ตอนที่ 77 นางต้องเติมเชื้อไฟ
เยี่ยมมาก นี่สิถึงจะเป็นข่าวที่อวี้ชิงลั่วอยากได้ยิน ช่างน่าสนใจจริง ๆ ปรากฏว่าหลี่หรานหร่านนั้น…มิอาจตั้งครรภ์ได้
ไม่แปลกใจเลยที่นางอยู่ข้างกายอวี๋จั้วหลินมานานหลายปีถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่มีบุตรแม้แต่คนเดียว
นางคิดมาโดยตลอดว่าเป็นเพราะเขาต้องไปรักษาการณ์อยู่ข้างนอกตลอดทั้งปี จึงปล่อยภรรยาผู้อ่อนหวานอยู่ในเรือนอย่างโดดเดี่ยว ดังนั้นจึงมิอาจอุ้มบุตรได้
ตอนนี้ ความจริงได้ปรากฏแล้ว ว่าหลี่หรานหร่านมีบุตรยาก
ฮูหยินใหญ่ในตอนนั้น บอกกับนางด้วยคำสาบานว่า ตระกูลอวี๋ของนางไม่ต้องการให้อวี้ชิงลั่วอยู่ ย่อมมีคนให้กำเนิดบุตรเป็นโหลให้กับอวี๋จั้วหลินได้ เหอะ คนผู้นั้นก็คือหลี่หรานหร่านมิใช่หรือ?
จินหลิวหลีได้ทราบข่าวนี้ถึงกับตกตะลึง อวี๋จั้วหลินผู้นี้ทำบาปไว้มากเกินไปจริง ๆ ถึงได้เกิดการลงโทษเช่นนี้
อวี้ชิงลั่วมีความคิดอยู่ในใจแล้ว หากจะจัดการกับตระกูลอวี๋ ก็ยิ่งสะดวกมากขึ้น
นางมองเจียงอวิ๋นเซิงด้วยรอยยิ้ม เห็นว่าอีกฝ่ายขาสั่นพั่บ ๆ อย่างห้ามไม่อยู่ จึงนั่งลงบนตำแหน่งเมื่อครู่อีกครั้ง ช้อนสายตาถาม “นางหลี่รู้ถึงอาการป่วยของนางหรือไม่?”
“รู้ รู้ดี นางห้ามไม่ให้ข้าบอกคนอื่น ๆ มิเช่นนั้นนางคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้” ขอแค่เอ่ยปากพูดออกมา หลังจากนี้จะถามอะไรต่อไป เจียงอวิ๋นเซิงก็จะตอบความจริงแล้ว
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้? หลี่หรานหร่านช่างมีความคิดลึกซึ้ง นางอยู่ข้างกายอวี๋จั้วหลินมาเจ็ดปีแล้ว ปรนนิบัติฮูหยินใหญ่ตระกูลอวี๋อย่างเหมาะสม ทำให้นอกจากนางแล้วตระกูลอวี๋ก็ไม่ได้แต่งสตรีคนใดเข้ามาเป็นสะใภ้อีก คนแบบนี้จะมีชีวิตต่อไปไม่ได้หรือ?
“ในเมื่อนางไม่ให้ท่านพูด เหตุใดท่านถึงบอกกับอวี๋จั้วหลินว่าโรคของนางมีแค่หมอปีศาจที่รักษาได้ และให้เขาไปหาหมอปีศาจ? ท่านไม่กลัวว่าหมอปีศาจจะตรวจพบโรคของนางหรือ?”
เจียงอวิ๋นเซิงเงยหน้าขึ้น ใบหน้าแสดงออกราวกับเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ นาง นางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?
“…อันที่จริง อันที่จริงคำพูดนี้ เป็นสิ่งที่นางหลี่ให้ข้าบอก นางกลัวว่าตระกูลอวี๋จะหาหมอที่มีทักษะทางการแพทย์ระดับสูงคนอื่น ๆ มาอีก แล้วตรวจเจอเรื่องที่นางเป็นหมัน ดังนั้นจึงบอกให้ข้าบอกกับตระกูลอวี๋ว่าโรคนี้มีแค่หมอปีศาจที่รักษาได้ ถึงอย่างไรหมอปีศาจก็มีร่องรอยการเดินทางที่ไม่แน่นอนและตามหาตัวได้ยาก ต่อให้ตระกูลอวี๋ส่งคนไปตามหาจริง ๆ ก็ใช่ว่าจะตามหาเจอ”
อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะ เป็นเช่นนี้จริง ๆ ด้วย
แต่น่าเสียดาย อวี๋จั้วหลินเจอตัวนางแล้ว ทั้งยังบอกให้นางรู้ถึงเรื่องที่หลี่หรานหร่านป่วยด้วย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากนางไม่เติมเชื้อไฟ คงรู้สึกผิดกับการกดขี่ข่มเหงเมื่อหกปีก่อนของพวกเขา
เมื่อได้รับคำตอบที่นางต้องการ อวี้ชิงลั่วจึงยื่นยาเม็ดสีขาวในมือให้เจียงอวิ๋นเซิงหนึ่งเม็ด อีกฝ่ายรีบยื่นมือออกมารับ แต่ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งราวกับไม่คิดจะกิน
อวี้ชิงลั่วเดาได้ว่าภายในใจของเขากำลังคิดสิ่งใด “อะไรกัน ท่านอยากเก็บไว้ศึกษาอย่างดีหรือ? ข้าจะบอกอะไรให้นะ พิษของท่านรอช้าไม่ได้แล้ว หากไม่กินยาถอนพิษภายในระยะเวลาหนึ่งก้านธูป ก็รอคนมาเก็บศพของท่านเถอะ”
เสียง “อึก” ดังขึ้น สิ้นสุดเสียงของอวี้ชิงลั่ว เจียงอวิ๋นเซิงก็รีบยัดยาใส่ปากทันที
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ทันที เมื่อร่างกายไม่มีสิ่งผิดปกติอะไร จึงแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
เพียงแต่เมื่อถอนพิษแล้ว สีหน้าของเขากลับดูย่ำแย่ขึ้นมา “เชิญแม่นาง”
นี่เป็นคำสั่งไล่แขกแล้ว…หากมิใช่เพราะมองออกว่าทั้งสองคนมีฝีมือไม่ธรรมดา และเรื่องในวันนี้มิอาจแพร่งพรายออกไปได้ ตอนนี้เขาคงสั่งให้คนเข้ามา แล้วไล่ตะเพิดพวกนางออกไปแล้ว
อวี้ชิงลั่วยักไหล่ ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างสบาย ๆ เพียงแค่ยังไม่ทันที่นางจะได้เดินออกไปข้างนอก ประตูห้องก็ถูกคนผลักให้เปิดออก
เด็กจ่ายยาที่ถูกเจียงอวิ๋นเซิงไล่ออกไปเมื่อครู่เข้ามาพร้อมกับเหงื่อท่วมศีรษะ “อาจารย์ ด้านนอกมีคนมาเยอะมาก ทั้งยังไล่คนที่มารักษาออกไปจนหมด บอกให้ท่าน บอกให้ท่านไปรักษาอาการให้นายท่านของพวกเขาขอรับ”
“อะไรนะ?” เจียงอวิ๋นเซิงก้าวเท้าสองสามก้าวไปยืนข้างเขา ยังไม่ได้ทันได้ถามอะไรอย่างละเอียด บุรุษที่เดินตามหลังเด็กจ่ายยาก็ถามด้วยใบหน้าดุร้าย “ท่านคือท่านหมอเจียง?”
“ใช่” บุคคลผู้นี้เป็นใครกันแน่? โรงหมอซิงเซิ่งของพวกเขาถึงอย่างไรก็มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ทุกคนต่างก็รับรู้โดยปริยายว่ามีคนหนุนหลังเขาอยู่ ไม่เคยมีใครกล้าบุกรุกเข้ามาอย่างเอิกเกริกเช่นนี้มาก่อน ทั้งยังตะเพิดคนไข้ทั้งหมดของเขาออกไป นี่มันอะไรกัน ไม่อยากมีชีวิตกันแล้วหรือ?
ทว่าคนคนนั้นกลับไม่สนใจว่าภายในใจของเขาจะคิดอย่างไร เมื่อเห็นอีกฝ่ายยอมรับ จึงจับมือของเขาและลากออกมาในทันที
“นี่ พวกเจ้าทำอะไรกัน? พวกเจ้าก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ ข้าจะไปรายงานกับทางการ” เจียงอวิ๋นเซิงเป็นเพียงหมออ่อนแอคนหนึ่ง ยุ่งวุ่นวายตลอดทั้งวันเมื่อคู่ก็เพิ่งถูกวางยา ตอนนี้มาถูกเขาลากออกไปเช่นนี้ จะทนไหวได้อย่างไรกัน เพียงไม่นานบนหน้าผากก็มีเหงื่อผุดออกมา
โชคดีที่คนผู้นั้นเดินไปไม่ไกล เพียงแค่ลากเขาไปที่ด้านหน้ารถม้าตรงหน้าประตู กล่าวเสียงขรึมว่า “คนไข้อยู่ด้านใน รีบดูหน่อย”
เจียงอวิ๋นเซิงปาดเหงื่อบนหน้าผาก ตอนที่กำลังจะตำหนิด้วยความโกรธ ตอนที่หันกลับไป ก็พบว่าโรงหมอของตนเองนอกจากเด็กจ่ายยาและหมอแล้ว ก็ไม่มีใครอยู่ที่นี่แม้แต่คนเดียว ถนนสายนี้ที่อยู่หน้าประตูโรงหมอถูกคนกลุ่มนี้แยกออกไปแล้ว และไม่ให้คนเข้ามาดูความครึกครื้นทางฝั่งนี้ด้วย
เขาเกิดอาการใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ทราบดีว่าอีกฝ่ายมิอาจยั่วโมโหได้ จึงรีบปีนขึ้นไปด้านบนรถม้า
ครั้นเข้าไป ก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดสองเสียงภายในรถม้า เขาชะงัก มองไปด้านหน้าก็พบว่าในรถมีผู้ใหญ่และเด็กอยู่ในสภาพอ่อนล้าและมีใบหน้าขาวซีด
เจียงอวิ๋นเซิงขมวดคิ้ว ยื่นมือออกไปกดหนังตาของพวกเขาเพื่อตรวจอาการ ก่อนจะจับชีพจร คิ้วพลันขมวดเข้าหากันจนแน่น
ด้านนอกรถม้าเงียบสงัด คนที่คุ้มกันอยู่รอบ ๆ เหล่านั้นราวกับเป็นกังวลมาก แม้ว่าสีหน้าจะดูตึงเครียด แต่กลับยากเกินกว่าจะปิดซ่อนความกังวลที่อยู่นัยน์ตาได้
ตอนที่อวี้ชิงลั่วเห็นคนเหล่านั้นลากเจียงอวิ๋นเซิงออกไป นางก็ถูกจินหลิวหลีพาขึ้นไปอยู่ด้านบนคานบ้านแล้ว ทั้งสองคนขมวดคิ้ว มองดูฉากที่อยู่ด้านล่างอย่างเงียบ ๆ
ผ่านไปครึ่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของอวี้ชิงลั่วดังขึ้น “บนมือของคนคนนั้นดูเหมือนว่าจะมีรอยสักด้วย”
“หืม?” จินหลิวหลีมองไปตามสายตาของนาง ก็ถึงขั้นสูดลมเย็นทันที กระซิบข้างหูของอวี้ชิงลั่วว่า “นั่นคือสัญลักษณ์ของราชองครักษ์แห่งอาณาจักรหลิวอวิ๋น ข้าเคยเห็นมาก่อน”
ราชวงศ์?
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว คนของราชวงศ์อาณาจักรหลิวอวิ๋น เหตุใดถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่?
“ดูจากเสื้อผ้าของอาณาจักรเราที่พวกเขาสวมใส่ รวมถึงท่าทางหลังจากปลอมตัว คาดว่าคงแอบเข้ามา แต่ว่า…ตอนนี้กลับขอร้องให้เจียงอวิ๋นเซิงรักษาให้พวกเขาด้วยท่าทางตื่นตระหนกเช่นนี้ คาดว่านายท่านที่อยู่ในรถม้า คงป่วยหนักมากจริง ๆ สถานการณ์เร่งด่วนด้วย”
จินหลิวหลีพยักหน้า “คนเหล่านี้ดูเหมือนว่าคงยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว แม้ว่าสถานะจะถูกเปิดเผยก็ไม่สนใจอะไรแล้ว”
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวข้าง ๆ รถม้า ตามมาติด ๆ ด้วยม่านรถที่ถูกแหวกออก เจียงอวิ๋นเซิงรีบปีนออกมาจากด้านในด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
“ไป พวกเจ้ารีบไปซะ โรคของพวกเขาข้ารักษาไม่ได้ รักษาไม่ได้”
“เจ้าว่าอะไรนะ?” ราชองครักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ รถม้ารีบชักดาบมาพาดบนคอของเขา เจียงอวิ๋นเซิงก็ยิ่งตกใจจนใบหน้าแข็งทื่อ
วันนี้เขาดวงซวยอะไรกัน เหตุใดถึงได้เจอกับเรื่องแย่ ๆ ติดต่อกันเช่นนี้?
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง “โรคของคนที่อยู่ในรถม้า ดูเหมือนว่าจะเป็นโรคติดต่อด้วยสิ”
มิเช่นนั้น เจียงอวิ๋นเซิงจะตื่นตระหนกขนาดนั้น ทั้งยังไล่ให้พวกเขารีบออกไปได้อย่างไรกัน?
…………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่านหมอควรไปทำบุญล้างซวยสักสิบวัดนะคะ เจอแต่เรื่องติด ๆ กันเลย
คนในรถม้าเป็นโรคติดต่ออะไรมานะ จะมีคนติดบ้างไหม
ไหหม่า(海馬)