาหาเรื่องจุกจิกอะไร ข้าจะกลับไปนอนต่อแล้วนะ…………ท่านอาจ๊ารย์!? “

เซเลน่าที่กำลังเดินลงบันไดมาจากชั้นบน เธอท่าทางอารมณ์ไม่ดีเท่าไร แต่พอเห็นข้าเท่านั้นแหละ ถึงกับตกใจตาค้างและไม่อาจเก็บซ่อนความแปลกใจเอาไว้ได้

“หะ -ฮาย เซลเลน่า ข้ามาตามที่เจ้าบอกเมื่อวานแล้วนะ” นั่นทำเอาข้าตอบเธอกลับแบบเกร็งๆเหมือนกัน

“นี่ไม่ใช่เรื่องจิ๊บจ๊อยแล้ว” เซเลน่ากล่าว “นี่โคตรสำคัญเลยนะ”

“เป็นไปได้ไงเนี่ย ข้าไม่คิดว่าจะได้พบท่านเร็วแบบนี้เลย”

“ต้องขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ คือมันเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นนิดหน่อย” ข้าตอบเธอไปอย่างนั้น

“อื่มมมมม…..” เซเลน่าพึมพัมเบาๆ “ข้าว่าเราขึ้นไปคุยกันต่อข้างบนกันเถอะค่ะ …..แล้วเจ้าจะมาด้วยมั้ยล่ะ ไซตรัส”

“มันแหงอยู่แล้วล่ะย่ะ” อลิเซียตอบ

คือเอาตรงๆชัดๆ มันไม่ใช่เรื่องซีเรียสแบบวิกฤติความมั่นคงของชาติอะไรเทือกนั้นเลยนะ

ข้าแค่จะหาที่พักที่สะดวกสบายสักหน่อย ไม่เห็นต้องทำอะไรเป็นทางการแบบนี้เลย

แต่ก็เอาเถอะ ถ้าจะขึ้นข้างบนก็รีบๆขึ้นเลยละกัน

ไอ้พวกรอบๆที่ด้อมๆมองๆกันมาสักพัก ยิ่งฉงนกันหนักขึ้นไปอีกแล้วนั่น

มันคงดูเป็นสถานการณ์อันสำคัญยิ่งในสายตาพวกนั้นและดูน่าสงสัยอย่างปฏิเสธไม่ได้ที่นักผจญภัยที่มีชื่อเสียงโด่งดังจะกล่าวสุภาพนอบน้อมให้กับใครสักคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการพูดคุยกันระหว่างหัวหน้ากองอัศวินแห่งริเบลลิโอ้กับนักผจญภัยขั้นสีนิลโดยมิได้มีการนัดหมายกันมาก่อน

ถึงอลิเซียกับเซเลน่าจะแสดงท่าทีช่างมัน ฉันไม่แคร์………แต่กูแคร์ครับ

ดังนั้น ข้าจึงอยากจะรีบคุยกันให้จบๆ แล้วจะได้ออกไปจากที่นี่สักที

ข้าก็ไม่รู้ว่าทั้งสองจะรับรู้ถึงบรรยากาศอึนๆรอบๆด้วยรึเปล่า แต่เซเลน่าก็ก้าวขึ้นบันไดไปก่อนแล้ว

ยังดีที่ชั้น 2 ไม่ได้เป็นห้องโถงแบบชั้นล่าง แต่เป็นระเบียงทางเดินทอดยาวที่มีห้องหับต่างๆอยู่ด้านซ้ายและขวา

“งั้นเราคุยกันในห้องรับรองนี้นะคะ”

“แล้วไม่ต้องขออนุญาตใช้ห้องก่อนเหรอ?” ข้าสงสัย

“ค่ะ ข้าได้รับอนุญาตให้ใช้ห้องรับรองได้ตลอด ตราบเท่าที่ยังอยู่ในเมืองนี้”

เซเลน่าตอบกลับข้าอย่างนั้น

“ระดับสีนิลนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ” ข้ากล่าว “แล้วพวกเค้าดูแลเจ้าแตกต่างไปจากคนอื่นด้วยรึเปล่า?”

“ไม่หรอกค่ะ ท่านอาจารย์ ที่ข้ามีวันนี้ได้ก็เพราะการสั่งสอนของท่าน” คำตอบของเซเลน่า ทำเอาตาลุงคนนี้กระดากอายขึ้นมา มันใช่เวลามั้ยเนี่ย?

“แล้วดูเหมือนว่าท่านอาจารย์มีธุระบางอย่างที่ต้องทำใช่มั้ยคะ?”

“อ้อ เรื่องมันมีอยู่ว่า-” พอได้นั่ง ข้าก็ร่ายยาวถึงมหากาพย์ถีบหัวส่งของพ่อข้าเหมือนที่เล่าให้อลิเซียฟัง

พ่อนะพ่อมาทำกันได้ รู้มั้ยว่าสร้างความอับอายให้ข้าต่อหน้าลูกศิษย์ขนาดไหน

“เข้าใจล่ะ..” เซเลน่าได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วจึงแนะนำข้า

“ข้าพอจะรู้จักที่พักราคาไม่แพงและคุณภาพดีอยู่บ้างค่ะ”

“ถ้าเป็นไปได้ เอาที่อยู่ใกล้ๆกิลด์ก็ดีนะคะ”

“เดี๋ยวสิยะ ยัยลิซานดร้า ต่อไปท่านอาจารย์ต้องเดินทางไปทำงานที่กองบัญชาการหน่วยอัศวิน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ที่พักของท่านอาจารย์ควรอยู่ใกล้กองบัญชาการจะดีกว่า”

อลิเซียเบรคเอี๊ยด โต้กลับข้อเสนอของลิซานดร้า

“พูดพล่ามอะไรของเจ้าน่ะ?” เซเลน่าก็ไม่ยอมถอย “กิลด์นักผจญภัยกับกองบัญชาการหน่วยเจ้ามันก็อยู่ใกล้ๆกัน ดังนั้นเลือกที่พักแถวๆนี้ก็สะดวกดีออก”

แล้วววววววทั้งสองก็เริ่มฉะฝีปากกันอีกแล้ววววววว

ให้มันได้อย่างนี้สิ ข้าแค่อยากจะได้ที่พักให้เร็วที่สุด จะที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ

หลังจากโต้เถียงกันไปมาสักพัก ก็ได้ข้อสรุปว่า ที่พักในเมืองบาลเทรนของข้านั้นอยู่ไม่ห่างจากทั้งกิลด์นักผจญภัยและกองบัญชาการหน่วยอัศวินสักเท่าไรนั่นเอง

—–จากผู้แปล——

พึ่งได้สติจาก Diablo Immortal เลยมาแปลต่อ